บทที่ 46 ความร่วมมือ

ไหปีศาจ

บทที่ 46

ความร่วมมือ

วันที่สอง

มีชายผู้หนึ่งใช้ผ้าคลุมใบหน้าปรากฏตัวขึ้นในศาลาไป่หยู่

ผู้ชายคนนั้นมีลักษณะเงียบขรึม และแทบไม่พูดอะไรเลย ดูเหมือนว่าคอของเขาจะมีอาการผิดปกติ ศีรษะของเขาเอียงเล็กน้อย ทำให้เขาดูน่ากลัว

ไม่มีใครรู้ว่าเขามาจากไหน แต่ลั่วอู๋กลับบอกว่า เขาได้พาชายคนนี้มาจากข้างถนน ‘ข้ารู้สึกสงสารเขา ข้าเลยจะพาเขามาทำงานเป็นคนงาน’

ลั่วอู๋ตั้งชื่อให้เขาว่า: ไร้หน้า

“ท่านต้องการแก้แค้นงั้นหรือ” ลั่วอู๋ถาม

เขาไม่พูด

“แล้วพี่น้องของท่านล่ะ ท่านจะไม่ไปหาพวกเขาเหรอ”

เขายังคงไม่พูดอะไร

“แต่ท่านไม่มีพลังวิญญาณสักหน่อย”

ชายคนนั้นในที่สุดก็พูดขึ้น เสียงเขามีความดังและรุนแรง ราวกับว่าเสียงมันเปล่งออกมาจากท่อเล็กๆ “ท่านช่วยชีวิตข้า ชีวิตข้าเป็นของท่าน”

“ชีวิตของท่าน ท่านเป็นคนเลือกเอง” ลั่วอู๋พูดเยาะเย้ย

เขาไม่ต้องการช่วยเหลือหวันเฟย แต่เขาก็ยังคงเป็นห่วงศาลาไป่หยู่ ถ้าหวันเฟยตายตรงหน้าศาลาไป่หยู่ คงเกิดปัญหาขึ้นอีกเป็นแน่

ถ้าหวันเฟยที่มาถึงศาลาไป่หยู่เมื่อตอนเข้า ผู้เป็นต้นตอของความวุ่นวายที่เกิดขึ้น มาตายลงตรงหน้าประตูของศาลา ไป่หยู่ในคืนวันเดียวกันจะเกิดอะไรขึ้น

ใครจะไปเชื่อว่า ศาลาไป่หยู่ไม่ได้เป็นคนลงมือทำ

ไร้หน้าเงียบเป็นเวลานาน “ถ้างั้น ข้าจะให้ชีวิตที่สองแก่ท่าน”

ลั่วอู๋มองมาที่เขา เขาถูกคลุมด้วยผ้าทั้งตัว ดูเหมือนว่าเขาจะสิ้นหวังมาก ถ้าหากไม่พยายามที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป เขาอาจจะตายไปนานแล้วก็ได้

“ถ้านั่นคือสิ่งที่ท่านต้องการ แต่ข้าไม่ต้องการคนที่ทำงานไม่เป็น ท่านต้องเรียนรู้การเป็นคนงานเสียก่อน” ลั่วอู๋พูด

ไร้หน้าไม่พูดอะไรสักคำ

ถึงเขาจะดูซุ่มซ่ามและต้องเรียนรู้การทำงานหนักจากผู้อื่น ใบหน้าของเขามีความแปลกประหลาดเล็กน้อย นั่นอาจจะทำให้ลูกค้าเกรงกลัวได้

ดังนั้น เขาจึงต้องไปรับผิดชอบการรับส่งของแทน ในบางครั้ง เขามักจะยืนอยู่ด้านหลังลั่วอู๋ โดยไม่พูดอะไรออกมา และไม่ทำอะไรเลยสักอย่าง

“แปลกจริง… หลี่หยิน!” ลั่วอู๋กำลังจิบชา เขาพบว่าชาไม่ใช่รสชาติที่คุ้นเคย มันชงได้แย่มาก

หลี่หยินมักจะเป็นคนชงชาให้เขาเสมอ

ลั่วอู๋ลุกขึ้นยืนและมองไปรอบ ๆ เขาพบว่าหลี่หยินกำลังนั่งสมาธิอยู่ภายในห้อง นางตั้งใจจดจ่อกับการฝึก ดูเหมือนว่านางจะเสียเวลาอย่างมาก มีหมอกเปล่งประกายบาง ๆ บนร่างกายของนาง

เสี่ยวหลวนแมวผีตัวนั้นกำลังนอนหลับอยู่ในอ้อมแขนของนาง เส้นขนสีดำที่มีความละเอียดอ่อนเรียงตัวบนเส้นขนสีขาวราวกับหิมะ มันส่องแสงประกายออกมาอย่างลึกลับ

“อืม ถ้านางจริงจังมากขนาดนี้ ปล่อยให้นางฝึกอย่างสบายใจต่อไปละกัน”

ลั่วอู๋เดินไปทางซ้ายอย่างเงียบ ๆ

โดยไม่หยุดพัก

หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น หลี่หยินรู้สึกกลัวว่า นายน้อยจะต้องเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งมากขึ้น จนเขาไม่สามารถเผชิญหน้าได้

ท่านห้ามตายนะเจ้าคะ นายน้อย

จากความคิดนี้ ทำให้หลี่หยินรู้สึกหนาวสั่นไปทั่วร่าง และหัวของนางหมุนไปมาจนมึนงงราวกับว่ากำลังอยู่ในความมืด

นางหวังว่า นางจะฝึกฝนเพิ่มขึ้นสักเล็กน้อย

เป็นครั้งแรก ที่นางเริ่มฝึกฝนอย่างจริงจัง จนเผลอตัวลืมเวลาโดยไม่รู้ตัว

“นายน้อย มีพ่อค้าคนหนึ่งนำกล่องขนาดใหญ่มายืนอยู่ข้างนอกร้าน และดูเหมือนว่าเขาต้องการให้ท่านออกไปเซ็นชื่อรับของขอรับ” เสี่ยวชาตรงเข้ามาหาเขา และพูดเบาๆ

ลั่วอู๋กะพริบตาแสดงร่องรอยของความคิด “ไปดูกันเถอะ”

ที่หน้าประตูของศาลาไป่หยู่ มีผู้ชายคนหนึ่งแต่งตัวเหมือนพ่อค้ากำลังยืนรอเขาอยู่ด้านนอก พ่อค้าคนนั้นตัวอ้วน แต่เขาก็มีลักษณะท่าทางที่ดีมาก เขาสวมหมวกสูงและปกปิดใบหน้าของเขาไว้ครึ่งหนึ่ง

ที่ข้างหลังของเขา มีผู้ช่วยหลายคนกำลังแบกกล่องขนาดใหญ่ห้ากล่อง

เมื่อพ่อค้าคนนั้นเห็นลั่วอู๋กำลังเดินเข้ามา เขาก็ทักทายเล็กน้อย “ยินดีที่ได้พบ นายน้อยจากตระกูลลั่ว”

“ข้าต้องทำอะไรบ้าง” ลั่วอู๋เงยหน้าขึ้นมองพ่อค้าแล้วถาม

พ่อค้าพูดว่า “ท่านเข้าไปฟังรายละเอียดข้างในก่อนได้ไหมขอรับ”

ลั่วอู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“มันคืออะไร ท่านพูดมาได้ไหม” ลั่วอู๋ไม่ขยับเขยื้อน

ไม่มีใครรู้ว่าพ่อค้าคนนี้มาเพื่ออะไร

มันต้องเกิดเรื่องแน่ ๆ ถ้านำหมาป่าเข้ามาในบ้าน

พ่อค้ายิ้มเศร้าๆ และปิดกล่องลงอย่างช้า ๆ “นายน้อยลั่ว โปรดดูก่อนขอรับ”

ดวงตาของลั่วอู๋จับจ้องไปที่กล่อง และมันทำให้เขาต้องตกใจ

ทั้งกล่องเต็มไปด้วย หญ้าพระจันทร์และดอกไม้กระดูก

ในกล่องมีประมาณ 3000 ถึง 4000 ต้น หากทั้งห้ากล่องเหมือนกัน ก็คงมีสมุนไพรเกือบ 20,000 ต้นเลยทีเดียว

นี่มันของขวัญล้ำค่า

ไม่เพียงล้ำค่า เพราะทั้งหญ้าพระจันทร์และดอกไม้กระดูก ถูกกวาดซื้อไปโดยหอคอยหวงชาไปจนหมดตลาดแล้ว

พ่อค้าคนนี้ขายของอยู่ที่ไหนกันเนี่ย

ลั่วอู๋วางมือลงบนกล่อง และรู้สึกลังเลครู่หนึ่ง “ท่านพ่อค้า กรุณาวางกล่องเอาไว้ก่อนได้ไหม แล้วเราเข้ามาพูดถึงรายละเอียดกัน”

พ่อค้าขยับปากเล็กน้อย และเขาก็พยักหน้า

เขานำกล่องที่สำคัญเช่นนี้ผ่านห้องโถงของศาลาไป่หยู่

ชาร้อน ๆ และขนมได้ถูกเตรียมไว้แล้ว ลั่วอู๋ไม่มีพิธีรีตองการทักทายเลย เขานั่งลงทันที

ไร้หน้านั้น ยังคงยืนเงียบ ๆ อยู่มุมร้านเหมือนกับเงาที่ไม่มีตัวตน

พ่อค้าไม่ได้คาดหวังกับพฤติกรรมของลั่วอู๋อยู่แล้ว

“เนื่องจากเรามาเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งของในกล่อง ช่วยแสดงใบหน้าที่แท้จริงให้ข้าเห็นก่อน” ลั่วอู๋ พูดเบา ๆ

พ่อค้าลังเลเล็กน้อย เขาถอดหมวกสูงออก ค่อย ๆ แสดงใบหน้าที่แท้จริงของเขาและเริ่มพูดด้วยรอยยิ้ม “ผู้จัดการลั่ว ไม่ต้องตกใจไป”

ลั่วอู๋ประหลาดใจเล็กน้อย

เขาได้พบกับชายคนนี้อีกครั้ง

เขาคือเฉินจิง เจ้าของร้านของศาลาไป่เปา

หลังจากที่เขาซื้อขายแมงป่องทรายเหลืองกันและแยกตัวออกไป ลั่วอู๋ก็ได้พบชายคนนี้อีกครั้ง

“ผู้จัดการเฉิน” ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจและพูดขึ้น “เป็นอย่างไรบ้าง ทำไมท่านที่เป็นเจ้าของร้านของศาลาไป่เปาถึงมาที่ศาลาไป่หยู่ด้วยตนเองล่ะ”

“เจ้าของร้านลั่ว ท่านสุภาพเกินไปแล้ว ศาลาไป่หยู่ของท่านตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว” เฉินจิงพูดด้วยอารมณ์

ที่จุดเริ่มต้นของศาลาไป่หยู่ ก็คือร้านค้าเล็ก ๆ ธรรมดา ๆ เท่านั้น

ตอนนี้ได้ทำเทคนิคหลากหลาย ที่ทำให้หอคอยหวงชารู้สึกถึงวิกฤต มันเหลือเชื่อจริง ๆ

หลังจากแสดงความสุภาพตามมารยาทแล้ว ลั่วอู๋กล่าวขึ้นว่า “ผู้จัดการเฉิน ท่านมีเหตุผลอะไรถึงมาที่ศาลาไป่หยู่ของข้ากัน แถมยังนำสมุนไพรทั้งห้ากล่องมาอีกด้วย มันไม่ใช่สมุนไพรธรรมดาใช่ไหม”

เมื่อถูกถามในหัวข้อนั้น อีกฝ่ายจึงตอบกลับว่า

“เจ้าของร้านลั่ว หญ้าพระจันทร์และดอกไม้กระดูกเป็นของสำคัญในการสังเคราะห์ยารวบรวมพลังวิญญาณใช่ไหม” เฉินจิงถามขึ้น

ลั่วอู๋เงียบไปพักหนึ่ง

ปกติแล้ว เขาไม่เคยคิดจะบอกให้ใครรู้ว่าสมุนไพรทั้งสองชนิดนี้ เป็นวัสดุที่ใช้ในการสังเคราะห์ยารวบรวมพลังวิญญาณ

“ท่านรู้ได้อย่างไร” ลั่วอู๋ถาม

“ฮ่า ฮ่า! หอคอยหวงชากวาดซื้อดอกไม้กระดูกและหญ้าพระจันทร์ในพื้นที่หวงชาไปทั้งหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ศาลาไป่หยู่จะไม่ขายยารวบรวมพลังวิญญาณครึ่งเดือน ปกติแล้ว ข้าก็ไม่ใช่คนโง่อย่างที่ใครๆ ก็รู้กัน ” เฉินจิงพูดด้วยรอยยิ้ม

ลั่วอู๋มองเฉินจิงด้วยความสับสนอย่างมาก

หอคอยหวงชาและศาลาไป่เปาเป็นของพรรคหวงชา พวกเขาแบ่งปันผู้ใช้พลังวิญญาณซึ่งกันและกัน เนื่องจากแต่ละคนรู้สูตรของการสังเคราะห์ยารวบรวมพลังวิญญาณ แล้วทำไมพวกเขาถึงต้องส่งสมุนไพรทั้งสองชนิดนี้มาให้เขาในตอนนี้

“ท่านต้องการทำอะไรล่ะ” ลั่วอู๋ถาม

“โดยรวม พื้นที่หวงชามีเมืองอยู่ทั้งหมด 23 เมืองที่ไม่ยุ่งเกี่ยวซึ่งกันและกัน ต่อมาผู้นำของเมืองทั้งหมดได้ร่วมมือกันเพื่อจัดตั้งพรรคหวงชาขึ้น”

“ต่อมาพรรคหวงชา แข็งแกร่งขึ้นอย่างมากและมีอิทธิพลครอบคลุมพื้นที่หวงชาทั้งหมด ผู้ที่ไม่เคยสนับสนุนพวกเขามาก่อน ก็เริ่มที่จะเข้าร่วมกับพวกเขา”

“ถึงแม้ว่าพรรคหวงชาจะทรงพลังแค่ไหน แต่ก็มีขนาดไม่ใหญ่มาก หลายกองกำลังเกิดการแข่งขันกัน อันที่จริง ศาลาไป่เปาของเราก็เป็นผลจากการแข่งขันด้วยเช่นกัน”

“หอคอยหวงชาสร้างขึ้นจากส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่งที่ทรงพลังที่สุด”

อีกด้านหนึ่งก็คือที่ตั้งของศาลาไป่เปาที่คอยกวาดต้อนของธุรกิจส่วนหนึ่งจากหอคอยหวงชา “

“น่าเสียดาย แค่นี้มันยังไม่พอ หอคอยหวงชาครอบครองทรัพยากรของพรรคหวงชามากเกินไปและศาลาไป่เปาไม่สามารถต่อกรกับมันได้เพียงลำพัง”

ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว “ท่านต้องการอะไรจากข้า”

จู่ ๆ บรรยากาศก็สงบลง

เหลือเพียงเสียงลมหายใจอันแผ่วเบา

“ขอความร่วมมือ” เฉินจิงพูดอย่างช้า ๆ “ถ้าเกิดศาลาไป่หยู่และศาลาไป่เปาร่วมมือกัน ก็อาจจะสามารถต่อกรกับหอคอยหวงชาได้”