ตอนที่ 161 ประเด็นอยู่ที่คนคนเดียว / ตอนที่ 162 ผู้ใดร้อนรนอย่างหาเหตุผลไม่ได้ ผู้นั้นมีเจตนาร้ายแอบแฝง

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

ตอนที่ 161 ประเด็นอยู่ที่คนคนเดียว 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่คอยเอาใจสองพ่อลูกจนเหนื่อยล้า และรอพวกเขากินข้าวเสร็จอย่างยากลำบาก จากนั้นก็ยื่นมือไปลากเก้าอี้มานั่งลงตรงหน้าอวี๋เยว่หาน จ้องมองเขาด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง 

 

 

“คุณชาย คุณเคยเจอซ่างซินไหม” 

 

 

“คุณรู้เรื่องที่เกี่ยวกับเธอบ้างหรือเปล่า” 

 

 

“ทำไมเธอถึงไม่รับงานพรีเซ็นเตอร์ หรือว่าเบื้องหลังของเธอ…” 

 

 

“…” 

 

 

อวี๋เยว่หานขมวดคิ้วเป็นปม พลางมองเหนียนเสี่ยวมู่ที่กลายเป็นสารานุกรมไปแล้ว แต่ผ่านไปเนิ่นนานแล้วก็ยังไม่พูดจา 

 

 

จนกระทั่งเธอรู้สึกได้ว่าตัวเองถามมากเกินไปแล้ว เธอถึงยื่นมือไปปิดปากตัวเอง แล้วเหลือบมองเขาอย่างระวัดระวัง 

 

 

เขาถึงจะเอ่ยปากอย่างเชื่องช้าทีละคำ 

 

 

“อยากให้ซ่างซินรับงานพรีเซ็นเตอร์ ประเด็นอยู่ที่คนคนเดียว” 

 

 

“…” 

 

 

“ประธานบริษัทคนใหม่ของบริษัทตระกูลถัง ถังหยวนซือ” ริมฝีปากบางของอวี๋เยว่หานเอ่ยชื่อคนหนึ่งออกมาอย่างเย็นชา 

 

 

เมื่อพูดจบ เขาก็ไม่สนใจว่าเหนียนเสี่ยวมู่ฟังรู้เรื่องหรือเปล่า และลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ไปอุ้มเสี่ยวลิ่วลิ่วที่เพิ่วกินอิ่มออกจากห้องอาหารไป 

 

 

เหลือไว้เพียงเหนียนเสี่ยวมู่ที่ได้ยินเขาพูดแล้วก็เอาแต่งุนงง 

 

 

เธอพึมพำกับตัวเอง “ถังหยวนซือ…” 

 

 

จากนั้นเธอก็รู้สึกตัว กลับไปที่ห้องของตัวเองทันที เมื่อเปิดคอมพิวเตอร์แล้วก็เริ่มค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับถังหยวนซือ แต่เธอก็ได้แต่งงงันหลังจากป้อนชื่อนี้ลงไปพร้อมกดปุ่มค้นหา 

 

 

ข้อมูลเต็มหน้าจอไปหมด แต่กลับมีอะไรเกี่ยวข้องกับซ่างซินเลย 

 

 

แต่มีข้อมูลหนึ่งที่แปลกประหลาดมาก 

 

 

‘ประธานบริษัทตระกูลถังเคยเป็นเด็กกำพร้า แต่วาสนาดีตระกูลผู้มีอิทธิพลของเมืองเอสรับเลี้ยง…’ 

 

 

แล้วนี่มันเกี่ยวกับสร้างซินอย่างไร 

 

 

หรือว่าเขาไม่ยอมให้ซ่างซินรับงานพรีเซ็นเตอร์? 

 

 

แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนไม่น่าจะเป็นอย่างที่เธอคิด… 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่คิดอยู่คนเดียวตั้งนานก็คิดไม่ออก ว่าอวี๋เยว่หานตั้งใจจะบอกอะไรเธอกันแน่ 

 

 

เธอตัดสินใจปิดคอมพิวเตอร์ เตรียมออกจากห้องไปหาเขา 

 

 

พูดออกมาแค่ครึ่งเดียว ไม่พูดให้คนอื่นเข้าใจแบบนี้มันน่าโมโหที่สุดเลย! 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่เดินไปถึงห้องรับแขกด้วยใจโมโห แต่เพิ่งจะขึ้นชั้นบน เธอนึกถึงใบหน้าเหมือนก้อนน้ำแข็งของอวี๋เยว่หานก็กลัวจนตัวสั่นแล้ว 

 

 

เธอหันไปเห็นผู้ช่วยถือเอกสารเดินเข้ามาจากข้างนอกพอดี ทำให้เธอเกิดความคิดอันชาญฉลาด และพุ่งเข้าไปขวางหน้าผู้ช่วยเอาไว้ 

 

 

“ผู้ช่วยหยางคะ ฉันขอเวลาคุณสักสองสามนาที ถามอะไรบางอย่างได้ไหมคะ” 

 

 

“…” ผู้ช่วยชะงักไป แล้วมองเธอด้วยสายตาสอบถาม 

 

 

“ความจริงแล้วก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่เมื่อกี้คุณชายบอกฉันว่า จุดสำคัญในการโน้มน้าวซ่างซินคือถังหยวนซือ คุณรู้ไหมคะว่าประโยคนี้หมายความว่าอย่างไร” เหนียนเสี่ยวมู่พูดจบก็มองผู้ช่วยด้วยแววตาเคร่งเครียด 

 

 

ผู้ช่วยเกิดความลังเล แต่จากนั้นก็บอกเธอ “ว่ากันว่าซ่างซินชอบประธานถังมาหลายปีแล้ว แต่ประธานถังไม่เคยตอบสนองอะไรเธอเลย” 

 

 

“…” 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ไม่คิดว่าจะเป็นคำตอบนี้ จึงตะลึงไปเล็กน้อย 

 

 

ผู้หญิงตามจีบผู้ชายเหรอ… 

 

 

คิดไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวที่มีความหาญกล้าเต็มเปี่ยมในตำนานจะยังมีคนกล้ารังเกียจเธอด้วย 

 

 

สมองของเหนียนเสี่ยวมู่คิดแผนการได้แล้ว ตาเป็นประกายทันใด 

 

 

“ฉันรู้แล้วค่ะว่าจะโน้มน้าวซ่างซินอย่างไร! ขอบคุณค่ะผู้ช่วยหยาง!” เหนียนเสี่ยวมู่พูดพลางหมุนตัววิ่งกลับไปที่ห้องของตัวเอง 

 

 

เธอเปิดคอมพิวเตอร์ อ่านแผนพรีเซ็นเตอร์ที่ส่งไปให้ซ่างซินก่อนหน้านี้ ก่อนจะปรับแก้เป็นครั้งสุดท้าย ตั้งอกตั้งใจทำหมายเหตุเป็นอย่างดี 

 

 

หลังจากตรวจสอบซ้ำๆ อยู่สองสามรอบ เธอถึงจะส่งไปอีกครั้งเมื่อแน่ใจว่าไม่มีปัญหา! 

 

 

จากนั้นเธอก็ประสานทั้งสองมือเข้าด้วยกัน พร้อมกับจ้องมองอีเมลอย่างใจจดใจจ่อ 

 

 

“ติ๊ง!” เมื่อได้ยินเสียงเตือนอีเมลตอบหลับ เธอตื่นเต้นจนเกือบจะตกเก้าอี้ และเอื้อมมือไปคลิกเมาส์เปิดอ่านอย่างร้อนรน! 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 162 ผู้ใดร้อนรนอย่างหาเหตุผลไม่ได้ ผู้นั้นมีเจตนาร้ายแอบแฝง 

 

 

คำพูดสั้นๆ สะท้อนเข้ามาในม่านตาของเธอ 

 

 

‘ฉันยอมพบคุณสักครั้งค่ะ’ 

 

 

ซ่างซินยอมพบเธอแล้วเหรอ 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่อ่านอีเมลซ้ำอยู่หลายครั้ง หลังจากแน่ใจแล้วว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด เธอถึงจะดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้ 

 

 

กรี๊ด! 

 

 

พยายามมาตั้งนาน ในที่สุดก็มีโอกาสเจอซ่างซิน ได้พูดคุยเรื่องพรีเซ็นเตอร์กับแบบตัวต่อตัวสักที! 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ทำใจเย็นๆ แล้วโผไปที่หน้าคอมพิวเตอร์ เพื่อตอบกลับอีเมลอย่างรวดเร็ว ‘ฉันไปพบคุณได้ทุกเวลาเลยค่ะ คุณสะดวกเวลาไหนคะ’ 

 

 

เมื่อตอบอีเมลเสร็จ หัวใจของเธอก็เต้นรัวเร็วขึ้นมา รอคอยการตอบกลับของอีกฝ่ายด้วยความตื่นเต้น 

 

 

เวลาที่บริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าให้มีแค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น 

 

 

ถ้าภายในหนึ่งสัปดาห์นี้ซ่างซินไม่ว่างล่ะ… 

 

 

ไม่นานเธอก็ได้อีเมลตอบกลับใหม่ 

 

 

‘สิบโมงเช้าวันพรุ่งนี้ พบกันที่บริษัทตระกูลอวี๋ค่ะ’ 

 

 

‘ได้ค่ะ ฉันจะรอคุณ’ เหนียนเสี่ยวมู่ส่งอีเมลกลับไป ในที่สุดความรู้สึกตื่นเต้นก็สงบลง 

 

 

เธอจัดการแผนในคอมพิวเตอร์อีกครั้ง และทำงานอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง แล้วถึงจะปิดคอมพิวเตอร์ด้วยความสบายใจ 

 

 

ครั้นจะเตรียมตัวเข้านอน ในหัวของเธอก็มีใบหน้าของอวี๋เยว่หานแวบเข้ามา 

 

 

เธอนึกขึ้นได้ว่าถ้าอวี๋เยว่หานไม่พูดเตือน เธอก็คงคิดเงื่อนไขการพรีเซ็นเตอร์ของซ่างซินไม่ออกจริงๆ เมื่อคิดคำนวนดูให้ดี ก็นับว่าเธอติดหนี้น้ำใจเขาครั้งหนึ่ง 

 

 

และเธอต้องคิดให้ดี ว่าจะใช้หนี้น้ำใจนี้อย่างไร… 

 

 

 

 

 

วันต่อมา 

 

 

อวี๋เยว่หานตื่นเช้ามาตลอด แค่ฟ้าสว่างเขาก็ตื่นนอนแล้ว 

 

 

หลังจากจัดการเอกสารด่วนจำนวนหนึ่งเสร็จสิ้น เขาถึงจะเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวลงมากินข้าวเช้าข้างล่าง 

 

 

แต่เพิ่งจะลงไปถึงชั้นล่าง เขาก็เห็นเหนียนเสี่ยวมู่กำลังวุ่นอยู่ในห้องอาหาร 

 

 

เธอใส่ผ้ากันเปื้อน ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่หน้าโต๊ะอาหาร ดูจากสีหน้าแล้วตั้งอกตั้งใจทีเดียว 

 

 

เมื่อสังเกตว่ามีคนเดินเข้ามาในห้องอาหาร เธอก็หันมามองทันที 

 

 

“คุณชายตื่นแล้ว หิวไหม ข้าวเช้าใกล้เสร็จแล้ว คุณรอฉันอีกหนึ่งนาทีนะ!” เหนียนเสี่ยวมู่ยิ้มสดใสมาก รอยยิ้มหวานๆ นั้นทำให้เครื่องหน้าที่สะสวยอยู่แล้วให้ยิ่งน่าหลงใหลเข้าไปอีก 

 

 

พูดจบเธอก็หมุนตัวพุ่งเข้าไปในครัว 

 

 

ไม่นานเธอก็ยกนมสดสามแก้วเดินออกมาจากข้างใน 

 

 

อวี๋เยว่หานตั้งใจมอง ถึงจะพบว่าบนโต๊ะหารมีอาหารเช้าอันอุดมสมบูณ์วางอยู่วามชุด 

 

 

กลิ่นหอมน่ารับประทาน ดูแล้วเรียกน้ำย่อยมากเลยทีเดียว 

 

 

เสี่ยวลิ่วลิ่วที่เพิ่งตื่นนอนยังสะลึมสะลืออยู่บ้าง แต่เมื่อได้กลิ่นหอมๆ ก็รีบวิ่งเข้าไปหาเธอ 

 

 

“กินข้าวๆ!” 

 

 

“เจ้าแมวตะกละ!” เหนียนเสี่ยวมู่บีบจมูกของเด็กหญิง จากนั้นก็อุ้มเธอขึ้น แล้ววางลงบนเก้าอี้เด็ก ก่อนจะยกอาหารเช้าชุดหนึ่งวางลงตรงหน้า 

 

 

เธอเห็นเสี่ยวลิ่วลิ่วกินอย่างเอร็ดอร่อย ถึงจะเงยหน้ามองอวี๋เยว่หานด้วยความกระตือรือร้น 

 

 

“คุณชาย คุณก็รีบมาชิมดูสิว่าอร่อยไหม” 

 

 

“…” 

 

 

อวี๋เยว่หานเงยหน้ามองเธอ แล้วหลุบตามองอาหารเช้าตรงหน้า ก่อนที่ให้หัวเขาจะมีภาพอาหารที่เกือบจะไหม้ เมื่อครั้งที่เธอทำอาหารให้ห้องพักผ่อนของบริษัท 

 

 

จากนั้นเขาก็มองอาหารอันโอชะตรงหน้า แววตาของเขาหยั่งลึกลง ก่อนจะดึงเก้าอี้มานั่งลง 

 

 

เขาหยิบอุปกรณ์กินข้าวขึ้นมา แล้วบรรจงตัดแฮมอย่างเชื่องช้า ทว่าไม่ยอมใส่เข้าไปในปากเสียที 

 

 

“เหนียนเสี่ยวมู่ ผู้ใดร้อนรนอย่างหาเหตุผลไม่ได้ ผู้นั้นมีเจตนาร้ายแอบแฝง” 

 

 

“…” 

 

 

“ซ่างซินรับงานพรีเซ็นเตอร์แล้วเหรอ” อวี๋เยว่หานชำเลืองมองเธอ แล้วเอ่ยปากเสียงเรียบ 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่อึ้งไป แต่ก็ตอบอย่างว่าง่าย “ยังหรอก แต่เธอตกลงพบฉันเพื่อพูดคุยกันแล้ว” 

 

 

แล้วเธอก็พูดเอาใจทันที “นี่ก็เพราะได้คำแนะนำจากคุณไงคะ!” 

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋เยว่หานก็เงยหน้ามองเธอด้วยสายตาประหลาดใจ 

 

 

เขาแค่กล่าวเตือนเธอ ทำไมเธอคิดแผนทำให้ซ่างซินใจอ่อนได้เร็วขนาดนี้ล่ะ 

 

 

“คุณพูดกับเธอว่าอะไร”