บทที่ 31 ศาสตร์การฝึกหลอมกายเทพมาร

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 31 ศาสตร์การฝึกหลอมกายเทพมาร!
“แม่นางผู้นี้แลดูไม่ธรรมดา ทางที่ดีควรระวังไว้ก่อนจะดีกว่า”

เสิ่นเทียนกล่าว “ใช่แล้ว เหตุใดลุงกุ้ยท่านยังไม่พักผ่อนอีก”

กุ้ยกงกงกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “บ่าวนั่งสมาธิปรับเลือดลมก็เป็นการพักผ่อนแล้ว เช่นนี้ยังสามารถคุ้มกันองค์ชาย เผื่อมีคนมารบกวนด้วย”

เสิ่นเทียนครุ่นคิด “ลุงกุ้ย ศิลาวิญญาณหนึ่งหมื่นก้อนเหล่านั้น ท่านกับฉินเกาเอาไปฝึกฝนคนละหนึ่งพันก้อนก็แล้วกัน!”

กุ้ยกงกงรีบกล่าว “เช่นนี้จะได้อย่างไร…”

ต้องบอกก่อน ศิลาวิญญาณหนึ่งพันก้อนถือเป็นจำนวนเงินที่มากโข!

เพียงพอที่จะให้คนธรรมดาฝึกบำเพ็ญถึงระดับสร้างฐานแล้ว!

เสิ่นเทียนโบกมือปฏิเสธ “มีแต่พวกท่านแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นถึงจะสามารถคุ้มกันข้าได้ดียิ่งขึ้น เช่นนั้น ห้ามปฏิเสธ!”

เห็นสีหน้าที่จริงจังของเสิ่นเทียน กุ้ยกงกงพยักหน้าอย่างหมดหนทาง “พ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย”

กล่าวจบ เสิ่นเทียน มองเห็นแสงสีแดงที่อยู่เหนือศีรษะของกุ้ยกงกงเข้มขึ้นหลายส่วนอย่างชัดเจน

เห็นได้ชัดว่าเขาเดาไม่ผิด กุ้ยกงกงร่วมแบ่งปันศิลาวิญญาณโชคลิขิตของผู้อื่น

ดังนั้น โชคของเขาจึงได้เพิ่มขึ้น

……

“อีกอย่างลุงกุ้ย เอาศิลาวิญญาณให้ข้าหนึ่งร้อยก้อน”

มุมปากของเสิ่นเทียนเผยอ ขึ้น “คืนนี้ข้าจะลองฝึก ‘คัมภีร์คบเพลิง’! ”

“พ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย บ่าวจะไปเตรียมเดี๋ยวนี้”

กุ้ยกงกงเดินถือศิลาวิญญาณและตำลึงเงิน ไปเปิดห้องใหม่กับผู้ดูแลโรงเตี๊ยม

เสิ่นเทียนนั่งขัดสมาธิลงในถังไม้ที่เต็มไปด้วยยา ดวงใจทั้งห้าของเสิ่นเทียนชี้ไปยังฟากฟ้า นำศิลาวิญญาณวางลงตรงหน้า

เขาหวนนึกถึงความทรงจำขององค์ชายสิบสามคนเดิม เริ่มจริงจังขึ้นทีละนิด

ใช่แล้ว เสิ่นเทียนเตรียมตัวลองฝึกบำเพ็ญอีกครั้ง!

แต่ว่าการลองครั้งนี้แตกต่างจากความพยายาม แปดสิบแปดครั้งขององค์ชายสิบสามที่ธาตุไฟเข้าแทรกก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

สิ่งที่เสิ่นเทียนเลือกครั้งนี้เป็นวิธีการบำเพ็ญที่แตกต่างจากศาสตร์หลอมปราณแก่นพลังทองไปโดยสิ้นเชิง

ศาสตร์หลอมรวมร่างเทพมาร!

……

อย่างที่ทุกคนรู้กันดี ในโลกบำเพ็ญเซียนมีวิธีฝึกบำเพ็ญหลายศาสตร์หลายแขนงแตกต่างกันออกไปมากมาย

ที่ได้ยินบ่อยที่สุดก็คือศาสตร์หลอมปราณแก่นพลังทอง

ศาสตร์ประเภทนี้เผาผลาญทรัพยากรน้อย ความเร็วในการฝึกค่อนข้างเร็ว และยังสามารถเรียนรู้ทักษะวิชาได้หลายแขนง

บรรพบุรุษผู้บุกเบิกรุ่นแล้วรุ่นเล่า ทำให้ศาสตร์บำเพ็ญเหล่านี้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

การฝึกปราณได้กลายเป็นทางเลือกหลักของผู้บำเพ็ญเซียน

แต่ศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดกลับไม่ใช่ศาสตร์หลอมปราณแก่นพลังทอง

แต่เป็นศาสตร์หลอมรวมเทพมารที่เผ่ามนุษย์คิดค้นขึ้นโดยเลียนแบบอสูรร้ายและเทพมารในยุคบรรพกาล

การฝึกบำเพ็ญของศาสตร์หลอมรวมเทพมารและหลอมปราณแก่นพลังทองแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ฝึกปราณ เน้นการหลอมรวมพลังวิญญาณฟ้าดิน นำมาหล่อเลี้ยงไว้ในร่างกาย ก่อตัวขึ้นเป็นพลังวิญญาณ เปลี่ยนเป็นพลังทำลายล้างศัตรู

ส่วนฝึกกาย กลับหลอมรวมปราณฟ้าดินให้เป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายโดยตรง และใช้พละกำลังร่างกายที่แข็งแกร่งฆ่าศัตรู

จากทั้งสองศาสตร์นี้ ศาสตร์แรกเหมาะสมแก่การโจมตีระยะไกลด้วยวิชาอาคม ศาสตร์อย่างหลังเหมาะแก่การสู้ระยะประชิด

ตามหลักแล้ว ไม่มีความเหนือหรือความด้อยกว่าอย่างสมบูรณ์

เหตุผลที่ปัจจุบันหลอมปราณแก่นกำลังทองกลายเป็นกระแสหลัก ส่วนหลอมกายเทพมารค่อยๆ หายไปนั้นง่ายมาก

เพราะถ้าหากต้องการฝึกบำเพ็ญหลอมกายเทพมารมันผลาญเงินมากเกินไป

ในระดับเดียวกัน ทรัพยากรที่ผู้บำเพ็ญหลอมกายเทพมารใช้ มากกว่าหลอมปราณแก่นพลังทองถึงหลายสิบเท่า

เดิมทีในโลกบำเพ็ญเซียนก็ขาดแคลนเรื่องทรัพยากร ผู้คนส่วนใหญ่ไม่มีปัญญาฝึกแม้กระทั่งขั้นฝึกปราณด้วยซ้ำ

การฝึกกายที่ต้องใช้ทรัพยากรมากยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย

……

ร่างเดิมของเสิ่นเทียน เมื่อหลายปีก่อนก็เคยลองฝึกบำเพ็ญทักษะหลอมกายเทพมาร

มันเป็นชุดวิชาที่ชื่อ ‘ทักษะหลอมกายคบเพลิง’ เล่ากันว่าเป็นทักษะหลอมกายเทพมารที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกบำเพ็ญเซียน

เมืองบำเพ็ญเซียนใหญ่ๆ ล้วนแต่มีขาย ราคาอยู่ที่ห้าตำลึงเงินต่อหนึ่งเล่ม

ใช่แล้ว ไม่ใช่ศิลาวิญญาณห้าก้อน แต่เป็นห้าตำลึงเงิน

เมื่อเทียบกับการฝึกฝนวิชาอื่น ราคานี้ไม่ต่างอะไรกับการให้ฟรี

ทว่า ‘ทักษะหลอมกายคบเพลิง’ ที่ซื้อมาด้วยเงินห้าตำลึงเงิน กลับเป็นวิชาเดียวที่หลังจากองค์ชายสิบสามฝึกแล้วธาตุไฟไม่เข้าแทรก

เหตุผลง่ายมาก เพราะรูปแบบของการฝึกหลอมปราณแก่นพลังทองเป็นการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินเข้าไปในจุดตันเถียน

แต่ทว่า จุดตันเถียนของมนุษย์ค่อนข้างบอบบาง ได้รับความเสียหายง่าย

ธาตุไฟเข้าแทรกก็เกิดขึ้นจากการสูญเสียการควบคุมพลังวิญญาณในจุดตันเถียน

ด้วยความโชคร้ายก่อนหน้านี้ของเสิ่นเทียน พลังวิญญาณเข้าสู่จุดตันเถียนก็อยู่เหนือการควบคุมทันที

ธาตุไฟไม่เข้าแทรกสิถึงจะแปลก!

แต่การฝึกบำเพ็ญศาสตร์หลอมกายเทพมาร พลังวิญญาณจะไม่ เข้าสู่จุดตันเถียน

ระดับแรกของการฝึกกายเรียกว่าหลอมกาย เป็นการดูดซับพลังวิญญาณจำนวนมากเข้าไปในร่างกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ กระดูกและพังผืดโดยตรง

ในกระบวนการนี้ แม้สูญเสียการควบคุมพลังวิญญาณก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรมากนัก

เพราะหลอมกาย เดิมทีก็เป็นการใช้พลังวิญญาณกัดกร่อนร่างกาย จากนั้นใช้ยาหล่อเลี้ยงเพื่อฟื้นฟู

หลังจากได้รับความเสียหายและฟื้นฟูกลับมาครั้งแล้วครั้งเล่า ก็จะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม

ถ้าหากพลังวิญญาณสูญเสียการควบคุมอย่างต่อเนื่อง คอยกระตุ้นอาการบาดเจ็บบนร่างกาย

ผลลัพธ์ที่ได้ก็อาจจะยิ่งดี!

……

แล้วทำไมองค์ชายสิบสามคนเดิมถึงไม่ฝึกบําเพ็ญ ‘คัมภีร์คบเพลิง’ ล่ะ!

เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะจน!

เขาแทบนำของมีค่าทุกอย่างในตำหนักใจพิสุทธิ์ออกมาขายหมดแล้ว แต่ได้ศิลาวิญญาณมาแค่หนึ่งร้อยก้อน

ทว่าเมื่อเริ่ม ฝึกบำเพ็ญ ‘คัมภีร์คบเพลิง’ เวลาสั้นๆ เพียงแค่วันเดียวก็ใช้ศิลาวิญญาณจนหมด

ปรากฏว่าทะลวงระดับหลอมกายขั้นหนึ่งไม่สำเร็จด้วยซ้ำ

ต้องบอกก่อน ศิลาวิญญาณหนึ่งร้อยก้อนเพียงพอที่จะให้ผู้บำเพ็ญทั่วไปฝึกถึงหลอมปราณขั้นสาม หรือแม้กระทั่งขั้นสี่แล้ว

แต่ปรากฏว่าฝึกบำเพ็ญ ‘คัมภีร์คบเพลิง’ ไม่สามารถเข้าถึงระดับพื้นฐานเลยด้วยซ้ำ

จะให้ฝึกต่ออย่างไร!

เช่นนี้ก็ไม่ไหว!

แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว

เสิ่นเทียนช่วยผู้มีวาสนาเหล่านั้นเปิดหิน เพียงแค่วันเดียวได้กำไรจากศิลาวิญญาณหนึ่งหมื่นสี่พันกว่าก้อน

เขารู้สึกว่าคลังสมบัติน้อยของตนเองในตอนนี้ น่าจะสามารถลองฝึก ‘คัมภีร์คบเพลิง’ ได้แล้ว

เพราะยังไงตอนนี้เขาก็ไม่กล้าฝึกวิชาบำเพ็ญเซียนอย่างอื่น

เสิ่นเทียนขจัดความคิดฟุ้งซ่านในใจ วางศิลาวิญญาณลงบนฝ่ามือของตนเองทีละก้อน

เขาโคจรเคล็ดวิชายุทธ์ของ ‘คัมภีร์คบเพลิง’ เริ่มดูดซับพลังวิญญาณของศิลาวิญญาณ

ทันใดนั้น พลังวิญญาณที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าแผ่ซ่านออกมาจากศิลาวิญญาณ ซึมซับเข้าไปตามรูขุมขนบนร่างกายของเสิ่นเทียน

การหลอมรวมพลังวิญญาณของศาสตร์หลอมปราณแก่นพลังทอง ต้องผ่านการหลอมรวมก่อนหนึ่งรอบจนพลังวิญญาณอยู่ในระดับที่เหมาะสม

จึงจะสามารถดูดซับเข้าไปในจุดตันเถียนโดยตรง

แต่การดูดซับพลังวิญญาณจากศิลาวิญญาณโดยไม่ผ่านการหลอมรวม เมื่อเทียบกันแล้วรุนแรงกว่าเล็กน้อย

ทันทีที่โดนเสิ่นเทียนดูดซับเข้าไปในร่างกาย พวกมันเริ่มกระตุ้นกล้ามเนื้อของเสิ่นเทียนอย่างบ้าคลั่ง

ทันใดนั้น เสิ่นเทียนมีความรู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อทั่วร่างราวกับโดนค้อนทุบ

ความเจ็บปวดถาโถมเข้าหาเสิ่นเทียนราวกับกระแสน้ำเป็นระลอก

แม้ไม่ได้เจ็บจนถึงขีดสุด แต่ความรู้สึกมันอยู่นาน ยิ่งไปกว่านั้นยังชาและเมื่อย แถมยังมีความรู้สึกคันเล็กน้อย

ทำเอาเสิ่นเทียนต้องกำ ศิลาวิญญาณไว้แน่น สีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก

วิธีการฝึกบำเพ็ญของบรรพบุรุษ…

น่าประทับใจมาก!

ในขณะเดียวกัน ถังอาบยาสมุนไพรที่เสิ่นเทียนซื้อมาในราคาที่สูงลิ่ว ก็ เริ่มได้ทำหน้าที่ของมัน

ฤทธิ์ยาถูกดูดซับเข้าไปตามรูขุมขนของเสิ่นเทียน คอยรักษากล้ามเนื้อที่โดน สลายไปของเขา

ระหว่างที่เสียหายและฟื้นฟู ทำให้กล้ามเนื้อของเสิ่นเทียนกระชับและแข็งแกร่งมากขึ้น

สีของยากำลังจางลงทีละนิด

ส่วนร่างกายของเสิ่นเทียนก็กำลังแข็งแกร่งขึ้นอย่างช้าช้า

เวลาครึ่งชั่วยามผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ศิลาวิญญาณหนึ่งร้อยก้อนกลายเป็นผุยผง ถูกเผาผลาญจนหมดสิ้น!

“เป็นอย่างที่คิด ไม่มีทรัพยากรจะแข็งแกร่งได้อย่างไร

ข้าต้องการศิลาวิญญาณมากกว่านี้”

เสิ่นเทียนราวกับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง เขาลืมตาขึ้น มีประกายแสงสายหนึ่งพุ่งออกจากดวงตา

สีหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์ของความตื่นเต้น “ลุงกุ้ยรีบเอาศิลาวิญญาณมาให้ข้า ข้าสัมผัสได้ถึงขอบเขตของชั้นนั้นแล้ว! ขอเพียงเพิ่มพลังอีกนิด วันนี้ก็จะสามารถทะลวงขีดจำกัดนั้นได้แล้ว!”