เล่ม 1 ตอนที่ 44 เลือกของขวัญให้ฮูหยิน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่หลิวเยว่จึงย้อนถามกลับไปบ้าง

“แล้วทำไมข้าจะอยู่ที่นี่ไม่ได้”

“เจ้า…”

หลังจากงานเลี้ยงวันเกิดขององค์ชายรัชทายาท ฉู่เซียนหมิ่นก็เกลียดฉู่หลิวเยว่เข้ากระดูกดำไปแล้ว

ทันทีที่เห็นฉู่หลิวเยว่ นางก็อยากปรี่เข้าไปสั่งสอนแรงๆ สักชุด

แต่เมื่อกำลังจะง้างปาก นางก็พบว่ามีคนยืนอยู่ข้างฉู่หลิวเยว่

ซึ่งก็คืออาจารย์ไป๋เชิน

นางกลืนคำพูดลงคอทันที และเก็บซ่อนความขยะแขยงและความชั่วร้ายของนางบนสีหน้าอย่างรวดเร็ว และเมื่อนางมองไปที่ไป๋เชินอีกครั้ง ใบหน้าของนางก็เจือรอยยิ้มที่อ่อนโยนอยู่แล้ว

“คารวะอาจารย์ไป๋เชิน”

เมื่อนางทักทายก่อน คนพวกนั้นก็ได้สติแล้วทำความเคารพตามทันที

“คารวะอาจารย์ไป๋เชิน”

ไป๋เชินได้แต่ขมวดคิ้วโดยไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใด

สิ่งที่คนเหล่านี้พูดเมื่อครู่นี้ เขาได้ยินชัดเจนหมดแล้ว!

ละทิ้งความขุ่นข้องหมองใจระหว่างฉู่เซียนหมิ่นกับฉู่หลิวเยว่ไปก่อน แต่สำหรับคนอื่นนั้นฉู่หลิวไม่เคยสร้างความเดือดร้อนอะไรให้ เขาคิดไม่ถึงว่าลับหลัง พวกนางจะพูดจาแย่ๆ เยี่ยงนี้!

ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของเขา เขาทนฟังคนอื่นพูดจาสกปรกดูถูกเหยียดหยามนางไม่ได้

เดิมทีไป๋เชินก็เป็นคนขี้โมโหอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ

เมื่อรับรู้ถึงความโกรธของไป๋เชิน ฉู่เซียนหมิ่นก็อดไม่ได้ที่จะลอบส่งตายตาและรู้สึกกังวลเล็กน้อย

หรือว่า…อาจารย์ได้ยินที่นางพูดเมื่อกี้นี้หมดแล้ว

แต่ถึงแม้ว่าอาจารย์จะได้ยิน แต่นางก็พูดแค่เรื่องฉู่หลิวเยว่นี่นา ทำไมอาจารย์ไป๋เชินถึงต้องทำท่าโกรธด้วย

“ที่สำนักรับพวกเจ้าเข้ามาก็เพื่อให้พวกเจ้าได้ขัดเกลาให้กลายเป็นผู้แข็งแกร่ง ไม่ใช่ให้พวกเจ้ามานินทาผู้อื่นลับหลังเช่นนี้ หากจิตใจพวกเจ้าไม่ได้ที่การฝึกฝน ก็รีบออกไปให้พ้นซะ!”

ไป๋เชินพูดโดยไม่ไว้หน้าเลยสักนิด แล้วเขาก็ตวาดเสียงดังลั่นจนพวกนางตกใจหน้าซีดเผือด

คำพูดนี้…ช่างหนักแน่นจริงๆ!

ปกติพวกนางเคยโดนตำหนิเช่นนี้หรือ ทันใดนั้นพวกนางก็รู้สึกหน้าแตกยับเยิน!

แต่ไป๋เชินมีสถานะสูงส่งกว่า พวกนางจะกล้าเถียงได้อย่างไร

หลายคนลอบมองฉู่เซียนหมิ่นเพื่อขอความช่วยเหลือ

ในเวลานี้มีเพียงฉู่เซียนหมิ่นซึ่งเป็นศิษย์รักของอาจารย์มากที่สุดเท่านั้นที่สามารถพูดแทนได้

ส่วนฉู่เซียนหมิ่นก็ตกใจไป๋เชินเช่นกัน

แค่เอ่ยถึงฉู่หลิวเยว่ไม่กี่คำ ทำให้เขาโมโหขนาดนี้เชียวหรือ

“อาจารย์ไป๋เชิน ท่านอาจจะเข้าใจผิด เมื่อครู่นี้พวกเราแค่พูดเล่นๆ เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด…”

อย่างไรก็ตาม ไป๋เชินดูเหมือนจะไม่ได้ตั้งใจจะให้นางเสียหน้าในวันนี้

“อ๋อ เช่นนั้นเจ้าหมายความว่าเมื่อกี้นี้ข้าหูฝาดไปอย่างนั้นหรือ”

ฉู่เซียนหมิ่นชะงัก

ปกติอาจารย์ในสำนักไม่เคยทำกับนางอย่างนี้มาก่อน วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น…

“หมินหมิ่นไม่ได้หมายความเช่นนั้น แต่แค่แปลกใจที่เห็นพี่สาวมาอยู่ที่นี่ ดังนั้นข้าจึงอดถามไม่ได้เจ้าค่ะ”

นางพลิกลิ้น แล้วพยายามเบี่ยงประเด็นที่พวกนางด่าฉู่หลิวเยว่

ขณะเดียวกัน นางก็นึกถึงบางเรื่องได้อย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าไป๋เชินจะถูกส่งตัวไปคุมสอบฉู่หลิวเยว่นี่นา!

เมื่อนับเวลาดู ตอนนี้ก็น่าจะสอบเสร็จแล้ว

แต่ฉู่หลิวเยว่ทำไมไม่กลับไป แล้วยังเข้ามาข้างในอีก

ฉู่หลิวเยว่หรี่ตา ทำสีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม

“วันนี้ข้ามาสอบเข้าสำนักเทียนลู่ นางก็รู้มิใช่หรือ เมื่อครู่นี้ก็พูดถึงเรื่องนี้พอดีมิใช่หรือ”

ฉู่เซียนหมิ่นแอบกัดฟัน แต่ยังคงรักษารอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้

“ใช่…ข้าถึงได้อยากรู้ อาจารย์ไป๋เชิน ดูเหมือนกฎของสำนักจะไม่รับคนธรรมดาเข้าใช่หรือไม่เจ้าคะ”

หลายคนที่อยู่ข้างหลังนางอดซุบซิบกันไม่ได้

“นั่นสิเจ้าคะ ฉู่หลิวเยว่เป็นคนนอก เข้ามาในนี้ได้อย่างไร”

“นี่มันผิดกฎชัดๆ…”

ไป๋เชินแสยะยิ้ม

“ผิดกฎอย่างนั้นหรือ ข้าหรือพวกเจ้าใครกันแน่ที่เป็นอาจารย์ ข้าจะบอกพวกเจ้าให้นะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉู่หลิวเยว่เป็นลูกศิษย์ของสำนักเทียนลู่ ทำไมนางถึงจะเข้ามาไม่ได้”

“อะไรนะ!”

ฉู่เซียนหมิ่นอดร้องตกใจไม่ได้ แล้วนางหันไปมองฉู่หลิวเยว่อย่างเหลือเชื่อ

“นี่มันเป็นไปได้ยังไง”

ฉู่หลิวเยว่สอบเข้าสำนักเทียนลู่ได้ยังไง!

ปกติไป๋เชินไม่ค่อยสนิทสนมกับฉู่เซียนหมิ่นเท่าไหร่นัก แต่ตอนนี้เขายิ่งมองก็ยิ่งหงุดหงิดนางจริงๆ

เมื่อเทียบกับปรมาจารย์แล้ว พรสวรรค์เท่าหยิบมือของฉู่เซียนหมิ่นคืออะไร

ตระกูลฉู่นี่ช่างเลอะเลือนจริงๆ

“ทำไม เจ้าพูดเช่นนี้สงสัยในตัวข้าอย่างนั้นหรือ”

ไป๋เชินเอ่ยถามเสียงเย็นเฉียบ

ฉู่เซียนหมิ่นได้สติแล้วรีบกล่าวว่า

“เปล่า เปล่าเจ้าค่ะ ข้าก็แค่…”

“อาจารย์ไป๋เชินไม่ได้มีอะไรผิดพลาดจริงๆ ใช่ไหม เส้นชีพจรของฉู่หลิวไม่สมบูรณ์ตั้งแต่กำเนิด! นางจะมีคุณสมบัติเข้าสำนักได้อย่างไรเจ้าคะ!”

ในที่สุดหญิงสาวที่ชื่อเพ่ยเพ่ยก็เอ่ยถามด้วยความสงสัยอย่างอดไม่ได้ สายตาที่มองฉู่หลิวเยว่เต็มไปด้วยความรังเกียจและครหา

แม้ไป๋เชินจะโมโหถึงขีดสุดแต่เขาก็ยังยิ้ม

“ข้าจะบอกพวกเจ้าให้ฟังนะ นางไม่เพียงสอบเข้าได้เท่านั้น แต่ผลสอบนางยังผ่านทั้งสามแขนงวิชาอีกด้วย!”

ฉู่เซียนหมิ่นและคนอื่นๆ ตกตะลึงในทันที ขนาดผ่านไปครู่หนึ่งแล้วพวกนางยังไม่ได้สติกลับคืน

หลังจากเข้าใจความหมายของคำพวกนี้แล้ว ใบหน้าของใครหลายคนก็พอมีสีสันมากขึ้น!

ฉู่หลิวเยว่มองไป๋เชินด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ยังไม่ทันที่นางจะได้พูดอะไร เขาได้ช่วยนางระบายความโกรธเสียแล้ว

ฉู่เซียนหมิ่นหน้าถอดสี จนเกือบสงสัยว่าหูตัวเองมีปัญหาไปเสียแล้ว

แต่ไป๋เชินยืนก็ยืนอยู่ข้างฉู่หลิวเยว่ จะมีเป็นเรื่องโกหกได้อย่างไร

ฉู่หลิวเยว่…นางใช้ลูกไม้อะไรกันแน่

ดูเหมือนจะมีเปลวไฟลุกโชนอย่างบ้าคลั่งสุมทรวงนางจนเกือบจะทำให้นางยืนทรงตัวไม่อยู่แล้ว

“หมินหมิ่น เพ่ยเพ่ย ทำไมพวกเจ้าถึงยังไม่ไปอีก จะเริ่มสอบแล้ว พวกอาจารย์ตามหาพวกเจ้ากันให้วุ่น ถ้ายังไม่ไปอีกจะสายแล้วนะ!”

ทันใดนั้นก็มีคนมาจากที่ไม่ไกลนัก

ฉู่เซียนหมิ่นได้สติ แล้วหันไปมองฉู่หลิวเยว่ทันที

“ท่านพี่มาได้เวลาพอดี การสอบกลางภาคของสำนักเทียนลู่เป็นช่วงที่คึกคักยิ่งนัก พี่ก็ไปดูด้วยกันสิ หาสนใจลองเข้าร่วมสอบดูก็ได้ นี่ถือว่าเป็นโอกาสที่จะได้รู้จักคนในสำนักเยอะๆ พี่ว่ายังไง”

นี่อยากลองเชิงนางหรือ

ฉู่หลิวเยว่เหยียดยิ้ม

“ก็ได้”

วันนี้เจินเป่าเก๋อดูคึกคักเป็นพิเศษ

ยังไม่ถึงเที่ยงวัน ก็มีผู้คนมากมายมารวมตัวกันที่ชั้นหนึ่ง

ยิ่งกว่านั้น พวกเขาล้วนเป็นผู้มีฐานะดี

พวกเขามาที่นี่ในวันนี้ด้วยเหตุผลเดียวกัน เพิ่งมีพร้อมสมบัติชุดใหม่มาถึงที่เจินเป่าเก๋อ! วันนี้จะมีการประมูลสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น!

เมื่อไม่กี่วันก่อน หนังสือเล่มนี้ได้ถูกจัดส่งไปยังบ้านต่างๆ เนื่องจากสินค้าบางตัวหายากจริงๆ จึงทำให้หลายคนมารวมตัวกันในวันนี้

ตอนนี้เหยียนเก๋อเถ้าแก่รองของเจินเป่าเก๋อกำลังทักทายลูกค้าอย่างกระตือรือร้น

“คุณชายรองเหยียน พวกเราต่างรองานประมูลวันนี้มานานแล้ว!”

“ใช่ๆ ไม่รู้ว่าของพวกนั้นจะไปตกอยู่ในมือตระกูลไหน”

“เหอะๆ รอประมูลเดี๋ยวก็รู้แล้วมิใช่หรือ ลำบากท่านแล้วคุณชายรองเหยียน”

เหยียนเก๋อยิ้มกว้าง

“ไม่เท่าไหร่หรอก ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านที่มาด้วย…”

ทันใดนั้น ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนบ่าวรับใช้ก็เดินมาที่ข้างหลังเหยียนเก๋อไปอย่างรวดเร็วและกระซิบข้างหูของเขา และในขณะเดียวกันก็ส่งจดหมายให้

เหยียนเก๋อหัวเราะแหะๆ แล้วเอ่ยขึ้น

“ทุกท่าน ข้าขอตัวสักครู่”

หลังจากพูดเสร็จ เขาก็กลับไปที่ห้องด้านหลังห้องโถงและเปิดซองจดหมายอย่างระมัดระวัง

“ทำไมจู่ๆ นายท่านถึงส่งจดหมายมา…”

หลังอ่านข้อความข้างต้นแล้ว เสียงของเหยียนเก๋อก็หยุดชะงักและดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นทันใด!

สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะสงบสติอารมณ์ที่บ้าคลั่งของเขาได้ในที่สุด

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็เดินออกไปและยืนอยู่กลางห้องโถง

“ทุกท่านข้าต้องขออภัยอย่างยิ่ง งานประมูลวันนี้ยกเลิกแล้ว”

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกจากปาก ทุกคนต่างก็ตกตะลึง

“อะไรนะ! ยกเลิกแล้ว!”

“เกิดอะไรขึ้น เรารออยู่ที่นี่มาทั้งเช้าแล้ว จะยกเลิกได้ยังไง!”

เหยียนเก๋อยกมือไว้ขอโทษ แต่น้ำเสียงของเขาไม่สามารถปฏิเสธได้โดยง่าย

“ข้าขออภัยทุกท่านด้วย แต่ที่ทำไปเพราะมีเหตุผลจริงๆ นายใหญ่ของเรากล่าวว่าสมบัติทั้งหมดรวมถึงสินค้าที่มาใหม่ของเจินเป่าเก๋ออยู่ข้างใน ขณะนี้ไม่สามารถทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนชั่วคราว เพราะเขาต้องการของเลือกขวัญชิ้นโปรดให้ฮูหยินเป็นการส่วนตัวเสียก่อน”