บทที่ 45 ผู้เคลือบคลาน

ไหปีศาจ

บทที่ 45

ผู้เคลือบคลาน

วิกฤติได้สิ้นสุดลงแล้ว

ผู้คนมากมายเข้ามาจากข้างนอกร้านเพื่อมาดูปีศาจ ยาหลงในระยะใกล้

สัตว์วิญญาณหายากมากระดับทอง

มันเป็นสัตว์วิญญาณที่สามารถพบได้เมื่อเข้าไปในทะเลทรายในระดับที่ลึกมาก

คราวนี้ทีมล่าสัตว์คมมีดนั้นโชคดีมาก พวกเขาได้พบสัตว์วิญญาณ ปีศาจยาหลงสองตัว และได้พยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อจับพวกมันจนสำเร็จ

“มันเป็นสัตว์วิญญาณระดับทองจริง ๆ”

“ความเร็วในการเติบโตทางธุรกิจของศาลาไป่หยู่ช่างน่ากลัวจริง ๆ”

“ ข้าศึกษาเกี่ยวกับมันมามาก ไม่นึกเลยจริง ๆ ว่าปีศาจยาหลงจะมีรูปร่างแบบนี้”

มีการพูดคุยกันเกิดขึ้นมากมายในฝูงชน

“ ท่านหลิวขอบคุณจริง ๆ ที่ท่านมาช่วยพวกเราเอาไว้ ไม่เช่นนั้นพวกข้าในศาลาไป่หยู่ คงเจอกับหายนะครั้งใหญ่เป็นแน่”

“อย่าใส่ใจไปเลยน่า” หลิวหูลูบงูทมิฬปีกกระดูกที่เอวของเขา “ที่งูทองคำของข้าวิวัฒนาการขึ้นมาได้อย่างประสบความสำเร็จก็เพราะท่าน”

“ยิ่งไปกว่านั้น ที่ข้าจับปีศาจยาหลงมาได้สองตัวและขายให้ท่าน ข้าก็ในราคาที่ดีจากท่านใช่ไหมล่ะ ถ้าเป็นทางหอคอยหวงชาพวกเขาก็คงไม่ได้ใจดีกับพวกข้ามากเท่าไหร่”

เดิมทีแล้วในแถบนี้มีเพียงหอคอยหวงชาที่จะมีเงินมากพอซื้อสัตว์วิญญาณระดับทองได้

ซึ่งสำหรับปีศาจยาหลง,หอคอยหวงชาสามารถให้ราคาสูงได้ถึงราว ๆ 60000 หินวิญญาณ

กลับกันเขาไม่ได้คาดคิดว่าศาลาไป่หยู่จะร่ำรวยพอที่จะซื้อ

อีกทั้งยังซื้อในราคา 80000 หินวิญญาณเสียด้วย

ลั่วอู๋พูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านหลิวมาตกลงกันเถอะ ข้าอยากจะจ้างท่านมาทำงานชั่วคราวเป็นผู้คุ้มกันศาลาไป่หยู่ท่านคิดว่าอย่างไรบ้าง”

“อืม … ” หลิวหู ลังเล “พรรคพวกของข้าเป็นอิสระและไม่เป็นระเบียบกันเท่าไหร่ ถ้าท่านไม่ชอบพวกเราก็หาเงินกันได้อยู่ดี”

“ข้าเสนอห้าหมื่นหินวิญญาณต่อเดือน และหากในอนาคตทีมคมมีดของพวกท่านจับสัตว์วิญญาณมาได้ ศาลาไป่หยู่จะขอซื้อในราคาที่เพิ่มขึ้น 30% จากตลาด” ลั่วอู๋ กล่าวอย่างจริงจัง

ห้าหมื่นต่อเดือน!

ทุกคนในพรรคคมมีดตกใจ

แม้จะมีเวลาเกือบสามเดือนพวกเขาก็จับสัตว์วิญญาณได้เพียงสองตัวคือปีศาจยาหลงและมีกำไร เพียง160000 หินวิญญาณ

ถึงจะโชคดีที่ได้เจอปีศาจยาหลง แต่การจับสัตว์วิญญาณระดับทองที่ได้กำไรสูงก็มาพร้อมกับความเสี่ยงและอันตรายที่สูง

“ผู้คุ้มกันเป็นงานที่ทำเป็นระยะ ๆ ท่านสามารถออกไปนอกเมืองเพื่อล่าสัตว์ได้ตามปกติ ข้าแค่อยากให้มีธงของทีมคมมีดของท่านที่ศาลาไป่หยู่ เพื่อป้องกันคนที่จะมาโจมตีพวกเรา”

“ ข้าขออภัยด้วยที่อาจไม่ค่อยชัดเจน” ลั่วอู๋พูด

ด้วยการรวมกับทีมคมมีด ซึ่งเป็นทีมล่าสัตว์อย่างน้อย ๆ หอคอยหวงชาก็ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้

เพราะทีมหวงชาเองก็มีผู้ใช้พลังวิญญาณที่อยู่ในระดับทองขึ้นไปไม่กี่คนและมันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะส่งคนที่แข็งแกร่งเหล่านี้ลงมาจัดการกับศาลาไป่หยู่ทั้งหมด

ทีมคมมีดนั้นมีพลังเพียงพอแล้วสำหรับการแก้ปัญหาในเวลาคับขันทั่วไป

หลิวหู ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วมันไม่เลวเลยพี่ชายลั่ว แต่ท่านไม่ให้เงินพวกเรามากเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฮ่าฮ่า เรื่องเงินน่ะท่านสบายใจได้” ลั่วอู๋ยิ้มแล้วพูดต่อ “ท่านไม่ได้กลับมาที่เมืองแห่งความพินาศเป็นเวลานาน บางทีท่านคงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นช่วงนี้”

“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ” หลิวหูสับสนเล็กน้อย

แขกผู้เข้ามาดูศาลาไป่หยู่ มาชมฉากที่คึกคัก พวกเขาตื่นเต้นมากที่ลั๋วอู๋จะได้เล่าเรื่องแปลกประหลาดต่าง ๆ ให้หลิวหูฟังจนตกใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับศาลาไป่หยู่ในช่วงนี้

แมงป่องทราย

ยารวบรวมวิญญาณ

สัตว์วิญญาณประเภทสัตว์เลี้ยง

ทุกคนทำเงินทำกำไรได้เต็มไห

ส่วนทุกคนในทีมคมมีดต่างก็เวียนหัวเมื่อพวกเขาได้ยินเกี่ยวกับเรื่องราวการค้าอันดุเดือด

ใครจะไปคิดกันล่ะ ว่าเพียงแค่สองเดือนศาลาไป่หยู่ก็พัฒนาธุรกิจมารุ่งเรืองได้ขนาดนี้

หลิวหูตระหนักถึงประเด็นสำคัญ ศาลาไป่หยู่นั้นเคยเป็นเพียงแค่ร้านค้าธรรมดา แต่หลังจากลั่วอู๋มาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น

มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!

หลิวหู คิดอยู่ในใจ “ก็นะเขาเป็นคนที่สามารถช่วยให้งูทองคำวิวัฒนาการได้เลยนะ เขาก็ต้องไม่ใช่คนธรรมดาอยู่แล้วสิ!

“ถ้าเรื่องราวที่ผ่านมาเป็นแบบนั้นก็ดี งั้นข้าตกลง” หลิวหูพูด

เขาไม่ได้กลัวที่จะต้องพาพี่น้องร่วมทีมไปเสี่ยงโชคในการล่าเหมือนแต่ก่อน แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่มีที่ต้องเสียอยู่แล้วในการทำข้อตกลง

ทุกคนใน ศาลาไป่หยู่ต่างก็ตื่นเต้นดีใจ

ด้วยการปรากฏตัวและการร่วมมือของทีมคมมีด พวกเขาจึงไม่มีข้อบกพร่องในการป้องกันศาลาไป่หยู่ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ยอดเยี่ยม

ลั่วอู๋ยิ้มอย่างมีความสุข “ท่านหลิว ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวศาลาไป่หยู่ วันนี้ข้ามีความสุขมากข้าจะช่วยให้ ท่านฝึกฝนสัตว์วิญญาณ ให้ฟรี ๆ เลย”

พวกเขาทั้งหมดดูมีความสุข

มันเป็นเรื่องดีที่จะได้รับการฝึกฝนฟรีจากผู้ปรับแต่ง

อย่างน้อยที่สุดความสามารถของสัตว์วิญญาณ ของพวกเขาสามารถปรับปรุงได้เล็กน้อย

คราวนี้ลั่วอู๋สูญเสียไปเยอะมาก เขาจ่ายแต้มเซียนไปมากมายเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสัตว์วิญญาณของทีมคมมีดในทีเดียว ยกเว้นงูทมิฬปีกกระดูก สัตว์วิญญาณทั้งหมดของทีมคมมีดได้รับการยกระดับขึ้น

พวกเขาทั้งหมดรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

ยกระดับขึ้น 1 มิติ

ถ้าไปติดต่อผู้ปรับแต่งทั่ว ๆ ไป เพื่อขอให้ช่วยยกระดับก็คงจะมีค่าใช้จ่ายอย่างน้อย1000 หินวิญญาณหรือมากกว่า เรียกได้ว่าของขวัญจากเจ้าของร้าน ลั่วไม่ใช่อะไรน้อย ๆ เลยทีเดียว

มันตรงไปตรงมามาก

ลั่วอู๋พูดกับหลิวหู “ท่านหลิว สำหรับงูทมิฬปีกกระดูกมันระดับสูงเกินไป ดังนั้นข้าคงจะต้องขอเรียกใช้จ่ายบ้างในการยกระดับและมันก็ยากนิดหน่อย … “

“ข้ารู้ ข้ารู้” หลิวหูโบกมือ “เรื่องเงินมันไม่สำคัญหรอก”

สัตว์วิญญาณระดับทองต้องการวัตถุดิบจำนวนมากเพื่อฝึกฝนยกระดับ

และมีเพียงผู้ปรับแต่งระดับสูงเท่านั้นที่สามารถทำได้

“แต่ข้ามีวิธีลับ ซึ่งสามารถเปลี่ยนให้ งูทมิฬปีกกระดูกมีทักษะก้าวพริบตาได้” ลั่วอู๋ลดเสียงของเขาลง “แต่มันใช้เวลานานมากนะ”

ดวงตาของหลิวหูเบิกกว้าง

เขาวางแผนที่จะยกเลิกโอกาสในการฝึกฝนฟรีในทันที

แต่เมื่อคำพูดมาถึงปากเขากลับพูดไม่ออกซะอย่างนั้น

ก้าวพริบตา !!

นั่นเป็นทักษะที่ดีมาก

และเป็นทักษะที่ใช้งานในสถานการณ์จริงได้ดีมากด้วย

งูทมิฬปีกกระดูกที่มีทักษะการบิน, ก้าวพริบตาและมีพิษร้ายแรง มันคงมีบทบาทอย่างมากในการต่อสู้ และคงเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก

“ไม่ต้องรีบไปท่าน ค่อย ๆ คิดดูก็ได้” หลิวพูดอย่างรวดเร็ว

เขาเป็นห่วงว่าหลิวหู จะกังวลเกินไปว่ามันจะล้มเหลว

ลั่วอู๋พยักหน้า

หากเขาต้องการให้สัตว์วิญญาณระดับทองให้ได้ทักษะใหม่ที่มันไม่น่าจะมีได้ เขาคงจะต้องล้มเหลวหลายร้อยครั้ง จนกว่าจะประสบความสำเร็จ

ปกติเขาใช้ 200 แต้มเซียน เพื่อให้สัตว์วิญญาณทั่วไปได้ทักษะก้าวพริบตา ดังนั้นเขาจึงคาดว่าจะต้องใช้ค่าใช้จ่ายเกินกว่า 1000 แต้มเซียน เพื่อทำให้สำเร็จ

โดยปกติลั่วอู๋จะตกอยู่ในสภาพทุกข์ทรมานเมื่อคิดถึงค่าใช้จ่ายแต้มเซียน

แต่ลั่วอู๋ในวันนี้มีความสุขมากและเขาก็ไม่ได้สนใจเสียดายสิ่งที่เสียไปเลย

……

……

“น่ากลัว เกินไปแล้ว” หวันเฟยวิ่งหนีไปทางตรอกมืด

ใครจะไปคิดกันล่ะ

ว่าทีมล่าสัตว์อันดับหนึ่งอย่างทีมคมมีด จะปรากฏขึ้นมาเพื่อสนับสนุนศาลาไป่หยู่

ผู้ใช้พลังวิญญาณทั้งสองของทีมหวงชาเองก็ทิ้งพวกเขาไปเฉย ๆ อย่างไร้เยื่อใย

หวันเฟยแตะป้ายบนหน้าอกของเขาและพูดกับตัวเองว่า “มันไม่ใช่ความผิดของข้าที่งานนี้ไม่สำเร็จ สัญญาของทีมหวงชาก็น่าจะยังมีผลสิ”

เขายังหวังที่จะได้เข้าร่วมทีมหวงชา

“ใช่มันไม่ใช่ความผิดของข้า” หวันเฟยพูดพึมพำสองสามครั้งแล้วเช็ดตราของทีมหวงชาอย่างระมัดระวัง เขาภูมิใจในตราที่หน้าอกของเขา

จากนั้นเขาก็เดินอย่างทุลักทุเลไปตลอดทางและในที่สุดก็มาเจอกับผู้ใช้พลังวิญญาณทั้งสองคนที่มุมถนน

“ท่านจาง ท่านจาง” หวันเฟยหยุดเดินลงที่หน้าพี่น้องตระกูลจาง

ผู้ใช้พลังวิญญาณทั้งสองรู้สึกรำคาญอย่างเห็นได้ชัดพวกเขาดูอารมณ์ไม่ดี “เจ้าคิดจะทำอะไร”

หวันเฟยพูดอย่างระมัดระวัง “ลูกพี่ทั้งคู่ ข้าอยากรู้ว่าจะไปรับพิธีการเข้าร่วมทีมหวงชาได้ตอนไหน”

“เข้าร่วมทีมหวงชางั้นเหรอ” จางหยวนฉงกล่าวเสียงเย้ยหยัน “มันขึ้นอยู่กับว่าเจ้าสมควรได้รับมันรึเปล่า”

หวันเฟยได้ยินดังนั้นก็พูดด้วยใบหน้าซีดเซียวและได้แต่ยิ้มแห้งๆ “ มันเป็นไปตามข้อตกลง ความล้มเหลวนี้ไม่ใช่เพราะข้า ข้าควรได้รับรางวัลนี้”

“รางวัล ฮ่า ๆ ๆ ถึงแม้ว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จ เจ้าคิดจริง ๆ เหรอว่า อย่างเจ้าจะสามารถเข้าร่วมในทีมหวงชาได้ ตรรกะไหนของเจ้ากันน่ะ หากศาลาไป่หยู่ถูกทำลายกลุ่มอีฉีของเจ้าเองก็จะต้องถูกฝังไปพร้อมกันกับเจ้าเพื่อสงบความโกรธเกรี้ยวของตระกูลลั่วอยู่ดี เจ้าเข้าใจรึยังล่ะ เจ้าคนโง่ “

มือของหวันเฟยสั่นระริก “ไม่นะ ไม่”

“และในเมื่อเจ้าล้มเหลว เจ้าก็ไม่ต้องกังวลไป เพื่อปิดปากเจ้าไม่ให้ปากพล่อย เจ้าก็สมควรที่จะตายที่นี่” ในสายตาของพี่น้องจางมีแสงวาบที่เปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร

พวกเขากำลังหงุดหงิดอยู่พอดีเลย

แววตาของหวันเฟยเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก จากนั้นเพียงการเคลื่อนไหวเดียว คอของเขาก็หักลงและล้มพับลงในท่าคุกเข่า

“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” พี่น้องจางหันไปอีกทางแล้วเดินจากไป

เวลาผ่านไปนาน เนิ่นนานแล้ว จนถึงเวลาใกล้เที่ยงคืน

ชายคนหนึ่งที่มีลำคอบิดเบี้ยวดิ้นรนคลานออกมาจากตรอก ส่งเสียงโหยหวนอย่างเจ็บปวด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความแค้น เขาส่งเสียงดังก้อง แต่เสียงที่ออกมาจากปากนั้นเป็นแค่เสียง “ฟู่” และ “แช่บ”

เขาน่าจะตายไปแล้ว

แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงยังรอดตายมาได้

แม้ชีวิตของเขากำลังดำเนินไปเรื่อย ๆ แต่มันก็กำลังจะจบลง

เขากำป้ายที่มีลักษณะประณีตอยู่ในมือ แต่มันเต็มไปด้วยโคลนสกปรกและไม่สำคัญอีกต่อไป

เขาคลานอย่างเจ็บปวดโดยไม่รู้ว่าจะมุ่งไปต่อที่ไหน แต่ความปรารถนาที่จะอยู่รอดก็ช่วยกระตุ้นให้เขาคลานต่อไปสู้กับความเจ็บปวด

ในที่สุดก็ดูเหมือนว่าจะมีแสงไฟอยู่ตรงหน้าเขา

เขาเงยหน้าขึ้นและพบก็ว่าสถานที่ที่เขามาถึงจากการคลานคือที่ไหน

คำสามคำบนแผ่นป้ายด้านหน้าเขียนไว้ว่า “ศาลาไป่หยู่”