ตอนที่ 159 ตกกระป๋อง / ตอนที่ 160 เสียใจซ้ำสอง!

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

ตอนที่ 159 ตกกระป๋อง 

 

 

“…” เหนียนเสี่ยวมู่ฟังเขาพูด แล้วมองเวลาตามสัญชาตญาณ พบว่าตอนนี้เย็นมากแล้ว 

 

 

อวี๋เยว่หานน่าจะโทรศัพท์มาเร่งให้เธอกลับไปกินข้าวกับเสี่ยวลิ่วลิ่ว 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่รีบร้อนตอบกลับไป “คุณชาย ฉันจะกลับถึงบ้านภายในครึ่งชั่วโมง” 

 

 

หลังจากพูดจบเธอก็วางสายแล้วยันม้าหินลุกขึ้นยืน 

 

 

เธอเจ็บหัวเข่าจนต้องเดินกะโผลกกะเผลกไปทางประตูสวนสนุก 

 

 

เมื่อออกมาจากฝูงชนได้อย่างยากลำบาก เธอก็เรียกรถแท็กซี่กลับไปยังคฤหาสน์ตระกูลอวี๋ 

 

 

 

 

 

ตู๊ด ตู๊ด เสียงวางสายดังลอดออกมาจากในโทรศัพท์มือถือ 

 

 

อวี๋เยว่หานละสายตาจากโทรศัพท์มือถือ ขมวดคิ้วมุ่น เธอกล้าวางสายเขาเหรอเนี่ย 

 

 

เธออยู่ที่ไหน 

 

 

เสียงรอบข้างเหมือนจะแปลกๆ ไปบ้าง 

 

 

“ตอนบ่ายเธอไม่อยู่ที่บริษัทเหรอ” อวี๋เยว่หานเอ่ยปากเสียงเรียบ  

 

 

ผู้ช่วยรีบอธิบาย “เมื่อตอนบ่ายซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนขอออกไปข้างนอก แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครรู้ว่าเธอไปที่ไหน แต่ผมตรวจสอบดูแล้ว วันนี้ซ่างซินไมมีงานอีเวนท์ ส่วนกำหนดการส่วนตัวของเธอผมก็ไม่แน่ใจครับ” 

 

 

เขาเป็นผู้ช่วยพิเศษส่วนตัวของประธานบริษัทผู้ยิ่งใหญ่ แต่ตอนนี้เขาเกือบจะกลายเป็นผู้ช่วยของเหนียนเสี่ยวมู่ไปแล้ว 

 

 

ทุกวันนี้เขาต้องถามเรื่องของเหนียนเสี่ยวมู่ไว้ เผื่ออยู่ๆ คุณชายก็ถามขึ้นมา 

 

 

“…” ไม่อยู่ที่บริษัท 

 

 

ดวงตาของของเขาเผยความมืดมนออกมา ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาแล้วหยิบนิตยสารการเงินมาอ่านอยู่ครู่หนึ่ง 

 

 

แต่ความจริงแล้วเหม่อลอยอยู่ตลอด 

 

 

สายตาของเขาเหลือบมองนาฬิกาเรือนหรูบนข้อมือโดยไม่รู้ตัว 

 

 

ผ่านมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว.. 

 

 

เขาเห็นเงาร่างผอมเพรียวในอีกวินาทีต่อมา เธอกำลังรีบร้อนเดินเข้ามาจากข้างนอก 

 

 

ท่าทางเดินเหินของเธอไม่ค่อยเหมือนเวลาปกติ ตัวเธอเอียงมาด้านหน้าเล็กน้อย ราวกับว่าหัวเข่ามีปัญหาบางอย่าง 

 

 

อวี๋เยว่หานโยนนิตยสารลงบนโต๊ะน้ำชา ก่อนจะยืนขึ้น แล้วเดินเข้าไปหาเธอ “หัวเข่าเป็นอะไร” 

 

 

“…ไม่มีอะไรค่ะ แค่ชนนิดหน่อย” 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่กำลังจะอธิบายว่าตัวเองกลับมาช้าเพราะเรื่องงาน แต่ตัวเธอกลับถูกอวี๋เยว่หานอุ้มขึ้นมาด้วยท่าเจ้าหญิงเสียแล้ว 

 

 

ครั้นร่างกายอยู่กลางอากาศ เธอก็ตกใจจนต้องรีบโอบคอของเขาเอาไว้ 

 

 

ทันใดนั้นกลิ่นอายของความเผด็จการก็ปะทะเข้ามา 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ดึงสติกลับมา แล้วเงยหน้ามองใบหน้าเฉยชาของเขาด้วยความประหลาดใจ แต่กลับเห็นเขาทำหน้าบึ้งตึง สีหน้าไม่ชัดเจน ดูไม่ออกว่ากำลังโกรธหรือเปล่า เพียงแต่รู้สึกว่าเวลานี้เธอพูดให้น้อยหน่อยจะดีกว่า 

 

 

ไม่นานเธอก็ถูกวางลงบนโซฟา 

 

 

“พ่อบ้าน เรียกหมอมา” 

 

 

เมื่อได้ยินว่าเขาจะเรียกหมอ เหนียนเสี่ยวมู่ก็รีบดึงแขนเสื้อของเขาเอาไว้ “ไม่ต้องๆ แค่ชนนิดเดียวเอง ทายาแล้วนวดนิดหน่อยก็พอ” 

 

 

เธอเปราะบางขนาดนั้นที่ไหนกัน ชนนิดเดียวก็ต้องเรียกหมอด้วยหรือไง 

 

 

ทว่าอวี๋เยว่หานไม่เชื่อ เธอจึงตั้งใจเลิกขากางเกงขึ้น ให้เขามองแผลบนหัวเข่าของตัวเองสักหน่อย 

 

 

ตรงนั้นมีแค่เนื้อบวมแดง ไม่มีแผลถลอก ตอนเพิ่งชนเธอรู้สึกเจ็บจนทนไม่ไหวจริงๆ แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้ว 

 

 

หลังจากได้ยินดังนั้น อวี๋เยว่หานก็มองเธอด้วยสายไม่ไว้ใจอยู่สามวินาที แต่สายตาของเขาก็กลับมาเรียบเฉยดังเดิม เมื่อเห็นว่าเธอไม่เป็นอะไรจริงๆ 

 

 

เขาเปลี่ยนไปสั่งให้พ่อบ้านไปหยิบกล่องยาเข้ามา 

 

 

“พี่สาวคนสวย” เสี่ยวลิ่วลิ่วได้ยินว่าเธอกลับมาแล้วจึงวิ่งออกมาจากในห้องของตัวเองทันที อยากจะโผเข้าไปในอ้อมกอดของเธอ 

 

 

แต่ร่างเล็กนุ่มนิ่มเพิ่งวิ่งมาถึงข้างหน้า ชายเสื้อของเข้าตัวเล็กก็ถูกมือแกร่งคว้าเอาไว้ 

 

 

เขาอุ้มเด็กหญิงขึ้นมา แล้วพูดเสียงเบา “บนตัวเธอมีแผล ตอนนี้อุ้มลูกไม่ได้” 

 

 

“…” เสี่ยวลิ่วลิ่วถูกอุ้มขึ้นกลางอากาศกะทันหัน พลางหดคอสั้นๆ แล้วเบิกตาโพลงมองเหนียนเสี่ยวมู่อย่างงุนงง 

 

 

บนใบหน้าเล็กสะสวยเต็มไปด้วยความสงสัย 

 

 

หนูเป็นใคร หนูอยู่ที่ไหน ตอนนี้หนูกำลังทำอะไร 

 

 

ปาปาที่รักหนูที่สุดล่ะ 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 160 เสียใจซ้ำสอง! 

 

 

“ฉันไม่เป็นไร หัวเข่ามีแผลเล็กน้อย ยังอุ้มเสี่ยวลิ่วลิ่วได้อยู่” เหนียนเสี่ยวมู่พูดจบก็ยื่นมือไปอุ้มเด็กหญิงกลับมา แล้วกอดไว้ในอก 

 

 

ทันใดนั้นเสี่ยวลิ่วลิ่วก็หมุนตัวถูไถอยู่ในอกของเธอ 

 

 

ตาโตสีเขียวมรกตจ้องมองอวี๋เยว่หานด้วยความน้อยใจแล้ว! 

 

 

อวี๋เยว่หาน “…” 

 

 

ไม่นานพ่อบ้านก็ถือกล่องยาเข้ามา 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้ต้องการให้ใครดูแล เธอหายาลดบวมที่เหมาะสม บีบใส่ฝ่ามือเล็กน้อย แล้วนวดสองสามครั้งอย่างไม่ใส่ใจ 

 

 

“เรียบร้อย ไม่เป็นไรแล้ว” 

 

 

เธอโยนยาใส่เข้าไปในกล่องยา ครั้นยืดขากำลังจะยืนขึ้น ก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นมา 

 

 

“เมื่อกี้คุณไปไหนมา” 

 

 

“…” เหนียนเสี่ยวมู่เม้มปาก ลังเลอยู่ว่าควรพูดความจริงหรือไม่ 

 

 

“ไปหาซ่างซินเหรอ” อวี๋เยว่หานเหลือบมองเธอด้วยนัยน์ตาเฉยชา เขานั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาตรงข้ามเธอ ออร่าของความน่าเกรงขามทำให้ห้องรับแขกเหมือนกลายเป็นสถานที่ไต่สวนเสียแล้ว 

 

 

ถ้าเธอกล้าพูดโกหก ก็จะถูกเปิดโปงในทันที 

 

 

“…” เหนียนเสี่ยวมู่เงยหน้ามองเขาด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าเขาจะรู้เรื่องพรีเซ็นเตอร์ด้วย 

 

 

“ฉันได้ยินมาว่า นอกจากเดินแบบของแบรนด์ดังแล้ว ซ่างซินไม่รับงานแสดงหรืองานพรีเซ็นเตอร์อื่น ส่วนตัวฉันคิดว่าเธอก็อยากรับ แต่ความลำบากใจบางอย่าง ฉันอยากแน่ใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่เห็นเขาถาม ก็เลยตอบตามตรงอย่างไม่อ้อมค้อม 

 

 

อวี๋เยว่หานเป็นคนหนุ่มที่มีชื่อเสียง สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการธุรกิจตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าบริษัทตระกูลอวี๋ 

 

 

โด่งดังในชั่วข้ามคืนเชียวล่ะ! 

 

 

คนหนุ่มอัจฉริยะที่ถูกขนานนามว่าฉลาดเป็นกรด พาบริษัทตระกูลอวี๋ขึ้นสู่ชั้นแนวหน้าภายในเวลาไม่กี่ปี กลายเป็นตระกูลยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองเอช 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่เคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเขาตั้งแต่ยังไม่เข้าไปทำงานในบริษัทตระกูลอวี๋ 

 

 

ถ้าเขายอมชี้แนะเธอ เธอก็น้อมรับคำชี้แนะนั้น 

 

 

“ทีแรกฉันอยากไปเจรจากับซ่างซิน แต่ฉันก็ไม่ได้เจอเธอเลย อย่าว่าแต่ซ่างซิน แค่ผู้จัดการของเธอฉันก็ยังไม่ได้เจอเลย” 

 

 

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เหนียนเสี่ยวมู่คิดไม่ตก 

 

 

มีใครที่ไหนที่ปฏิเสธเรื่องเงินๆ ทองๆ ทั้งที่ยังไม่ได้คุยกัน 

 

 

ซ่างซินไม่สนใจชื่อเสียงเงินทอง แต่คนที่อยู่ข้างกายเธอก็เห็นเงินทองเป็นของนอกกายเหมือนกันเหรอ 

 

 

นอกจากมีผลประโยชน์อะไรมากไปกว่านั้น หรือมีความลำบากใจยางอย่าง 

 

 

“กินข้าวก่อนเถอะ” นัยน์ตาของอวี๋เยว่หานวูบไหว ก่อนจะยื่นมือไปอุ้มเสี่ยวลิ่วลิ่วจากมือของเธอ แล้วหมุนตัวเดินเข้าไปในห้องครัว 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่มองเงาหลังของเขาด้วยความอึ้งงัน ผ่านไปนานพอดู เธอถึงรู้สึกตัว และรีบเดินตามเขาเข้าไป 

 

 

เธอรู้สึกว่าเขาน่าจะมีความลับอะไรที่ไม่อยากให้ใครรู้ เธอจึงแสดงตัวเป็นสุนัขรับใช้ในอาหารมื้อนี้เป็นพิเศษ 

 

 

“คุณชาย กับข้าวจานนี้อร่อยมาก คุณกินเยอะๆ หน่อยสิ” 

 

 

“มีปลาเก๋าของโปรดคุณด้วยนะ…” 

 

 

“พ่อบ้าน น้ำแกงเสร็จหรือยังคะ ฉันจะไปตักให้คุณชายถ้วยหนึ่ง…” 

 

 

“…” 

 

 

อวี๋เยว่หานมองเหนียนเสี่ยวมู่ที่เอาใจเขาจนไม่ได้กินข้าว ใบหน้าของเขาเรียบเฉย แต่มุมปากกลับมีรอยยิ้มผุดขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ตัว 

 

 

จากนั้นเขาก็ยกน้ำแกงขึ้นมาดื่มอย่างเชื่องช้า 

 

 

“คุณชาย รสชาติเป็นยังไงบ้าง ถ้าคุณชอบ ฉันจะไปตักมาให้อีกถ้วย” เหนียนเสี่ยวมู่ถามพร้อมรอยยิ้ม 

 

 

เสี่ยวลิ่วลิ่วที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เด็ก มองเหนียนเสี่ยวมู่ใช้ตะเกียบคีบเนื้อที่เธอชอบที่สุดวางใส่ในตานของอวี๋เยว่หาน ทั้งๆ ที่เธอพกยกจานเล็กๆ ของตัวเองไปข้างหน้า 

 

 

พี่สาวคนสวยไม่มองเธอด้วยซ้ำ เธอจึงทำปากจู๋ 

 

 

น้อยใจจนหน้างองุ้มเป็นก้อนแล้ว 

 

 

ฮือๆ พี่สาวคนสวยไม่รักเธอแล้ว…