บทที่ 143 โง่เง่าเต่าตุ่นจนต้องเหวอ / บทที่ 144 ไม่ได้ให้ฉันหรอกเหรอ?

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 143 โง่เง่าเต่าตุ่นจนต้องเหวอ

 

 

สวี่อี้เป็นกังวลพลางมองไปทางซือเยี่ยหาน ผลคือเห็นท่าทางเจ้านายตัวเองทำราวกับนี่เป็นเพียงโทรศัพท์จากที่บ้านธรรมดาๆ เท่านั้น

 

 

ช่างเป็นสถานการณ์ ฮ่องเต้ไม่ร้อนใจ แต่ขันทีร้อนใจจะตายอยู่แล้ว!

 

 

ภายใต้สายตาจดจ้องของสวี่อี้และหลิวอิ่ง เยี่ยหวันหวั่นตอบอย่างคล่องแคล่วว่า “กำลังกินซาลาเปาอยู่ค่ะ หนูซื้อมาจากร้านซาลาเปาที่อร่อยมากหน้าโรงเรียน อร่อยมากๆ เลยค่ะ”

 

 

คุณย่าที่อยู่ปลายสายนิ่งเงียบอยู่นาน เหมือนว่ากำลังวิเคราะห์ ผ่านไปครู่หนึ่ง ถึงได้ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกออกมา เอ่ยขึ้นด้วยความเอ็นดู “หวันหวั่นชอบทานซาลาเปาเหรอจ๊ะ ครั้งหน้ามาที่บ้านย่า ย่าจะให้คนทำให้ทานนะ รับรองว่าอร่อยกว่าที่หนูซื้อมาแน่นอน!”

 

 

เยี่ยหวันหวั่นอดใจรอไม่ไหว “ขอบคุณค่ะคุณย่า! ถ้าอย่างนั้นหนูไปอาทิตย์หน้าเลยได้ไหมคะ?”

 

 

คุณหญิงย่าได้ยินดังนั้น ตอบอย่างดีใจ “ดีสิ ดีเลย มาได้แน่นอนอยู่แล้ว หนูมาได้ตลอดเวลาเลยจ้ะ ย่ารอหนูมาจนอดใจไม่ไหวแล้ว!”

 

 

คุณหญิงย่าพูดจบ ก็ตะโกนเรียกผ่านโทรศัพท์ “เสี่ยวจิ่วลูก!”

 

 

เยี่ยหวันหวั่นรีบส่งโทรศัพท์คืนให้ซือเยี่ยหาน

 

 

ทว่าซือเยี่ยหานกลับไม่รับไป เพียงแต่แนบกับลำโพงตามมือของเยี่ยหวันหวั่น “ครับ”

 

 

“เสี่ยวจิ่ว หลานต้องทำตัวดีๆ กับหวันหวั่นนะ อย่าทำให้น้องต้องเสียใจ หลานจะทำหน้าบึ้งกับใครทั้งวันก็ช่าง แต่กับแฟนจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ แล้วก็นะ หวันหวั่นยังเด็ก อยู่ในวัยกำลังเจริญเติบโต เรียนมัธยมปลายปีสุดท้ายก็เหนื่อยอีกตั้งหาก หลานต้องคอยดูแลเสริมโภชนาการให้น้องนะลูก…”

 

 

“ทราบแล้วครับ”

 

 

“อย่าทราบอย่างเดียว นิสัยความเคยชินแย่ๆ กับอารมณ์ร้ายของหลานต้องแก้ให้หมด!”

 

 

เยี่ยหวันหวั่นฟังอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้าตามไปด้วย คุณย่าช่างเป็นเหมือนย่าแท้ๆ ของเธอ

 

 

คุณหญิงย่าลากซือเยี่ยหานบ่นอยู่นาน ท้ายที่สุดถึงได้ยอมวางสายไป

 

 

ห้องรับแขกกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง สวี่อี้กับหลิวอิ่งพากันโล่งอก

 

 

เหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน ได้ถูกแก้ไขด้วยการกระทำไร้ความคิดของเยี่ยหวันหวั่นไปแบบนี้โดยง่ายดาย

 

 

ถ้าหากไม่ใช่เยี่ยหวันหวั่น ต่อให้นายท่านปฏิเสธ ในใจของคุณหญิงย่าก็ยังต้องหลงเหลือความเคลือบแคลงสงสัยอยู่

 

 

คิดไม่ถึงว่าน้ำเสียงของเยี่ยหวันหวั่นในสถานการณ์แบบนี้จะไม่ผิดไปจากปกติเลยแม้แต่น้อย

 

 

ในสถานการณ์แบบนี้ถ้าไม่ใช่เพราะสามารถควบคุมสติได้อย่างเก่งกาจจนน่ากลัว ก็เป็นเพราะโง่… โง่เง่าเต่าตุ่นจนต้องเหวอ…

 

 

ไม่ต้องเดาก็รู้ จะต้องเป็นอย่างหลังอย่างแน่นอน

 

 

ต่อจากนี้ หลิวอิ่งและสวี่อี้เก็บกวาดทำความสะอาดฉากคาวเลือดให้เรียบร้อยอย่างรวดเร็ว

 

 

ทุกอย่างกลับคืนสู่ปกติอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าฉากเลือดสาดเมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตา

 

 

อันที่จริงเยี่ยหวันหวั่นเองก็โล่งใจ นับว่าเธอผ่านด่านทดสอบในคืนนี้ไปได้แล้วใช่ไหม?

 

 

ทั้งยังฉวยโอกาสออกหน้าช่วยเหลือซือเยี่ยหาน สร้างคุณความดีอีกต่างหาก!

 

 

หลังจากสวี่อี้และหลิวอิ่งจากไปแล้ว ภายในห้องรับแขกก็เหลือเพียงเยี่ยหวันหวั่นและซือเยี่นหานสองคน

 

 

“กลับมาได้อย่างไร?” ซือเยี่ยหานมองหญิงสาวและเอ่ยถามขึ้น

 

 

เยี่ยหวันหวั่นตอบ “เพราะรูมเมทของฉันไปนัดเดท เลยทำให้ฉันอยากเจอคุณขึ้นมาบ้างน่ะสิ! ใช่แล้ว ตอนนี้ฉันมีรูมเมทคนใหม่แล้ว ชื่อเจียงเยียนหราน”

 

 

เยี่ยหวันหวั่นฉวยโอกาสเตือนซือเยี่ยหานเรื่องที่ตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียว “ก่อนหน้านี้ฉันกับเจียงเยียนหรานอยู่หอพักห้องเดียวกัน แต่เรื่องนิสัยใจคอเข้ากันไม่ค่อยได้ หลายวันมานี้เกิดหลายๆ เรื่องขึ้น พวกเราก็เลยคืนดีกันแล้ว!”

 

 

ซือเยี่ยหานคงไม่ได้ใส่ใจเรื่องราวความสัมพันธ์อันดีและไม่ดีระหว่างพวกผู้หญิงของพวกเธอ ได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร

 

 

เยี่ยหวันหวั่นจึงถือโอกาสเล่าถึงการกระทำไร้ศีลธรรมของเฉินเมิ่งฉีไปด้วย “แม้ว่าเมิ่งฉีจะเป็นเพื่อนสนิทของฉัน แต่เรื่องนี้ ฉันคิดว่าเขาทำเกินไปจริงๆ เขาแย่งผู้ชายของเพื่อนสนิทตัวเองได้ยังไง? คุณก็อย่าถูกเขาอ่อยไปด้วยล่ะ!”

 

 

………………………………………………….

 

 

 

 

 

 

บทที่ 144 ไม่ได้ให้ฉันหรอกเหรอ?

 

 

ซือเยี่ยหานมองหญิงสาวด้วยสายตาล้ำลึก เหมือนว่ากำลังประหลาดใจที่เธอสังเกตเห็นเรื่องแบบนี้ได้ด้วยสติปัญญาของเธอเอง

 

 

เยี่ยหวันหวั่นชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาได้สำเร็จ

 

 

ซือเยี่ยหานไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อีก และไม่ได้สงสัยท่าทางผิดปกติที่เห็นได้อย่างชัดเจนในคืนนี้ของเธอ

 

 

สำหรับเรื่องราวพวกนั้น เธอไม่อยากจะรู้ด้วยแม้แต่คำเดียว

 

 

ยิ่งรู้เยอะก็ยิ่งอันตราย

 

 

พูดจนกระทั่งคอแห้ง เยี่ยหวันหวั่นถึงได้หยุด “อ๊า ทำไมดึกขนาดนี้แล้วเนี่ย ฉันต้องกลับห้องไปนอนแล้วล่ะ พรุ่งนี้ยังต้องตื่นแต่เช้าไปโรงเรียนอีก!”

 

 

ชายหนุ่มจ้องมองเธอนิ่งอยู่หลายวินาที ผ่านไปแปปหนึ่ง ถึงได้เอ่ยออกมา “ไปเถอะ”

 

 

หลังจากได้รับอนุญาตแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็เหมือนกับได้รับการนิรโทษกรรม พุ่งตัวเข้าไปหอมแก้มชายหนุ่มฟอดหนึ่ง จากนั้นกล่าวว่า “ราตรีสวัสดิ์” แล้วเดินขึ้นตึกไป

 

 

ผลสุดท้าย เพิ่งจะเดินออกมาไม่กี่ก้าว เสียงนุ่มลึกของชายหนุ่มพลันลอยมาจากทางด้านหลัง “เดี๋ยวก่อน”

 

 

เยี่ยหวันหวั่นพลันตัวแข็งทื่อ กำนิ้วมือข้างกายแน่นแล้วค่อยๆ หันหลังกลับ “มี…มีอะไรเหรอ?”

 

 

ซือเยี่ยหานไม่พูดอะไร แต่กลับยื่นมือมาทางเธอ

 

 

เยี่ยหวันหวั่นจ้องมองมือที่เห็นข้อนิ้วได้อย่างชัดเจนข้างนั้นนิ่งๆ ไม่เข้าใจความหมายของอีกฝ่าย “อะไรเหรอ?”

 

 

“ไม่ได้ให้ฉันหรอกเหรอ?” สายตาของชายหนุ่มมองไปที่มือของเธอแวบหนึ่ง

 

 

เยี่ยหวันหวั่นก้มมองตามสายตาของชายหนุ่ม จากนั้นก็เห็นซาลาเปาลูกนั้นที่ใส่อยู่ในถุงพลาสติก เธอเริ่มจากประหลาดใจ ต่อมาก็รู้สึกตัว รีบเอ่ยขึ้น “อ้อๆ ใช่แล้ว เอามาให้คุณ เอามาให้คุณ”

 

 

พูดจบก็วิ่งตึงตังกลับไปทันที เพื่อส่งซาลาเปาลูกนั้นให้เขา จากนั้นก็กลืนน้ำลายจ้องซาลาเปาลูกนั้น

 

 

ยังหลงคิดว่าเขาจะลืมมันไปแล้ว จะได้ลักเอาซาลาเปาลูกนี้ไปได้!

 

 

แม้ว่าซาลาเปาพวกนี้จะตั้งใจซื้อมาให้ซือเยี่ยหาน แต่ว่ามันเดินทางมากับเธอเนิ่นนานขนาดนี้ก็เริ่มผูกพันกันแล้วน่ะสิ!

 

 

จำได้ว่าในช่วงที่กำลังเติบโตปริมาณอาหารที่เธอกินเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังหวงของกินอีกด้วย ตอนนั้นพี่ชายของเธอไม่ทันระวังกินมันฝรั่งทอดกรอบของเธอไปจดหมดถุง ถูกเธอไล่ตีอยู่ข้างหลังไปสามบ้านแปดบ้าน

 

 

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น มองใบหน้าอาวรณ์ของสาวน้อย “ทำไมหรือ?”

 

 

เยี่ยหวันหวั่นจ้องมองซาลาเปาลูกนั้น “คือว่า มันเย็นหมดแล้ว คุณอุ่นร้อนสักหน่อยค่อยกินนะ”

 

 

“อื้อ”

 

 

เห็นว่าเธอยังไม่เดินไป ชายหนุ่มเอ่ยปากถามขึ้น “มีเรื่องอะไรอีกเหรอ?”

 

 

“แค่ก ไม่ ไม่มีแล้ว ฉันไปก่อนนะ” เยี่ยหวันหวั่นพูดจบก็รีบวิ่งตึงๆ ขึ้นตึกไปราวกับกลัวว่าตัวเองจะเปลี่ยนใจ

 

 

ฮือๆ แล้วเจอกันใหม่นะซาลาเปาของฉัน ความรักของฉัน!

 

 

ชายหนุ่มมองตามเงาแผ่นหลังของสาวน้อยผลุบหายเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว แล้วเบนสายตามองซาลาเปาในมืออยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน

 

 

 

 

หลังจากกลับถึงห้อง เยี่ยหวันหวั่นส่งข้อความบอกเจียงเยียนหรานว่าคืนนี้เธอไม่กลับหอพักแล้ว ให้เธอไม่ต้องเป็นห่วงว่ากลับดึกแล้วจะรบกวนเธอ

 

 

คิดไม่ออกจริงๆ ว่าเด็กใสซื่อสองคนนัดเดทกันครั้งแรกจะเป็นเหตุการณ์แบบไหน

 

 

หลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เยี่ยหวันหวั่นอาบน้ำใหม่อีกครั้ง ล้างเอากลิ่นคาวเลือดออกจากร่างกายให้หมด

 

 

ในค่ำคืนราตรี เยี่ยหวันหวั่นนอนอยู่บนเตียง กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่นาน อย่างไรก็นอนไม่หลับ

 

 

สุดท้าย ไม่รู้ว่านึกอะไรได้ เยี่ยหวันหวั่นพลันกุลีกุจอลุกขึ้นมาอย่างตื่นเต้น หยิบเอาเนื้อวัวแห้งและหมูแผ่นออกมาจากกระเป๋าหนังสือ จากนั้นค่อยๆ ย่องลงจากตึก

 

 

ห้องรับแขกเงียบสงัด เธอเขย่งปลายเท้า สายตากวาดสาดส่องไปทั่วทุกมุมห้องรับแขก ผลสุดท้าย หาอยู่นานก็ไม่เจอสิ่งใด

 

 

หรือว่าจะกลับป่าไปอีกแล้วนะ?

 

 

ขณะที่เยี่ยหวันหวั่นเตรียมที่จะกลับห้องอย่างผิดหวัง ทันใดนั้นกลับพบบางสิ่งกลมๆ สีขาวอยู่บนพรมสีขาวหน้าโซฟา

 

 

คือสลูตสค์!

 

 

โอ้โหแหะ! ไอ้เจ้านี่ จะอยู่ตรงไหนก็ไม่อยู่ ต้องมานอนบนพรมสีขาว ขนสีขาวทั้งตัวนั่นหลอมรวมกับพรมสีขาวเป็นเนื้อเดียวกัน ทำเอาซะเธอหาตั้งนานเพิ่งจะเจอ