บทที่ 141 คิดว่าเธอแกล้งทำมันง่ายหรือไง? / บทที่ 142 สายโทรศัพท์กลางดึก

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

​​​​​​​บทที่ 141 คิดว่าเธอแกล้งทำมันง่ายหรือไง?  

 

“โฮก” 

 

ตอนที่อารมณ์ของเยี่ยหวั่นหวันผ่อนคลายหมดสิ้นแล้ว ทันใดนั้นมีเสียงคำรามดังของเสือดังขึ้นมาจากข้างหลังใกล้มาก ดังสนั่นจนพื้นแทบจะสะเทือน 

 

“อา!” ยังไม่ทันได้เตรียมรับมือ เยี่ยหวั่นหวันที่เมื่อกี้บอกว่าไม่กลัวตกใจจนวิญญาณแทบหลุด โผเข้าไปหาซือเยี่ยหานด้วยความกลัวสุดขีด 

 

ซือเยี่ยหานที่โดนหญิงสาวทุบหน้าอกด้วยซาลาเปานิ่งไป 

 

สวี่อี้พูดอะไรไม่ออก 

 

หลังเยี่ยหวั่นหวันได้สติ ก็เหลือบมองซือเยี่ยหานด้วยความอึดอัด แล้วมองไปทางเสือขาวด้านหน้าโซฟา ขนที่ขาวราวหิมะนั้นถูกย้อมด้วยเลือดมนุษย์ กำลังคำรามอย่างดุร้ายมาที่ตัวเองไม่หยุด น่าโมโหที่สุด 

 

น้องสาว! อยู่ดีๆ มาคำรามใส่เธอทำไม! 

 

ไม่ง่ายเลยที่อดทนมาได้นานขนาดนี้ แล้วมาทำลายความพยายามของเธอแบบนี้ 

 

คิดว่าที่เธอแกล้งทำมันง่ายหรือไง? 

 

หลังเสือขาวตัวนั้นเห็นเยี่ยหวั่นหวันพุ่งเข้าไปหาซือเยี่ยหาน ถึงแม้จะหยุดเดินไปข้างหน้า แต่ยังคงเดินวนเวียนอยู่หน้าโซฟา สายตาที่มองเยี่ยหวั่นหวันนั้นไม่เป็นมิตรเลย 

 

เป็นสายตาที่มองผู้บุกรุก 

 

เสือขาวตัวนี้เป็นสัตว์เลี้ยงของซือเยี่ยหาน เลี้ยงไว้ในคฤหาสน์จิ่นหยวน 

 

รอบๆ คฤหาสน์จิ่นหยวนมีป่าทึบบริเวณกว้าง เสือขาวมักจะเร่ร่อนอยู่ในป่าทึบ 

 

เสือขาวชื่อสลอเดอร์ ภาษาอังกฤษแปลว่าสังหารอย่างทารุณ แค่ฟังชื่อก็รู้แล้วว่าดุร้าย ไม่ใช่ลูกแมวที่ถูกฝึกในคณะละครสัตว์ 

 

ชาติที่แล้ว เยี่ยหวั่นหวันเกลียดและกลัวเสือขาวตัวนี้ไม่น้อยกว่าซือเยี่ยหานเลย 

 

แต่ว่า หลังมาเกิดใหม่ ถึงแม้เมื่อกี้จะเห็นมันกัดคอคนและคำรามอย่างดุร้าย อีกทั้งทำให้คนตื่นตระหนก แต่ในใจก็ยังไม่ได้รู้สึกอยากขับไล่และเกลียดชังแบบนั้น กลับรู้สึกคิดถึงและละอายใจอยู่ลึกๆ 

 

ชาติที่แล้ว เสือขาวตัวนี้ที่เธอเกลียดชังที่สุดนั้นช่วยให้เธอพ้นจากอันตรายอยู่หลายครั้ง สุดท้ายเพราะว่ามาบังคนพวกนั้นไว้ให้ เลยติดกับดักหลุมพราง 

 

เธอเห็นกับตาว่าเสือขาวโดนคนพวกนั้นฆ่าอย่างทรมานเพื่อจะปกป้องตัวเองจนลมหายใจสุดท้าย 

 

คิดมาถึงตรงนี้ นัยน์ตาเยี่ยหวั่นหวันเริ่มเปียกชื้น 

 

การแสดงออกแบบนี้คนอื่นที่มองมาคงคิดว่าตกใจกลัวจนร้องไห้ 

 

เป็นอย่างที่คิด มีเสียงหัวเราะเยาะดังขึ้นมาจากด้านข้าง เป็นเด็กหนุ่มชุดดำที่เมื่อกี้ลงมือทรมานอยู่ ชื่อหลิวอิ่ง 

 

เป็นการรวมตัวกันของเหล่าศัตรูจริงๆ 

 

คนนี้ดูแล้วอายุน้อย แต่เป็นมือหนึ่งที่เก่งกาจที่สุดข้างกายซือเยี่ยหานเลย ใช้วิธีการโหดเ**้ยมมาก เรื่องลับมากมายเขาเป็นคนจัดการ 

 

เหมือนชาติที่แล้ว หลิวอิ่งเกลียดที่เธอเป็นตัวหายนะอยู่ข้างกายซือเยี่ยหานเข้ากระดูก ทั้งยังเคยพูดตักเตือนอย่างไม่กลัวตายเลย 

 

ความสัมพันธ์ของเยี่ยหวั่นหวันและเขาเหมือนน้ำกับไฟที่ไม่เข้ากัน 

 

ซือเยี่ยหานมองหญิงสาวที่สองมือสองเท้าเกี่ยวพันเขาอยู่ สายตาชะงักไปหน่อย จากนั้น ยื่นมือใหญ่ลูบหลังศีรษะหญิงสาว หรี่สองตามองไปทางเสือขาว “สลอเดอร์” 

 

เสือขาวโดนคำเตือนของเจ้านาย นัยน์ตาของสัตว์ป่าที่ยากแก่การฝึกสอนนั้นแดงฉานดุร้าย ยังคงคำรามเสียงต่ำ สายตาที่มองเยี่ยหวั่นหวันเหมือนว่าวินาทีต่อไปอยากจะกระโจนเข้าไปฉีกเธอเป็นชิ้นๆ 

 

ทั้งคนและเสือคุมเชิงกันแบบนี้อยู่นาน หลังจากนั้นไม่กี่นาที ในที่สุดเสือขาวก็ก้าวเดินจากไปอย่างไม่ยินดีภายใต้สายตาที่เย็นชาของเจ้านาย 

 

เสือขาวตัวนี้แม้แต่ซือเยี่ยหานก็ยังไม่สามารถควบคุมได้หมด และไม่แปลกที่ชาติที่แล้วเยี่ยหวั่นหวันจะกลัวขนาดนี้ 

 

แต่ก็ใช้เวลานานมากกว่าเธอจะรู้ว่า บางครั้งใจคนนั้นน่ากลัวกว่าสัตว์ป่าเยอะเลย 

 

หลังเสือขาวออกไปแล้ว ซือเยี่ยหานก็ส่งสายตาเย็นชาไปยังสวี่อี้ “ไปลงโทษตัวเอง” 

 

สวี่อี้ที่กำลังยืนนิ่งอยู่ได้ยินเสียงก็รีบตอบรับ “ครับ!” 

 

เขารู้ นี่เป็นโทษสถานเบาสุดแล้ว 

 

ประโยคเมื่อกี้ที่พูดออกไปโดยไม่คิดของเยี่ยหวั่นหวัน “คุณหิวไหม” นั้นช่วยชีวิตทุกคน และช่วยชีวิตเธอด้วย 

 

นี่น่าจะเป็นปฏิกิริยาที่ผิดปกติของเธอหลังตกใจกลัว ไม่อย่างนั้นคนหนึ่งนิสัยจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ได้หรือ? 

 

………………………………………………………………………………. 

 

 

 

 

 

บทที่ 142 สายโทรศัพท์กลางดึก 

 

กลางดึก ณ คลับระดับไฮเอนด์แห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง 

 

มีชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมเล็กน้อยหลังรับโทรศัพท์สีหน้าก็เปลี่ยนไป รีบวิ่งออกไปข้างนอก 

 

ชายหนุ่มมือสั่น รีบกดสายโทรออก “เซี่ยเซี่ย เกิดเรื่องแล้ว!” 

 

อีกฝากของสายมีเสียงเกียจคร้านของชายหนุ่มอายุน้อยดังขึ้นมา “มีอะไร?” 

 

“ผมเพิ่งได้ข่าวมา ลุงห้าของคุณอยู่ในกำมือของซือเยี่ยหานแน่แล้ว!” 

 

ชายหนุ่มได้ยินก็เย้ยหยันเสียงเบา “ชิ ไม่ได้เรื่อง” 

 

หนุ่มวัยกลางคนปาดเหงื่อไปพลางสีหน้าร้อนรนถามขึ้นมา “เซี่ยเซี่ย คุณรีบคิดหาวิธีช่วยเขาออกมาเร็ว!” 

 

น้ำเสียงชายหนุ่มเหยียดหยาม “ผมไม่อยากเสียเวลากับคนที่ใช้การไม่ได้ อีกอย่างคุณคิดว่าไปตอนนี้จะมีประโยชน์หรือ? อย่าว่าแต่เก็บศพเลย แม้แต่กระดูกสักชิ้นก็อย่าคิดว่าจะเก็บกลับมาได้!” 

 

“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ทำยังไงดี หรือว่าจะปล่อยไปแบบนี้ไม่ทำอะไรเลย?” 

 

“แน่นอนว่า… ปล่อยให้เขามีชีวิตแบบนี้ต่อไปไม่ได้!” 

 

……… 

 

ในสวนจิ่นหยวน 

 

หลังสวี่อี้ได้รับคำสั่งกำลังจะเก็บกวาดสถานที่กับหลิวอิ่ง เวลานี้ จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น 

 

สวี่อี้ก้มลงไปมองสายที่โทรเข้ามา สีหน้าลนลานขึ้นมาทันใด “เจ้านายครับ คุณหญิงใหญ่โทรมา!” 

 

สายตาซือเยี่ยหานลุ่มลึกเล็กน้อย “รับสาย” 

 

สวี่อี้พยักหน้า จากนั้นเปิดลำโพง “สวัสดีครับ คุณหญิงใหญ่ ดึกขนาดนี้แล้ว ไม่ทราบว่าคุณหญิงมีธุระอะไรครับ?” 

 

เสียงคุณหญิงใหญ่อีกฝั่งเห็นได้ชัดว่าไม่สบอารมณ์ “สวี่อี้ นายไปเรียกเสี่ยวจิ่วมารับสาย! ตอนนี้เลย!” 

 

สวี่อี้มองไปทางซือเยี่ยหานด้วยความตื่นเต้น 

 

ซือเยี่ยหานยกมือขึ้น 

 

สวี่อี้รีบเดินเข้าไป ยื่นมือถือไปที่มือซือเยี่ยหาน หลังจากนั้นสบตากับหลิวอิ่งที่อยู่ข้างๆ 

 

สีหน้าทั้งสองคนดูกระวนกระวาย 

 

“คุณย่า” 

 

“เสี่ยวจิ่ว! ทำไมไม่รับสาย? บอกย่ามาตามตรง ตอนนี้หลานอยู่ไหน กำลังทำอะไรอยู่!” คุณหญิงใหญ่ถามแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องได้ข่าวอะไรมาแน่นอน 

 

สวี่อี้และหลิวอิ่งได้ยินเสียงคุณหญิงใหญ่ เหงื่อชุ่มไปหมด 

 

คุณหญิงใหญ่เกลียดการที่พี่น้องแย่งชิงผลประโยชน์กันมากที่สุด ถ้าหากเธอรู้เรื่องนี้เข้า ไม่อยากคิดถึงผลที่ตามมาเลย 

 

“จิ่นหยวน” ซือเยี่ยหานตอบ 

 

“ย่าถามหน่อย ลุงห้าเขาอยู่ที่นั่น…” 

 

คุณหญิงใหญ่ยังพูดไม่จบ ตอนนี้ เยี่ยหวั่นหวันที่อยู่ข้างๆ รีบตะโกนแล้วยื่นหน้าเข้าไป ถามซือเยี่ยหาน “คุณย่าโทรมาหรือคะ?” 

 

คุณหญิงใหญ่ที่กำลังโกรธอยู่ได้ยินเสี่ยงเยี่ยหวั่นหวันก็อึ้งไป ผ่านไปสักพัก เธอถามขึ้นมา “หวั่นหวัน?” 

 

“คุณย่า! หนูเองค่ะ!” เยี่ยหวั่นหวันได้ยินเสียงคุณย่าเรียกตัวเองแล้ว พูดเป็นพิธีตามมารยาท แล้วทักทายใส่โทรศัพท์ จากนั้นพูดกับซือเยี่ยหาน “รีบให้ฉันพูดกับคุณย่าเร็วค่ะ!” 

 

ซือเยี่ยหานมองเธออย่างพินิจพิเคราะห์ แล้วยื่นมือถือส่งให้เธอ 

 

หลิวอิ่งเห็นซือเยี่ยหานยื่นสายที่สำคัญขนาดนี้ให้เยี่ยหวั่นหวันอย่างง่ายดาย สีหน้าเขาเปลี่ยนทันที อยากจะเข้าไปห้ามแต่ไม่ทันแล้ว 

 

ถ้าผู้หญิงคนนี้พูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไป! เขาไม่กล้าคิดเลย! 

 

“คุณย่าคะ หนูเอง หนูคือหวั่นหวัน” หลังเยี่ยหวั่นหวันหยิบมือถือมา ก็รีบพูดคำหวาน 

 

ได้ยินเสียงเยี่ยหวั่นหวัน น้ำเสียงคุณหญิงย่าอ่อนโยนขึ้นมาไม่น้อยเลย แต่ยังมีความสงสัยอยู่ “หวั่นหวันหรือ เธออยู่กับเสี่ยวจิ่วหรือ? เธอไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนหรือ?” 

 

เยี่ยหวั่นหวันพูดอย่างเคอะเขิน “หนูคิดถึงเขาค่ะ เลยกลับมา” 

 

น้ำเสียงของคุณหญิงน่าปลื้มใจมาก แล้วถามอีก “แล้วกำลังทำอะไรกับเสี่ยวจิ่วอยู่ล่ะ?” 

 

ทุกคำถามของคุณหญิงย่า หัวใจของสวี่อี้และหลิวอิ่งต่างเต้นเร็วขึ้นมา กลัวว่าเยี่ยหวั่นหวันจะพูดผิดไปหนึ่งคำ 

 

ในแววตาหลิวอิ่งเต็มไปด้วยความอยากฆ่าเต็มแก่แล้ว ถ้าผู้หญิงคนนี้กล้าพูดอะไรออกไป ก็เตรียมจะเอาชีวิตเธอได้ทุกเมื่อทันที! 

 

เวลานี้จิตใจของสวี่อี้ก็ไม่ได้ดีมาก ไม่ได้พูดเกินไปเลย แต่ชีวิตพวกเขาทุกคนที่นี่นั้นอยู่ในกำมือของเยี่ยหวั่นหวันทั้งหมด! 

 

เยี่ยหวั่นหวันไม่ใช่เจ้านาย จิตใจไม่ได้มีธาตุแท้แบบนั้น ถึงแม้ว่าเธอไม่ได้พูดถึงเรื่องเมื่อกี้ แต่จากความเฉียบแหลมของคุณหญิงย่าแล้ว แค่น้ำเสียงเธอแปลกไปนิดหนึ่ง ก็ย่อมรู้แน่นอน