ตอนที่ 37 หวังเสวียนจ้าน VS เซวียนหยวนเฉิง

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

เซวียนหยวนเฉิงเตรียมพร้อมต่อสู้อยู่นานแล้ว เมื่อเจอกับหอกที่มีอานุภาพน่าตะลึงอย่างยิ่งเช่นนี้ เขาไม่หลบไม่หลีก แต่มือยกกระบี่ขึ้นรับทันที

เคร้ง!

การปะทะกันครั้งแรกของทั้งคู่ มีพลังน่ากลัวระเบิด สะเทือนผิวดินในรัศมีสามจั้งจนแตกระแหง

อารมณ์ร้อนอย่างหวังเสวียนจ้าน ถูกเซวียนหยวนเฉิงยั่วยุจนเกิดโทสะตั้งนานแล้ว

ด้วยเหตุนี้เมื่อเขาลงมือ ก็ปล่อยพลังทั้งหมดออกมาในทันที ด้วยอยากปิดฉากศึกนี้ให้ไวที่สุด

มังกรพลังปราณตัวหนึ่งห้อมล้อมหอกยาว ทั้งทิ่มแทง งัดขึ้นและกวาดล้าง ทุกกระบวนท่าล้วนมีพลังอันไร้เทียมทาน

เซวียนหยวนเฉิงถอยหลังหลบหลีกไม่หยุด กลายเป็นม่านอากาศทรงกลมภายในเสี้ยววินาที

ทุกครั้งที่หอกยาวของหวังเสวียนจ้านทิ่มแทงผ่านม่านอากาศ จะมีพลังเข้มข้นขัดขวางหอกไว้ และในขณะนั้นเอง เซวียนหยวนเฉิงก็จะใช้ความเชื่องช้าในชั่ววินาทีนั้นหลบหลีกไม่ก็ขัดขวาง

เซวียนหยวนเฉิงรู้ว่าหวังเสวียนจ้านแข็งแกร่งมาก หากว่าสู้หัวชนฝาละก็ เขาจะแพ้พ่ายในทันที

และเป็นเพราะเหตุนี้เอง เขาจึงใช้วิธีป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด ตั้งรับเท่านั้นไม่โจมตี เพื่อถ่วงเวลาให้เฉินเฉินได้หลบหนี

“รุ่นพี่เฉิน ท่านชักช้าอยู่ไย รีบหนีไปสิ!” เซวียนหยวนเฉิงตะโกนใส่เฉินเฉิน

เฉินเฉิน “…”

การคุ้มกันประหนึ่งขนมเหนียวหนึบของเซวียนหยวนเฉิง ทำให้หวังเสวียนจ้านอัดอั้นตันใจเหลือเกิน

หลังได้ยินประโยคที่เซวียนหยวนเฉิงพูดกับเฉินเฉิน เขาก็ระเบิดออกมาอีกครั้ง โมโหจวนจะกลายเป็นร่างที่สอง!

คราวนี้ ไม่ได้มีแค่มังกรเขียวพลังปราณห้อมล้อมหอกเท่านั้น แต่ตัวเขาแทบจะกลายร่างเป็นมังกรแล้ว!

เกล็ดมังกรสีเขียวปรากฏตามตัวของหวังเสวียนจ้าน ลมปราณของเขาพุ่งทะยานไปถึงจุดสุดยอดของระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณ

“ท่านมีสายเลือดของเผ่าพันธุ์มังกร!” เมื่อเซวียนหยวนเฉิงเห็นฉากนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไป

ณ จัตุรัสหยกขาว นักเรียนแทบจะทุกคนเบนสายตาไปที่หน้าจอการต่อสู้ของหวังเสวียนจ้าน

นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างหวังเสวียนจ้านอันดับหนึ่งแห่งสำนักกับนักเรียนใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุดของรุ่น

ซ้ำยังเป็นการต่อสู้ระหว่างผู้แข็งแกร่งที่มีจดหมายแนะนำถึงสองคน มันน่าชมเป็นอย่างยิ่ง

“เสร็จกัน พลังแห่งสายเลือดมังกรของหวังเสวียนจ้านถูกปลุกแล้ว เขาจะต่อสู้ด้วยพลังที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว!”

นักเรียนที่ไว้เคราแพะ สีหน้าผ่อนคลาย แลดูมีคุณลักษณะของบัณฑิตพูดขึ้น

“ศิษย์พี่พาน ท่านพูดว่าสายเลือดมังกร ศิษย์พี่หวังคนนี้เป็นคนของวังมังกรทะเลบูรพาหรือ” นักเรียนหญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งถึงถามขึ้นอย่างฉงนใจ

ขณะเดียวกัน ในดวงตาของนักเรียนกลุ่มใหญ่รอบข้างก็เต็มไปด้วยความสงสัยเช่นกัน ต่างก็พากันจดจ้องศิษย์พี่พานคนนี้

เห็นได้ชัดว่าศิษย์พี่พานคนนั้นเคลิบเคลิ้มกับสายตาแบบนี้ยิ่งนัก ใบหน้าฉายความยากลึกหยั่งถึง

น่าขัน เขาคือพานปู้อวี่อันดับที่ยี่สิบแห่งสำนักเชียวนะ ศิษย์น้องทั้งหญิงชายจ้องมองเขาด้วยสายตาเคารพเลื่อมใส มันเป็นเรื่องที่ปกติเสียเหลือเกิน!

“หวังเสวียนจ้านไม่ใช่คนของวังมังกร สายเลือดมังกรของเขามาจากสายเลือดทายาทมังกรโบราณ นี่เป็นการสืบสายเลือดที่เก่าแก่เป็นอย่างยิ่ง พลังแห่งสายเลือดมังกรของเขาได้แต่ใดมานั้น ถือเป็นความลับสำหรับพวกเรา แต่สิ่งที่ยืนยันได้แน่ชัดคือ เพราะพลังแห่งสายเลือดมังกรอันเก่าแก่ ทำให้เขาได้รับการชื่นชมจากผู้เที่ยงแท้!”

คำพูดของพานปู้อวี่ ทำให้นักเรียนทั้งหลายกระจ่างใจทันที

ผู้เที่ยงแท้สามารถถล่มวังมังกรได้เพียงลำพัง พลังแห่งสายเลือดที่ได้รับการชื่นชมจากผู้เที่ยงแท้ จะเป็นสิ่งที่พลังสายเลือดอย่างวังมังกรเทียบชั้นได้อย่างไรเล่า

“เช่นนั้น…ศิษย์พี่พานคิดว่า เซวียนหยวนเฉิงคนนั้นจะต้านได้อีกนานแค่ไหน” นักเรียนหญิงปีหนึ่งคนหนึ่งถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ

นางชื่นชมเซวียนหยวนเฉิงมาก ตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของพานปู้อวี้ ก็รู้สึกกังวลใจแทนเซวียนหยวนเฉิงขึ้นมาทันที

พานปู้อวี่หัวเราะเบาๆ ชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว

“สิบห้านาทีหรือ” หญิงสาวพูดพลางกะพริบตาปริบๆ

“เปล่า…ต้านไม่ได้เลยสักกระบวนท่าเดียว!” พานปู้อวี้พูดอย่างจริงจัง

เมื่อประโยคนี้ดังขึ้น ก็ทำให้ผู้คนฮือฮาขึ้นมาในพริบตา

ผู้คนต่างก็แสดงอาการตกตะลึง นักเรียนหญิงคนนั้นสั่นสะท้านไปทั้งตัว ราวกับได้รับความกระทบกระเทือน

ต้านไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว ล้อกันเล่นหรือ!

ทว่าพานปู้อวี่เป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณ ซ้ำยังเคยประมือกับเซวียนหยวนเฉิงแล้ว

ด้วยเหตุนี้ คำพูดของเขาจึงมีอำนาจอย่างยิ่ง

แม้จะมีคนไม่เชื่อ แต่ก็ไม่กล้าโต้แย้งซึ่งๆ หน้า

ทุกคนต่างก็จดจ้องภาพบนหน้าจอผลึกหินอย่างลุ้นระทึก หากคำพูดของพานปู้อวี่เชื่อถือได้ เช่นนั้นการต่อสู้ครั้งนี้ เกรงว่าคงจะใกล้สิ้นสุดแล้ว!

พานปู้อวี่ก็มองเซวียนหยวนเฉิงบนหน้าจอเช่นกัน ถอนหายใจแผ่วเบา คิดในใจว่า

หากจะโทษก็โทษที่เจ้ายุ่งไม่เข้าเรื่อง หอกต่อไปของหวังเสวียนจ้านเจ็บมากทีเดียว!

เพราะปีที่แล้ว ข้าก็ถูกหวังเสวียนจ้านที่อยู่ในสภาวะนี้ เอาชนะภายในหอกเดียวนี่แหละ…

ในป่าพันยอด หวังเสวียนจ้านที่ปลุกพลังแห่งสายเลือดมังกรโบราณแล้ว มีเกล็ดสีเขียวปกคลุมทั่วร่าง นัยน์ตาคู่นั้นกลายเป็นสีทอง ฉายความน่าเกรงขามอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เขาใช้หอกชี้หน้าเซวียนหยวนเฉิง พูดเสียงเรียบว่า

“ข้าเอาชนะเจ้าได้ในหอกเดียว!”

หวังเสวียนจ้านขยับแล้ว ครั้งนี้เขาเคลื่อนไหวตามหอก รวดเร็วปานสายฟ้าฟาด

เส้นทางที่เขาเคลื่อนผ่านทิ้งภาพมายาของมังกรเขียวไว้ คมหอกเป็นเขี้ยวของมังกรเขียว

กรร!

เสียงมังกรเขียวคำรามสะเทือนท้องฟ้า อานุภาพของหอกไม่อาจต้านทานได้

เซวียนหยวนเฉิงรู้สึกเพียงว่าชั่วขณะที่หวังเสวียนจ้านจู่โจม คมหอกก็มาประชิดตัวแล้ว!

ในเสี้ยววินาทีนั้น เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังประจันหน้ากับมังกรโบราณตัวเขื่อง

แรงกดดันอันน่ากลัว แผ่กระจายม้วนตัวมาหาเขา

หากนักพรตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณทั่วไปเผชิญหน้ากับฉากนี้ คงไม่มีแม้แต่ความคิดจะตอบโต้เป็นแน่

แต่เซวียนหยวนเฉิงกลับใจเย็นเป็นอย่างยิ่ง

“พลิกจักรวาล”

ดวงตาคู่นั้นของเขาดูล่องลอย ราวกับสูญเสียจุดรวมสายตาไปแล้ว

คมหอกมาประชิดตัวเขา กระบี่ในมือของเขาเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว มองดูเชื่องช้า แต่กลับสัมผัสคมหอกได้ทันท่วงที…

ลวดลายของปลาคู่ขาวดำก่อตัวใต้ฝ่าเท้าของเขา กระบี่ค่อยๆ บิดโค้งเป็นองศาที่แปลกพิสดาร

ครืน!

มังกรเขียวพุ่งตัวออกมา คมหอกอันหาญกล้า ทำให้ผิวดินรัศมีสิบจั้งรอบตัวหวังเสวียนจ้านแตกระแหง กลายเป็นร่องลึกมืดสนิทเป็นทางยาว

เลือดค่อยๆ หยดลงบนพื้นดินช้าๆ…

เซวียนหยวนเฉิงได้รับบาดเจ็บ

แต่กลับมีความตกตะลึงปรากฏบนใบหน้าของหวังเสวียนจ้าน “เจ้าหลบได้งั้นหรือ!”

ไหล่ของเซวียนหยวนเฉิงถูกหอกแทง เลือดย้อมไหล่ข้างซ้ายจนแดงฉาน

เขาไม่ตอบ อาศัยโอกาสตอนที่หวังเสวียนจ้านตกใจ ถอยกรูดสร้างระยะห่าง

“รุ่นพี่เฉิน หากท่านยังไม่หนีอีกข้าจะต้านไม่ไหวแล้ว อย่างมากข้าก็ต้านได้อีกแค่ห้ากระบวนท่า ท่านรีบหน่อยสิ!”

พูดจบ เซวียนหยวนเฉินก็ตั้งท่าป้องกันต่อไป

หวังเสวียนจ้าน “…”

เฉินเฉิน “…”

บริเวณหนึ่งของจัตุรัสหยกขาว นักเรียนหลายคนพากันมองไปทางศิษย์พี่พานกันระนาว

พานปู้อวี่ปิดปากเงียบ ยังคงรักษามาดของบัณฑิต

น่าขัน เขาคือพานปู้อวี่อันดับที่ยี่สิบแห่งสำนักเชียวนะ ศิษย์น้องทั้งหญิงชายจ้องมองเขาด้วยสายตาเคารพเลื่อมใส มันเป็นเรื่องที่ปกติเสียเหลือเกิน!

แต่ว่า…

ตอนนี้ศิษย์พี่พานไม่ได้มีอาการเคลิบเคลิ้มมากเท่าใดนัก

ใบหน้าของเขาแดงระเรื่อ และมีความรู้สึกร้อนผ่าวเล็กน้อย…

ในป่าพันยอด เหนือบริเวณที่หวังเสวียนจ้านกับเซวียนหยวนเฉิงประลองกัน เซียนพสุธาชางชิงกำลังเฝ้ามองการต่อสู้นี้อยู่

เมื่อเขาเห็นเซวียนหยวนเฉิงหลบการโจมตีของหวังเสวียนจ้านพ้น ก็อดตกใจไม่ได้

“เซวียนหยวนเฉิงสมกับเป็นอัจฉริยะที่ร้อยปีจะพบสักครั้งของสำนักเซียนหมื่นชีวิตจริงๆ รู้สภาวะดับของสรรพสิ่งตั้งแต่อายุยังน้อย! อืม…แค่กระบวนท่าเดียว พลังต่อสู้ของเขาเหนือกว่าพานปู้อวี่อะไรนั่นเยอะเลย…”

…………………………….