บทที่ 47 ตัวข้าเอง

ไหปีศาจ

บทที่ 47

ตัวข้าเอง

ลั่วอู๋รู้เรื่องราวเกี่ยวกับพรรคหวงชาดี

ความจริงนั้นเป็นเหมือนที่อีกฝ่ายพูดมาทุกอย่าง

อีกทั้งยังมีการแข่งขันกันเองในพรรคหวงชาอย่างที่อีกฝ่ายบอกมาด้วย ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็นสองกลุ่มโดยกลุ่มแรกนำโดยลูหยางพิงผู้นำของเมืองไมมู่ ผู้มีพละกำลังแข็งแกร่งที่สุด

หอคอยหวงชาเองก็สร้างตัวขึ้นมาได้ด้วยความแข็งแกร่งของเขาคนนี้ ดังนั้นรายได้ส่วนใหญ่จึงไหลเข้ากระเป๋าของเขา

ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งมีผู้นำเป็นคงฉินเจ้าเมืองคูกู เขาไม่ใช่คนที่มีพละกำลังมากเท่าไหร่ แต่เขาก็ถือว่าเป็นผู้มีอิทธิพล กลุ่มของเขาคือกลุ่มที่ก่อตั้งศาลาไป่เปา

“น่าสนใจ” ลั่วอู๋มีรอยยิ้มปรากฏที่มุมปากของเขา

ร่วมมือกัน

เพื่อแข่งกับหอคอยหวงชา

ลั่วอู๋มองไปที่เฉินจิง “เจ้าจะร่วมมือกับข้าด้วยวิธีใดกัน”

“เจ้าจงใช้กล่องสมุนไพรเหล่านี้ทั้งหมดได้ตามสะดวกเลย ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถขายยารวบรวมพลังวิญญาณในศาลาไป่หยู่ได้อีกครั้งตามปกติ เพราะในอนาคตพวกเราสามารถจัดหาสมุนไพรทั้งหมดที่เจ้าต้องการได้ที่ศาลาไป่เปา” เฉินจิงกล่าวขึ้น

ลั่วอู๋ รู้สึกประหลาดใจ “ดีจังเลยนะ”

“แน่นอนและข้าสามารถส่งคนมาเพื่อปกป้องศาลาไป่หยู่จากการโจมตีได้ ข้าได้ยินมาว่าช่วงนี้หอคอยหวงชาได้ทำสิ่งต่าง ๆ มากมายที่เป็นการรบกวนศาลาไป่หยู่” เฉินจิงกล่าวต่อ

ลั่วอู๋ พยักหน้า

“กลุ่มอิทธิพลเบื้องหลังข้าพร้อมที่จะส่งคนมาให้ปกป้องศาลาไป่หยู่” รอยยิ้มของเฉินจิงดูใจดีมาก

ดูเหมือนเฉินจิงเองก็จะรู้เรื่องต่าง ๆ มามากเหมือนกัน

แต่เขาไม่รู้ว่าลั่วอู๋ ได้เชิญทีมคมมีดให้มาเข้าร่วมกับศาลาไป่หยู่และกลายเป็นผู้คุ้มกันไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาไม่ต้องการการปกป้องจากภายนอก

ดวงตาของลั่วอู๋สั่นไหวราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่

เฉินจิงกล่าวต่อไปว่า “ยิ่งไปกว่านั้นเรายังสามารถช่วยศาลาไป่หยู่ในการเปิดสาขาอื่น ๆ เพิ่มและเจ้าสามารถเลือกสิ่งที่เจ้าต้องการในเขตหวงชาทั้ง 23 เมืองได้ตามอิสระ เงินและทรัพยากรเองก็จะได้รับการสนับสนุนจากศาลาไป่เปาของเรา”

แม้ว่าลั่วอู๋จะมีการเตรียมความพร้อมทางด้านจิตใจมาแล้ว แต่ประโยคที่ได้ยินก็ยังคงทำให้เขาตกตะลึง

ความมุ่งมั่นนี้

การเตรียมใจนี้มันเพียงพอแล้วหรือไม่

ด้วยความมุ่งมั่นนี้ พัฒนาการของศาลาไป่หยู่ในพื้นที่ป่าหวงชาอาจจะพัฒนาไปได้อย่างไม่มีข้อจำกัด

หลังจากเงียบไปนาน ลั่วอู๋ก็รู้สึกสงบลงและในที่สุดก็พูดออกมาอย่างเงียบ ๆ “แล้วข้าต้องจ่ายอะไรบ้าง”

ไม่มีอะไรฟรีทั้งนั้นในโลกนี้

ลั่วอู๋รู้ว่าเขาจะต้องให้สิ่งที่อีกฝ่ายต้องการเป็นการแลกเปลี่ยน

“ ถึงแม้ว่าเจ้าของร้านลั่วจะยังเด็ก แต่ก็มีความมุ่งมั่นอย่างยิ่ง” เฉินจิงยกมือสรรเสริญ

แน่นอนว่าลั่วอู๋ ไม่ได้โล่งใจเลยเมื่อได้รับคำชม

ในที่สุดเฉินจิงก็กล่าวจุดประสงค์จริงออกมา “ข้าต้องการยา ยารวบรวมพลังวิญญาณ ด้วยยาเม็ดนี้เราจะสามารถปรับปรุงยารวบรวมพลังวิญญาณ จำนวนมากเพื่อระงับธุรกิจยาของหอคอยหวงชาได้”

“โอ้!” เป็นอย่างที่ลั่วอู๋คิดไว้ไม่ผิด

เฉินจิงกล่าวต่อ”ความลับในการสังเคราะห์ของตระกูลลั่วนั้นดีจริง ๆ ผู้ใช้พลังวิญญาณหลายคนในศาลาไป่เปาสนใจมันมาก

นี่คือสิ่งที่เฉินจิงต้องการมากที่สุด

เปลี่ยนแมงป่องทรายเรียนรู้ทักษะก้าวพริบตา

สัตว์วิญญาณให้กลายเป็นสัตว์วิญญาณสัตว์เลี้ยงอันไร้ที่ติ

นอกจากนี้ยังสามารถช่วยให้สัตว์วิญญาณวิวัฒนาการได้อย่างสมบูรณ์ในเวลาอันสั้น

ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าลั่วอู๋มีความลับในการปรับแต่งพลังวิญญาณที่ทรงพลังมากและอาจเป็นวิชาลับที่เหนือกว่าของตระกูลลั่วที่ช่วยให้เขาทำแบบนั้นได้ก็เป็นได้

เฉินจิงจึงได้ไปหาข้อมูลมา และสรุปได้ว่าความลับในการปรับแต่งวิญญาณคงไม่ได้มาจากตระกูลลั่วอย่างแน่นอน

ดังนั้นเขาจึงกล้าพอที่จะหยิบยกคำขอนี้ขึ้นมาเพื่อทดสอบ

ลั่วอู๋นั่งจิบชาร้อนสบาย ๆ เขารู้สึกนั่งสบายมากกับการที่หลังของเขาได้พิงกับเก้าอี้ไม้ ดูเหมือนว่าเขาจะผ่อนคลายและไม่ได้รู้สึกโกรธเลยแม้แต่น้อย

เฉินจิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับปฏิกิริยาของอีกฝ่าย

เขาคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะลังเลมาก แต่เขาก็พร้อมที่จะเจรจากับอีกฝ่ายอยู่ดี อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะตอบสนองในลักษณะนี้

บางทีอีกฝ่ายคงจะยังเด็กเกินไป จนไม่รู้ความสำคัญของวิชาลับในการปรับแต่งวิญญาณ เขาเกรงว่าอีกฝ่ายคงจะกำลังวิงเวียนศีรษะมาตั้งแต่ได้ยินข้อเสนอของเขา

เฉินจิงได้แต่คิดกับตัวเอง

“และยังมีอีกหนึ่งอย่างเป็นอย่างสุดท้าย … ” เฉินจิงกล่าวเพิ่มเติม “ในอนาคตผลประโยชน์ทั้งหมด 50% ของศาลาไป่หยู่ จะตกเป็นของศาลาไป่เปาของเรา”

50% !!!

มันไม่ต่างอะไรไปจากบังคับให้ศาลาไป่หยู่ทำงานให้ศาลาไป่เปา

ลั่วอู๋ยิ้มทันที “เจ้าพูดเสร็จแล้วใช่ไหม”

“แค่นั้นแหละ” เฉินจิงพยักหน้า” เจ้าสามารถใช้เวลาคิดให้รอบคอบได้ตามสบาย แต่มันเป็นโอกาสที่ร้านค้าจำนวนมากไม่สามารถขอได้ ตราบใดที่เราร่วมมือกันเราสามารถยึดกิจการส่วนใหญ่ในพื้นที่หวงชาได้สบาย ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อศาลาไป่หยู่ “

“ถ้าพูดจบก็กลับไปได้แล้ว เก็บสมุนไพรหญ้าวิญญาณของเจ้าไปด้วย กลับไปซะ!” ทันใดนั้นเสียงของลั่วอู๋ก็เย็นชาขึ้นในทันที

ใบหน้าของเฉินจิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เจ้าหมายความว่ายังไง!”

“หมายความว่ายังไงงั้นเหรอ” ลั่วอู๋ เยาะเย้ย “ขอสูตรยารวบรวมพลังวิญญาณกับกำไร 50% นี่เหรอคือการจะร่วมมือกัน เจ้าคิดจะเอาเปรียบศาลาไป่หยู่อย่างเลือดเย็นชัด ๆ! เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนโง่รึไง”

อย่าคิดว่าลั่วอู๋จะตามไม่ทันความคิดของเขา

แม้ว่าจะสามารถส่งมอบศาลาไป่หยู่ให้ได้ เขาก็จะไม่ทำ

ที่นี่คือพื้นฐานในการตั้งหลักของเขา

การยอมสยบให้แก่ผู้อื่นก็ไม่ต่างไปจากทำลายตัวเอง

เฉินจิงมีสีหน้าเกรี้ยวกราด “ลั่วอู๋ข้าแนะนำให้เจ้าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ดี ๆ เจ้าเพิ่งไปมีเรื่องกับหอคอยหวงชา ตอนนี้เจ้าคิดจะรุกรานแม้กระทั่งศาลาไป่เปาของข้าด้วยรึไง”

“เจ้าบอกเองไม่ใช่รึไงว่าข้ากล้าต่อกรกับหอคอยหวงชา แล้วทำไมข้าถึงต้องกลัวศาลาเล็ก ๆ อย่างศาลาไป่เปาของเจ้า” ลั่วอู๋ถาม

เฉินจิงโกรธจนใบหน้ากระตุกเบาๆ “โอหัง! กล้าดียังไงมาพูดกับข้าแบบนั้น”

“ทำไมข้าจะไม่สามารถพูดกับเจ้าแบบนี้ได้ล่ะ” ลั่วอู๋ พูดอย่างสุขุม “ตั้งแต่ที่เจ้าก้าวเข้ามาที่นี่ เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจแล้วว่าคนงานของหอคอยหวงชา ได้กวาดซื้อวัตถุดิบสำหรับทำยารวบรวมพลังวิญญาณไปหมด แล้วตอนนั้นปฏิกิริยาของข้าเป็นยังไงล่ะ ปัญหามันมีอยู่แล้วเจ้ายังจะกล้ามาที่นี่เพื่อทำให้มันยากขึ้นอีกรึไง “

เฉินจิงรู้เรื่องนี้ได้ในทันที

นี่มันยากเกินไปที่จะเจรจา มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน

ยังไง ๆ ศาลาไป่หยู่ก็เป็นของตระกูลลั่ว มันจึงเป็นเหตุผลที่เฉินจิงไม่กล้ากลืนศาลาไป่หยู่เข้ามารวม แต่ขอเป็น 50% ของกำไรแทน

ตราบใดที่ 50% ของกำไรถูกแบ่งออกมาก็จะไม่มีปัญหาอะไรในศาลาไป่หยู่

แต่เขาก็ไม่คิดว่าลั่วอู๋จะกล้าปฏิเสธเขาได้ง่าย ๆ เช่นนี้

ลั่วอู๋ พูดต่อ “ข้าไม่รีบ ไม่เลย ตราบใดที่ศาลาไป่หยู่ยังมั่นคง สักวันหนึ่งเดี๋ยวเราก็จะเหนือกว่าหอคอยหวงชาได้เอง แต่เจ้าต่างหากล่ะที่รีบ ศาลาไป่เปากำลังรีบทำอะไร หรือคนที่อยู่เบื้องหลังศาลาไป่เปากำลังรีบร้อนกันล่ะ “

“หอคอยหวงชานั้นพัฒนาดีขึ้นเรื่อย ๆ และแม้แต่ธุรกิจที่เป็นหลักของศาลาไป่เปาเองก็เริ่มถูกกระชากไปทีละนิดทีละนิด”

“เจ้าที่เห็นศักยภาพของศาลาไป่หยู่จึงมาแสวงหาความร่วมมือ แต่เจ้าก็ยังล้มเหลวในการแก้ไขทัศนคติของตัวเองอยู่ดี” ลั่วอู๋ส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง

เฉินจิงหายใจเร็วขึ้น แต่เขาดูสงบขึ้นเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดหวังว่าคนหนุ่มสาวจะมองออกได้ชัดเจนเช่นนี้

“เจ้าต้องการอะไร” เขาสงบลง

แน่นอนว่าเขามาเพื่อเสาะหาความร่วมมือ

ผู้มีอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังศาลาไป่เปาเริ่มโกรธ เพราะศาลาไป่เปาซึ่งเต็มไปด้วยความหวังสูงไม่สามารถตามกำไรของหอคอยหวงชาทันได้

ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ศาลาไป่เปาไม่มีความจำเป็นอีก

“ข้าต้องการทุกสิ่งที่เจ้าบอกว่าจะให้ข้า” ลั่วอู๋กำกำปั้นของเขา

เฉินจิงไม่เต็มใจที่จะพูดต่อ

“แล้วทางเจ้าจะจ่ายอะไร เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อผูกมิตร ข้าต้องเอาชนะหอคอยหวงชา”

ทันใดนั้นก็มีรอยยิ้มแปลก ๆ บนปากของลั่วอู๋ จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ ชี้ไปที่ตัวเอง

“ราคาที่ข้าจะจ่ายก็คือตัวข้า”