เล่ม 1 ตอนที่ 45 เข้าร่วมสอบแข่งขัน

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

เมื่อได้ยินเหยียนเก๋อพูดถึง นายท่าน ห้องโถงที่เคยเสียงดังโวยวายก็เงียบลงทันที

ทุกคนต่างมองหน้ากันแล้วคิดไม่ถึงว่านี่จะเป็นความประสงค์ของนายท่านผู้ลึกลับของเจินเป่าเก๋อ

หากเป็นเหตุผลอื่นก็ยังเถียงได้สักคำสองคำ แต่ใครจะรู้ว่าจริงๆ แล้วคนผู้นั้นจะออกหน้า…

คนที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปแส่หาเรื่องได้!

เหยียนเก๋อหัวเราะเจื่อนๆ แล้วเอ่ยขึ้น

“ทุกท่านโปรดวางใจ เพื่อชดเชยการสูญเสียในวันนี้ข้าจะส่งของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้แขกผู้มีเกียรติทุกท่านในภายหลัง โปรดยกโทษให้ข้าด้วย”

เมื่อเหยียนเก๋อกล่าวเช่นนั้น สีหน้าของทุกคนจึงผ่อนคลายลงมาบ้าง

ถือว่าหยวนๆ ให้ แน่นอนว่าทุกคนเห็นแก่หน้านายท่าน

“คุณชายรองเหยียนเกรงใจเกินไปแล้ว ในเมื่อเป็นคำขอของนายท่าน พวกเราก็ไม่พูดอะไรให้มากความหรอก”

“ใช่! เจินเป่าเก๋อทำการค้าขายในเมืองหลวงมาหลายปีแล้ว พวกเราจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ทำไม รออีกหน่อยก็ได้!”

“ของขวัญอะไรกัน คุณชายรองเหยียนเกรงใจเกินไปแล้ว!”

สิ่งที่พวกขุนนางเกือบทั้งหมดในเมืองหลวงที่อยู่ตรงนี้สนใจมากที่สุดไม่ใช่เงิน แต่เป็นสถานะและหน้าตาทางสังคมมากกว่า

ถ้าหากร้านอื่นยกเลิกการประมูลกะทันหันเช่นนี้ พวกเขาจะไม่ยอมปล่อยมันไปแน่นอน แต่นี่คือเจินเป่าเก๋อ

อย่างน้อยพวกเขาก็ยังพอมีความยำเกรงอยู่บ้าง

เหยียนเก๋อพูดต่อด้วยรอยยิ้ม

“ขอบคุณทุกท่านมากจริงๆ อีกเดี๋ยว ข้าจะให้คนของเจินเป่าเก๋อนำยาบรรลุขั้นแก่ทุกท่าน ท่านละหนึ่งเม็ดเพื่อเป็นการไถ่โทษ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็ประหลาดใจอีกครั้ง

ยาบรรลุขั้น!?

นั่นเป็นยาล้ำค่าหายากเชียวนะ

การบรรลุขั้นจากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามไปสู่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่นั้นเป็นอุปสรรคที่ใหญ่หลวงที่ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนต้องเผชิญ

มีคนมากมายที่ชาตินี้ไม่สามารถทะลวงได้สำเร็จและอยู่ในขอบเขตของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามไปตลอดชีวิต

แต่ถ้าหากใช้ยาบรรลุขั้น โอกาสสำเร็จก็จะเพิ่มเป็นสองเท่า!

สองเท่านี้ฟังดูไม่แข็งแกร่งมาก แต่สามารถช่วยบางคนฝ่าฟันอุปสรรคไปอย่างราบรื่นและบรรลุไปอีกขั้นหนึ่งได้!

นี่เป็นสมบัติที่ล้ำค่ามากจริงๆ

คนธรรมดาชาตินี้คงไม่มีวันได้ครอบครองแม้แต่เม็ดเดียว!

และถึงแม้จะมีตระกูลใหญ่สี่ตระกูล แต่พวกเขาก็อาจจะได้ครอบครองไม่กี่เม็ดเท่านั้น

แต่เจินเป่าเก๋อ…บอกว่าจะให้พวกเขาคนละหนึ่งเม็ด!

ที่นี่มีประมาณยี่สิบสามสิบคน คนละหนึ่งเม็ด เช่นนั้นก็แสดงว่า…

และนี่เป็นเพียงสำหรับชดใช้ให้พวกเขาเท่านั้น!

เจินเป่าเก๋อมีอำนาจร่ำรวยมหาศาลจริงๆ

สีหน้าของบางคนเปลี่ยนไปอีกครั้ง และพวกเขาก็แอบเริ่มทบทวนสถานะของเจินเป่าเก๋อ

มียาบรรลุขั้นมากมายขนาดนี้ จะต้องไม่ได้อาศัยแค่อำนาจเงินเพียงอย่างเดียว…

ผู้ที่หนุนอยู่เบื้องหลังเจินเป่าเก๋อคือใครกันแน่

แล้วนายท่านคนนั้นที่ไม่เคยเผยโฉมหน้าให้เห็นของพวกเขาคือใครกันแน่

ยาบรรลุขั้นสามารถทุเลาความไม่พอใจของทุกคนได้สำเร็จ หรือต่อให้ไม่พอใจยังไงก็ไม่มีใครกล้าพูดสิ่งใดอีก

ทันใดนั้นก็มีคนหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง

“คุณชายรองเหยียน คราวนี้เจินเป่าเก๋อเข้าเนื้อตัวเองไปเยอะกระมัง นายท่านของพวกท่านทำขนาดนี้เพื่อฮูหยินโดยไม่เสียดายจริงๆ”

เหยียนเก๋อยืดหลังตรงแล้วยิ้มให้อย่างสุภาพ

“ไม่ขนาดนั้นหรอก นายท่านของพวกเรากับฮูหยินรักกันเหนียวแน่น เพียงแค่ให้ฮูหยินยิ้มได้ นี่ไม่นับว่านักหนาอะไรหรอก”

ทุกคนพากันหัวเราะคิกคัก ไม่นานก็ยืนขึ้นแล้วกล่าวคำอำลาตามมารยาท

ไม่นานทุกคนในห้องโถงก็กลับกันไปหมดแล้ว เจินเป่าเก๋อจึงเหลือเพียงเหยียนเก๋อและคนรับใช้ไม่กี่คน

รอจนกว่าคนพวกนั้นหายไปกันหมดแล้วก็ปิดประตูใหญ่ ในที่สุดเหยียนเก๋อก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาถูใบหน้าหยาบกร้านของตัวเองแรงๆ จากนั้นหันหลังกลับเข้าไปในห้องด้านหลังห้องโถงและรีบถามบ่าวรับใช้

“นายท่านมีฮูหยินตั้งแต่เมื่อไหร่ฮะ!”

สวรรค์รู้ดีว่าตอนที่เขาเปิดอ่านจดหมายของนายท่านนั้น เขาถึงกับตกตะลึงจนแทบสิ้นสติไปแล้ว

บ่าวรับใช้คนนั้นกระแอมไอ

“ข้าก็เพิ่งรู้วันนี้เหมือนกัน น่าจะ…เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่นานนี้ขอรับกระมัง…”

“เจ้าติดตามนายท่านทุกวัน เจ้าไม่รู้เลยหรือ!”

เหยียนเก๋อไม่เชื่อ ดังนั้นเขาจึงรีบก้าวไปข้างหน้าและหยิบจดหมายออกจากแขนเสื้อของเขา หลังจากอ่านอย่างละเอียดถี่ถ้วนซ้ำไปซ้ำมา แล้วก็เอ่ยขึ้นอย่างปวดใจ

“ข้าโชคดีที่ได้ติดตามนายท่านหลายปี เรื่องสำคัญขนาดนี้ ข้ากลับไม่รู้เลยสักนิด นายท่านไม่พูดก็ไม่เป็นไร แต่ทำไมเจ้าไม่บอกให้ข้าเตรียมใจก่อนเล่า วันนี้กะทันหันเกินไป เกือบจะแก้ไขสถานการณ์ลำบากแล้ว!”

บ่าวรับใช้คนนั้นก็รู้สึกผิดมาก

“ก็ข้าไม่รู้จริงๆ นี่นา หากท่านอยากรู้ก็ไปถามนายท่านเองเถิดขอรับ!”

เหยียนเก๋อหุบปากทันที

เขาไม่ได้มีความกล้าขนาดนั้นสักหน่อย

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็อดไม่ได้ และถามเสียงต่ำว่า

“เอ๊ะ แล้วฮูหยินเป็นใครกันแน่ เจ้าต้องรู้ใช่ไหม บอกข้ามาสิ เผื่อต่อไปข้าจะได้หลีกเลี่ยงการปะทะกับนาง!”

บ่าวรับใช้คนนั้นถอนหายใจ

“อีกไม่กี่วัน ท่านก็จะรู้เองนั่นแหละขอรับ”

เมื่อพูดมาขนาดนี้แล้วก็ยิ่งทำให้เหยียนเก๋อยิ่งอยากรู้อยากเห็น

นายท่านมิเคยหวั่นไหวกับสตรีนางไหนมาก่อน ทำไมจู่ๆ ถึงมีภรรยาได้ล่ะ

นางเป็นเทพธิดามาจากที่ใดกันหนอ ทำไมถึงสามารถครอบครองหัวใจนายท่านได้”

“ในเมื่อส่งจดหมายถึงมือท่านแล้ว ข้าไปก่อนล่ะ ท่านจัดการเรื่องตรงนี้ให้เรียบร้อย เดี๋ยวนายท่านจะมาขอรับ”

เมื่อบ่าวรับใช้กล่าวจบก็รีบจากไปทันที

“เฮ้ออออ”

เหยียนเก๋อมิอาจห้ามใครได้ จึงนวดระหว่างคิ้วด้วยความปวดหัว

นายท่านต้องการเลือกของขวัญให้ภรรยาของเขาโดยไม่ลังเลเลยว่าจะทำให้ขุนนางกี่คนในเมืองหลวงต้องขุ่นข้องหมองใจ จะเห็นได้ว่า…คงมาจริง!

ณ ภูเขาด้านหลังสำนักเทียนลู่

บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายมารวมตัวกันที่นี่ และเต็มไปด้วยเสียงจอแจดูน่าครึกครื้น

ใบหน้าอ่อนเยาว์ของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความตึงเครียดที่ปิดไม่มิด

“ไม่รู้วันนี้จะเจอบททดสอบอะไรบ้าง ได้ยินมาว่ามีของรางวัลมากมายเลย!”

“สำนักของเรามีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อยู่เสมอ เรื่องนี้มีอะไรน่าแปลกกัน ที่สำคัญคือ เราสามารถชนะสองสามอันดับแรกได้หรือเปล่าเท่านั้นแหละ!”

“ก็จริง! ยิ่งอันดับสูงก็ยิ่งได้รางวัลใหญ่! นักเรียนทั้งสามรุ่นแยกกันสอบ แล้วให้ได้ที่หนึ่งจากทั้งสามรุ่น ฉู่เซียนหมิ่นน่าเป็นที่หนึ่งในรุ่นเราในปีนี้ใช่หรือไม่”

“นี่ พอพูดถึงนางแล้วทำไมนางยังไม่มาสักที อาจารย์ไป๋เชินก็ยังไม่กลับมาเลย”

ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องนี้ ไป๋เชินก็มาถึงพอดี

อาจารย์ชิงเผาที่กำลังเตรียมบททดสอบก็เห็นไป๋เชินเดินเข้ามาพอดีและรีบโบกมือให้เขา

“ไป๋เชิน เจ้ากลับมาแล้ว แค่คุมสอบคนเดียวทำไมถึงนานนัก ค่ายอาคมตรงนั้นเจ้าจะต้อง…”

ไป๋เชินกลับหัวเราะขัดจังหวะพูดของเขา

“หลิงจู๋ ข้าไม่ได้เสียเวลาหรอก ข้าเก็บเพชรเม็ดงามกลับมาสำนักของเราด้วยล่ะ”

เสียงของเขาดังอยู่แล้ว และเขาตัดสินใจที่จะสนับสนุนฉู่หลิวเยว่ให้เป็นที่ประจักษ์ และเสียงนี้แผ่กระจายไปอย่างกว้างขวาง! และได้ยินเข้าหูทุกคนอย่างชัดเจน!

คราวนี้ทุกสายตาต่างมองมาที่เขา

หลิงจู๋มองเขาด้วยแววตาสับสน

“หมายความว่าอย่างไร”

ไป๋เชินหัวเราะดังลั่น เขาเบี่ยงไปด้านหลังหนึ่งก้าวก่อนจะดันฉู่หลิวเยว่ขึ้นมา

ฉู่หลิวเยว่ทำความเคารพอย่างนอบน้อม

“หลิวเยว่คารวะอาจารย์หลิงจู๋”

หลิวเยว่?

ฉู่หลิวเยว่!?

หลิงจู๋ขมวดคิ้วมองสำราวจรอบตัวนางแล้วหันไปทางไป๋เชิน

“ไป๋เชิน นี่เจ้า…”

“เสี่ยวหลิวเยว่สอบผ่านทั้งสามวิชา แล้วเป็นศิษย์สำนักของเราอย่างเป็นทางการแล้ว ข้าพานางมาดูความคึกคักที่นี่”

เมื่อสิ้นเสียงของเขา ทันใดนั้นภูเขาด้านหลังทั้งลูกที่เคยมีเสียงดังจอแจก็เงียบสงบลงทันที

ฉู่เซียนหมิ่นมองฉู่หลิวเยว่อย่างหัวเสียอีกครั้ง จากนั้นจึงยิ้มแล้วก้าวไปข้างหน้า

“อาจารย์หลิงจู๋ พี่สาวของข้าต้องการเข้าร่วมสอบแข่งขันครั้งนี้ด้วยเจ้าค่ะ”