เมื่อได้ยินเหยียนเก๋อพูดถึง นายท่าน ห้องโถงที่เคยเสียงดังโวยวายก็เงียบลงทันที
ทุกคนต่างมองหน้ากันแล้วคิดไม่ถึงว่านี่จะเป็นความประสงค์ของนายท่านผู้ลึกลับของเจินเป่าเก๋อ
หากเป็นเหตุผลอื่นก็ยังเถียงได้สักคำสองคำ แต่ใครจะรู้ว่าจริงๆ แล้วคนผู้นั้นจะออกหน้า…
คนที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปแส่หาเรื่องได้!
เหยียนเก๋อหัวเราะเจื่อนๆ แล้วเอ่ยขึ้น
“ทุกท่านโปรดวางใจ เพื่อชดเชยการสูญเสียในวันนี้ข้าจะส่งของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้แขกผู้มีเกียรติทุกท่านในภายหลัง โปรดยกโทษให้ข้าด้วย”
เมื่อเหยียนเก๋อกล่าวเช่นนั้น สีหน้าของทุกคนจึงผ่อนคลายลงมาบ้าง
ถือว่าหยวนๆ ให้ แน่นอนว่าทุกคนเห็นแก่หน้านายท่าน
“คุณชายรองเหยียนเกรงใจเกินไปแล้ว ในเมื่อเป็นคำขอของนายท่าน พวกเราก็ไม่พูดอะไรให้มากความหรอก”
“ใช่! เจินเป่าเก๋อทำการค้าขายในเมืองหลวงมาหลายปีแล้ว พวกเราจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ทำไม รออีกหน่อยก็ได้!”
“ของขวัญอะไรกัน คุณชายรองเหยียนเกรงใจเกินไปแล้ว!”
สิ่งที่พวกขุนนางเกือบทั้งหมดในเมืองหลวงที่อยู่ตรงนี้สนใจมากที่สุดไม่ใช่เงิน แต่เป็นสถานะและหน้าตาทางสังคมมากกว่า
ถ้าหากร้านอื่นยกเลิกการประมูลกะทันหันเช่นนี้ พวกเขาจะไม่ยอมปล่อยมันไปแน่นอน แต่นี่คือเจินเป่าเก๋อ
อย่างน้อยพวกเขาก็ยังพอมีความยำเกรงอยู่บ้าง
เหยียนเก๋อพูดต่อด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณทุกท่านมากจริงๆ อีกเดี๋ยว ข้าจะให้คนของเจินเป่าเก๋อนำยาบรรลุขั้นแก่ทุกท่าน ท่านละหนึ่งเม็ดเพื่อเป็นการไถ่โทษ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็ประหลาดใจอีกครั้ง
ยาบรรลุขั้น!?
นั่นเป็นยาล้ำค่าหายากเชียวนะ
การบรรลุขั้นจากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามไปสู่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่นั้นเป็นอุปสรรคที่ใหญ่หลวงที่ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนต้องเผชิญ
มีคนมากมายที่ชาตินี้ไม่สามารถทะลวงได้สำเร็จและอยู่ในขอบเขตของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามไปตลอดชีวิต
แต่ถ้าหากใช้ยาบรรลุขั้น โอกาสสำเร็จก็จะเพิ่มเป็นสองเท่า!
สองเท่านี้ฟังดูไม่แข็งแกร่งมาก แต่สามารถช่วยบางคนฝ่าฟันอุปสรรคไปอย่างราบรื่นและบรรลุไปอีกขั้นหนึ่งได้!
นี่เป็นสมบัติที่ล้ำค่ามากจริงๆ
คนธรรมดาชาตินี้คงไม่มีวันได้ครอบครองแม้แต่เม็ดเดียว!
และถึงแม้จะมีตระกูลใหญ่สี่ตระกูล แต่พวกเขาก็อาจจะได้ครอบครองไม่กี่เม็ดเท่านั้น
แต่เจินเป่าเก๋อ…บอกว่าจะให้พวกเขาคนละหนึ่งเม็ด!
ที่นี่มีประมาณยี่สิบสามสิบคน คนละหนึ่งเม็ด เช่นนั้นก็แสดงว่า…
และนี่เป็นเพียงสำหรับชดใช้ให้พวกเขาเท่านั้น!
เจินเป่าเก๋อมีอำนาจร่ำรวยมหาศาลจริงๆ
สีหน้าของบางคนเปลี่ยนไปอีกครั้ง และพวกเขาก็แอบเริ่มทบทวนสถานะของเจินเป่าเก๋อ
มียาบรรลุขั้นมากมายขนาดนี้ จะต้องไม่ได้อาศัยแค่อำนาจเงินเพียงอย่างเดียว…
ผู้ที่หนุนอยู่เบื้องหลังเจินเป่าเก๋อคือใครกันแน่
แล้วนายท่านคนนั้นที่ไม่เคยเผยโฉมหน้าให้เห็นของพวกเขาคือใครกันแน่
ยาบรรลุขั้นสามารถทุเลาความไม่พอใจของทุกคนได้สำเร็จ หรือต่อให้ไม่พอใจยังไงก็ไม่มีใครกล้าพูดสิ่งใดอีก
ทันใดนั้นก็มีคนหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง
“คุณชายรองเหยียน คราวนี้เจินเป่าเก๋อเข้าเนื้อตัวเองไปเยอะกระมัง นายท่านของพวกท่านทำขนาดนี้เพื่อฮูหยินโดยไม่เสียดายจริงๆ”
เหยียนเก๋อยืดหลังตรงแล้วยิ้มให้อย่างสุภาพ
“ไม่ขนาดนั้นหรอก นายท่านของพวกเรากับฮูหยินรักกันเหนียวแน่น เพียงแค่ให้ฮูหยินยิ้มได้ นี่ไม่นับว่านักหนาอะไรหรอก”
ทุกคนพากันหัวเราะคิกคัก ไม่นานก็ยืนขึ้นแล้วกล่าวคำอำลาตามมารยาท
ไม่นานทุกคนในห้องโถงก็กลับกันไปหมดแล้ว เจินเป่าเก๋อจึงเหลือเพียงเหยียนเก๋อและคนรับใช้ไม่กี่คน
รอจนกว่าคนพวกนั้นหายไปกันหมดแล้วก็ปิดประตูใหญ่ ในที่สุดเหยียนเก๋อก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาถูใบหน้าหยาบกร้านของตัวเองแรงๆ จากนั้นหันหลังกลับเข้าไปในห้องด้านหลังห้องโถงและรีบถามบ่าวรับใช้
“นายท่านมีฮูหยินตั้งแต่เมื่อไหร่ฮะ!”
สวรรค์รู้ดีว่าตอนที่เขาเปิดอ่านจดหมายของนายท่านนั้น เขาถึงกับตกตะลึงจนแทบสิ้นสติไปแล้ว
บ่าวรับใช้คนนั้นกระแอมไอ
“ข้าก็เพิ่งรู้วันนี้เหมือนกัน น่าจะ…เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่นานนี้ขอรับกระมัง…”
“เจ้าติดตามนายท่านทุกวัน เจ้าไม่รู้เลยหรือ!”
เหยียนเก๋อไม่เชื่อ ดังนั้นเขาจึงรีบก้าวไปข้างหน้าและหยิบจดหมายออกจากแขนเสื้อของเขา หลังจากอ่านอย่างละเอียดถี่ถ้วนซ้ำไปซ้ำมา แล้วก็เอ่ยขึ้นอย่างปวดใจ
“ข้าโชคดีที่ได้ติดตามนายท่านหลายปี เรื่องสำคัญขนาดนี้ ข้ากลับไม่รู้เลยสักนิด นายท่านไม่พูดก็ไม่เป็นไร แต่ทำไมเจ้าไม่บอกให้ข้าเตรียมใจก่อนเล่า วันนี้กะทันหันเกินไป เกือบจะแก้ไขสถานการณ์ลำบากแล้ว!”
บ่าวรับใช้คนนั้นก็รู้สึกผิดมาก
“ก็ข้าไม่รู้จริงๆ นี่นา หากท่านอยากรู้ก็ไปถามนายท่านเองเถิดขอรับ!”
เหยียนเก๋อหุบปากทันที
เขาไม่ได้มีความกล้าขนาดนั้นสักหน่อย
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็อดไม่ได้ และถามเสียงต่ำว่า
“เอ๊ะ แล้วฮูหยินเป็นใครกันแน่ เจ้าต้องรู้ใช่ไหม บอกข้ามาสิ เผื่อต่อไปข้าจะได้หลีกเลี่ยงการปะทะกับนาง!”
บ่าวรับใช้คนนั้นถอนหายใจ
“อีกไม่กี่วัน ท่านก็จะรู้เองนั่นแหละขอรับ”
เมื่อพูดมาขนาดนี้แล้วก็ยิ่งทำให้เหยียนเก๋อยิ่งอยากรู้อยากเห็น
นายท่านมิเคยหวั่นไหวกับสตรีนางไหนมาก่อน ทำไมจู่ๆ ถึงมีภรรยาได้ล่ะ
นางเป็นเทพธิดามาจากที่ใดกันหนอ ทำไมถึงสามารถครอบครองหัวใจนายท่านได้”
“ในเมื่อส่งจดหมายถึงมือท่านแล้ว ข้าไปก่อนล่ะ ท่านจัดการเรื่องตรงนี้ให้เรียบร้อย เดี๋ยวนายท่านจะมาขอรับ”
เมื่อบ่าวรับใช้กล่าวจบก็รีบจากไปทันที
“เฮ้ออออ”
เหยียนเก๋อมิอาจห้ามใครได้ จึงนวดระหว่างคิ้วด้วยความปวดหัว
นายท่านต้องการเลือกของขวัญให้ภรรยาของเขาโดยไม่ลังเลเลยว่าจะทำให้ขุนนางกี่คนในเมืองหลวงต้องขุ่นข้องหมองใจ จะเห็นได้ว่า…คงมาจริง!
…
ณ ภูเขาด้านหลังสำนักเทียนลู่
บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายมารวมตัวกันที่นี่ และเต็มไปด้วยเสียงจอแจดูน่าครึกครื้น
ใบหน้าอ่อนเยาว์ของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความตึงเครียดที่ปิดไม่มิด
“ไม่รู้วันนี้จะเจอบททดสอบอะไรบ้าง ได้ยินมาว่ามีของรางวัลมากมายเลย!”
“สำนักของเรามีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อยู่เสมอ เรื่องนี้มีอะไรน่าแปลกกัน ที่สำคัญคือ เราสามารถชนะสองสามอันดับแรกได้หรือเปล่าเท่านั้นแหละ!”
“ก็จริง! ยิ่งอันดับสูงก็ยิ่งได้รางวัลใหญ่! นักเรียนทั้งสามรุ่นแยกกันสอบ แล้วให้ได้ที่หนึ่งจากทั้งสามรุ่น ฉู่เซียนหมิ่นน่าเป็นที่หนึ่งในรุ่นเราในปีนี้ใช่หรือไม่”
“นี่ พอพูดถึงนางแล้วทำไมนางยังไม่มาสักที อาจารย์ไป๋เชินก็ยังไม่กลับมาเลย”
ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องนี้ ไป๋เชินก็มาถึงพอดี
อาจารย์ชิงเผาที่กำลังเตรียมบททดสอบก็เห็นไป๋เชินเดินเข้ามาพอดีและรีบโบกมือให้เขา
“ไป๋เชิน เจ้ากลับมาแล้ว แค่คุมสอบคนเดียวทำไมถึงนานนัก ค่ายอาคมตรงนั้นเจ้าจะต้อง…”
ไป๋เชินกลับหัวเราะขัดจังหวะพูดของเขา
“หลิงจู๋ ข้าไม่ได้เสียเวลาหรอก ข้าเก็บเพชรเม็ดงามกลับมาสำนักของเราด้วยล่ะ”
เสียงของเขาดังอยู่แล้ว และเขาตัดสินใจที่จะสนับสนุนฉู่หลิวเยว่ให้เป็นที่ประจักษ์ และเสียงนี้แผ่กระจายไปอย่างกว้างขวาง! และได้ยินเข้าหูทุกคนอย่างชัดเจน!
คราวนี้ทุกสายตาต่างมองมาที่เขา
หลิงจู๋มองเขาด้วยแววตาสับสน
“หมายความว่าอย่างไร”
ไป๋เชินหัวเราะดังลั่น เขาเบี่ยงไปด้านหลังหนึ่งก้าวก่อนจะดันฉู่หลิวเยว่ขึ้นมา
ฉู่หลิวเยว่ทำความเคารพอย่างนอบน้อม
“หลิวเยว่คารวะอาจารย์หลิงจู๋”
หลิวเยว่?
ฉู่หลิวเยว่!?
หลิงจู๋ขมวดคิ้วมองสำราวจรอบตัวนางแล้วหันไปทางไป๋เชิน
“ไป๋เชิน นี่เจ้า…”
“เสี่ยวหลิวเยว่สอบผ่านทั้งสามวิชา แล้วเป็นศิษย์สำนักของเราอย่างเป็นทางการแล้ว ข้าพานางมาดูความคึกคักที่นี่”
เมื่อสิ้นเสียงของเขา ทันใดนั้นภูเขาด้านหลังทั้งลูกที่เคยมีเสียงดังจอแจก็เงียบสงบลงทันที
ฉู่เซียนหมิ่นมองฉู่หลิวเยว่อย่างหัวเสียอีกครั้ง จากนั้นจึงยิ้มแล้วก้าวไปข้างหน้า
“อาจารย์หลิงจู๋ พี่สาวของข้าต้องการเข้าร่วมสอบแข่งขันครั้งนี้ด้วยเจ้าค่ะ”