ตอนที่ 47 แต่ไม่จำเป็นต้องขายตัวแบบนี้นะ

“มีอะไร? แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการฉัน แต่ฉันก็ยังแบ่งเงินจำนวนหนึ่งมาได้อยู่นะ  พี่สาว พี่ทำงานหนักขนาดนั้น ไม่ได้ทำเพื่อเงินยังงั้นเหรอ?”

“ฉันแตกต่างกับเธออยู่ ครอบครัวของเธอก็นับว่าไม่เลว ไม่เหมือนกับฉัน พ่อตกงาน ส่วนแม่สุขภาพก็ไม่ดี ในยามนี้ฉันก็ต้องเสียเงินในด้านค่าใช้จ่ายไปกับการเรียนอีก” เหอเฉ่าหยุดชะงักและเอ่ยออกมา ระหว่างคิ้วของเธอนั้นก็เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม

“ฉันเอาเงินมาให้แล้ว เดี๋ยวจะให้พี่นะ และก็ บางทีฉันอาจจะพลาดท้องลูกของเขาก็ได้! ได้กับเขาไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง ยังไม่รู้เลยว่า….” เหอเหมียวพูดถึงจุดนี้ ใบหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็นสีแดง

เหอเฉ่าได้ยินที่เหอเหมียวพูดแบบนี้ ภายในใจก็รู้เป็นกังวลขึ้นมามากกว่าเก่า “เงินพวกเราสามารถหาได้ แต่ไม่จำเป็นต้องขายตัวแบบนี้นะ เธอเชื่อฟังลูกพี่ลูกน้องอย่างฉันเถอะ ถอยห่างจากโอวหยางลี่ซะ ไม่อย่างงั้นเธอภายภาคหน้าเธออาจจะทนไม่ไหวก็ได้”

เหอเหมียวที่ได้ยินดังนั้น ก็หยุดไปชั่วขณะ ใบหน้าที่งดงามค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ แน่นอนว่าบ่งบอกถึงความโกรธ ก่อนจะเอ่ยออกไปว่า “ใครบอกว่าขายตัว? พี่ พี่พูดจาให้มันดีๆหน่อย! ต่อหน้าฉันแบบนี้ เรื่องพวกนี้ไม่ต้องพูดให้มันออกนอกประเด็นจะได้ไหม!” เมื่อพูดเสร็จ เธอก็เดินออกไปด้วยท่าทีกระฟัดกระเฟียด

เหอเฉ่าถอนหายใจ เธอไม่รู้เลยว่าจะเกลี้ยกล่อมลูกพี่ลูกน้องของตนอย่างไรดี

อันโหรวที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก เหอเหมียวและเหอเฉ่าที่ทะเลาะกันนั้น เธอได้ยินหมดทุกคำพูด ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา บุคลิกของสองพี่น้องคนนี้ดูท่าจะแตกต่างกันจนเกินไป!

“แม่จ๋า หนูอยากกินไอศรีม” อันหน่วนยื่นมือเล็กๆไปดึงชายเสื้อของอันโหรว ทำท่ามุ่ยปากน้อยๆไปมา อย่างไร้เดียงสา

อันโหรวเป็นคนที่ใจอ่อน ซึ่งนั้นเป็นนิสัยแต่เดิมทีของเธออยู่แล้ว เธอไม่อาจปฏิเสธเจ้าตัวน้อยคนนี้ได้ ก่อนที่จะเอื้อมมือไปอุ้มลูกสาวของตนขึ้นมา

เพียงแต่ว่า ที่แผงขายไอศรีมกลับมีคนต่อแถวอยู่มากมาย เธอขมวดคิ้วขึ้นโดยทันทีและพูดเกลี้ยมกล่อมลูกสาวของตนออกไปว่า “หน่วนหน่วน แม่ค่อยมาซื้อทีหลังได้ไหมคะ?”

“ไม่เอา หนูอยากกินตอนนี้เลย” อันหน่วนส่ายหัวด้วยท่าทางน่ารัก ทั้งยังส่ายขาไปมาอย่างต่อเนื่อง

อันโหรวเงยหน้าหันไปมองที่ร้านไอศครีมที่มีแถวยาวเหยียด และรู้ได้เลยว่าลำบากใจแล้วล่ะ

“หน่วนหน่วน เธอเห็นคนเยอะแบบนั้นไหม ตอนเราไปที่ร้านไอศรีมแล้ว พวกเราจะไม่มีเวลาเล่นม้าหมุนนะ!” อันหยางเอ่ยด้วยท่าทีที่หนักอึ้ง เพราะเขารู้ดีว่าอันโหรวนั้นคงห้ามปราบอะไรน้องไม่ได้แล้ว

อันหน่วนตอนนี้กำลังพิจารณาระหว่างไอศรีมกับม้าหมุน ในที่สุดก็พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ “ก็ได้ หนูไม่กินไอศรีมแล้ว”

อันโหรวรู้สึกโล่งใจ ก่อนจะขยิบตาส่งซิกให้ลูกชายอย่างเงียบๆ

อันโหรวถือตั๋วไว้ในมือ อันโหรวกำลังพาเด็กทั้งสองคนไปเล่นม้าหมุน อันหน่วนเมื่อเห็นม้าหมุนก็รีบวิ่งไปด้วยความตื่นเต้น ส่งผลให้หมวกของเธอปลิวไปตายสายลม

“หน่วนหน่วน อย่าวิ่ง รอแม่ด้วย” อันโหรวรีบวิ่งตามเธอไป

“แม่จ๋า พี่ วิ่งไวๆหน่อยสิ” อันหน่วนวิ่งไปพร้อมหัวเราะเอิ้กอ้าก รอยยิ้มที่มีเสน่ห์ของเด็กน้อยเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่หวาน

อันโหรวเป็นกังวลจนเกินไป เนื่องจากสวนสนุกมีคนค่อนข้างเยอะ และเธอก็ยังปล่อยหน่วนหน่วนหลังจากการอุ้ม หน่วนหน่วนก็วิ่งไปซะไกลแบบนี้ กลัวเธอจะถูกฝูงชนเบียดไป ซึ่งเรื่องพวกนี้เธอไม่อยากจะคิดเท่าไหร่นัก……..

อันหยางขมวดคิ้วแน่นขึ้น ใบหน้าเปลี่ยนเป็นกังวล ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่อันหน่วนตลอดเวลา เขาไม่กล้าแม้แต่จะกระพริบตา เพราะกลัวว่าจะละสายตาจากน้องสาวของตนไป

อันหน่วนไม่รู้ตัวเองเลยว่าตัวเองวิ่งไปมาแบบอันตรายขนาดนี้ ตอนนี้ในใจของเธอนั้นกลับเต็มไปด้วยม้าหมุน เมื่อถึง ก็เงยหน้าขึ้นไปก็พลันเอ่ยปากขึ้น

“ม้าหมุนสวยจังเลย!” อันหน่วนอ้าปากเล็กน้อย ความน่ารักน่าชังของเธอเป็นประกาย เธอหันหน้าไปมองที่ด้านหลังและเอ่ยด้วยความตื่นเต้นออกไป

“แม่จ๋า เร็วเข้า เร็วเข้า”

ในขณะที่หันหน้าไปนั้น ก็มีคนพุ่งออกมาจากฝูงชนที่อยู่ด้านหน้า ซึ่งอันหน่วนมองไม่เห็น ก็หัวโขกไปที่คนๆนั้นทันที

“หน่วนหน่วน!!” อันโหรวอุทานเมื่อเห็นลูกสาวของเธอชนใครสักคน หัวก็แทบระเบิดอารมณ์ออกมา ก่อนจะรีบจับมืออันหยางและวิ่งเข้าไป

อันหน่วนที่ถูกชน ก็ปากขยับอุบอิบอุบอิบว่าเจ็บ ดวงตาของเธอนั้นแดงก่ำ แต่เธอก็อดทนไว้ไม่ร้องไห้ออกมา

อันโหรวที่รีบร้อนในที่สุดก็ถึงมือลูกสาว และรีบเอามือสำรวจทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว “บอกแม่ซิ ว่าลูกล้มตรงไหนค่ะ?”

อันหน่วนพูดด้วยน้ำเสียงที่เสียใจและเอ่ยเหมือนงอแงไปว่า “หน่วนหน่วนไม่ได้ล้ม แม่จ๋าคุณป้าคนนั้นโดนหนูชนต่างหาก….”

………

ตอนที่ 48 ป้าคนนี้ดุจังเลย

คนที่ชนกับอันหน่วนก็คือเหอเหมียว เธอไม่มีปัญหาอะไรหรอก เพียงแต่หลังจากที่ได้เห็นอันโหรว ใบหน้าของเธอก็พลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“คุ้นตาจัง” เหอเหมียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงพึมพำ ก่อนจะถอดแว่นกันแดดออกแล้วมองไปที่อันโหรวอย่างละเอียด และค่อยๆขมวดคิ้วไปมา “ดูเหมือนฉันจะเคยเห็นดวงตาคู่นี้มาก่อนนะ…….”

อันโหรวใจเต้น“ตึกตัก” รัวๆ ก่อนที่จะหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาจากหน้าอกของเธอ และยื่นมือไปตบบ่าลูกสาวและเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ว่า “หน่วนหน่วน ลูกชนคุณป้าเขา รีบขอโทษคุณป้าเขาเร็ว”

“ขอโทษนะคะคุณป้าคนสวย ป้าเจ็บไหมค่ะ?” อันหน่วนเอ่ยขอโทษอย่างชาญฉลาด มือน้อยๆดึงที่บิดเบี้ยวและปัดไปมายังตัวกระโปรงที่ล้มลงเมื่อครู่

ความสนใจของเหอเหมียวที่อันหน่วนดึงกลับไป เมื่อมองไปที่หน้าตาของอันหน่วนแล้ว ดวงตาของเธอก็พลันฉายแววประหลาดใจ และรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย

ลูกครึ่งตัวน้อยแบบนี้ เมื่อไหร่กันนะที่เธอจะมีแบบนี้ได้?

เมื่อคิดถึงจุดนี้ เหอเหมียวในใจก็กลับรู้สึกหงุดหงิดเล็กๆ และก็เปิดปากอ้าโดยไม่รู้ตัว และพูดอย่างไม่มีเหตุผล “นี่ฉันแก่มากขนาดนั้นเลยเหรอห๊ะ? ถึงได้พูดจาที่ไม่ดีออกมาแบบนี้ ไม่รู้เลยนะว่าใครเป็นคนสั่งสอน?”

อันหน่วนตกใจ ก่อนจะก้าวถอนหลังไปที่ด้านหลังของอันโหรว

“แม่จ๋า ป้าคนนี้ดุจังเลย…..”

พี่ชายพูดออกมาแบบนีแน่นอนย่อมทำตัวปกป้องน้องสาว เมื่อเขาเห็นดังนั้นก็รู้ว่าตัวเองควรทำอะไร

อันโหรวยื่นมือออกมาปลอมประโลมลูกสาวของเธอ แต่เหอเหมียวผู้นี้อยู่ข้างกายโอวหยางลี่มาโดยตลอด ชอบแกล้งทำตัวเป็นคนดี และดูน่ารัก เชื่อฟังเขา แต่จริงๆตอนนี้…

กลับเป็นผู้ที่น่าขยะแขยงเฝ้ามองจับแต่โอวหยางลี่แต่เพียงอย่างเดียว

อันโหรวยิ้มเยาะในใจ เงยหน้าขึ้นและมองด้วยท่าทีที่แข็งกร้าว “ลูกสาวของฉันแน่นอนว่าฉันต้องสอนมา ว่าแต่เธอล่ะ ใครสอนมายังงั้นเหรอ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน!”

นี่นับได้ว่าเป็นเรื่องตลก เธอก็กล้าที่จะกลั่นแกล้งทุกอย่างแน่นอน หน่วนหน่วนกับหยางหยางก็เป็นสมบัติสุดรักของเธอ ใครก็ตามไม่อาจจะมากลั่นแกล้งลูกของเธอได้

“เธอ…..” เหอเหมียวใบหน้ากลับเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ เธอโกรธอันโหรวมากที่กล้าว่าเธอเช่นนี้ ก่อนจะง้างมือขึ้นมาเพื่อหวังตบไปที่หน้าของอันโหรว แต่ก็กลับถูกน้ำเสียงที่เย็นชาของอันหยางหยุดเอาไว้….

“ตามกฎหมายครรลอง ถ้าหากคุณลงมือตบผู้อื่นเช่นนี้ ก็เท่ากับว่าเป็นการประทุษร้ายกับคน แน่นอนว่าลุงตำรวจจะพาคุณไปขังที่สถานีตำรวจเล่นๆ สักวันสองวันก็ได้”

เหอเหมียวแอบตกใจกับคำพูดของอันหยาง ก่อนจะหยุดมือที่ยกเอาไว้ไม่ไปตบ ความโกรธถูกปะทุลงไปที่การกัดฟันและกระทืบเท้าไปที่พื้น ใบหน้าค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด

“พี่สุดยอดเลย” อันหน่วนปรบมือด้วยความตื่นเต้น ใบหน้าอมชมพู ยิ้มร้าราวกับได้รับชัยชนะในศึกนี้

ใบหน้าที่แสนของเย็นชาของอันหยางค่อยๆเปลี่ยนไปเมื่อมองมาที่อันหน่วน มันเหมือนกับถูกแตะหัก เขาเอามือไปลูบหัวที่น้องสาวของตน ก่อนจะพูดขึ้นไปว่า “หน่วนหน่วน หลังจากนี้ถ้ามีป้าคนไหนมารังแกเธอกับแม่อีกละก็ ไม่ต้องกลัว นะ มันมีกฏหมายที่สามารถลงโทษพวกเขาได้อยู่”

อันโหรวตกใจกับคำพูดของอันหยางอีกครั้ง ลูกชายเธอนี่ช่างท้าทายสวรรค์เสียจริงเชียว

ผู้คนจำนวนมากเริ่มมามากขึ้นมากขึ้น อันโหรวมองซ้ายมองขวาที และก็ขมวดคิ้วและไม่ได้สนใจใบหน้าที่โกรธเคืองของเหอเหมียวเลยแม้แต่น้อย เธอจับมืออันหน่วนที่ข้างซ้าย ข้างขวาจับที่อันหยาง ก่อนจะคิดว่าจะออกไปตรงๆเลยดีไหม แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านหลัง

“เหอเหมียวนี่เธออยู่ที่ไหน?” เป็นเหอเฉ่าที่ตะโกนเรียก เพราะหลังจากที่แยกไปสักพัก เธอก็หาเหอเหมียวไม่เจอ ตอนนี้ภายในใจก็รู้สึกเป็นกังวล

เหอเหมียวเมื่อได้ยินเสียงเรียกของเหอเฉ่า ร่างทั้งร่างก็พลันกลับมามีชีวิตชีวา เงยหน้าขึ้นและตะโกนกลับ “พี่ ฉันอยู่นี่ อยู่ข้างหลังพี่”

“เธอมาทำอะไรที่นี่เนี้ย? หาก็ไม่เจอ กังวลแทบแย่” เหอเฉ่าวิ่งไปหาเหอเหมียวที่ข้างกาย ก่อนจะบ่นเล็กน้อย

“พี่ เมื่อครู่นี้ฉันถูกลูกสาวของผู้หญิงคนนึงชนฉันเข้า แต่ก็กลับด่าว่าทอว่าฉันนั้นไร้การศึกษา มันทำให้ฉันโกรธจนแทบแย่ ในเมื่อพี่อยู่ที่นี้แล้ว ช่วยฉันหน่อยเถอะ” เหอเหมียวขอร้องอ้อนวอน ก่อนจะชี้นิ้วไปยังอันโหรว

เหอเฉ่านั้นรับรู้นิสัยของเหอเหมียวแต่แรกอยู่แล้ว ก่อนจะปลอบเธอไปว่า “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันจะไปคุยกับเขาให้” พูดจบ ก็เดินไปยังอันโหรว และเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เล็กน้อยลงมา “ขอโทษด้วยนะคะ คนนั้นเป็นญาติของฉันเอง ฉันรู้นิสัยของเธอดี แน่นอนว่าเธอคงทำอะไรผิดกับคุณแน่ๆ หวังว่าคุณจะไม่ถือสานะคะ”

ปากของอันโหรวกระตุกขึ้นและเอ่ยบอกไปว่า “ไม่เป็นไรค่ะ”

“ขอบคุณนะคะ” เหอเฉ่ายิ้มออกมา รอยยิ้มที่ปรากฏเป็นรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ จากนั้นก็หันไปมองที่เหอเหมียว และเดินไปหา เพื่อบอกอย่างรวดเร็วไปว่า “เอาล่ะ ฉันบอกกับเขาให้แล้วล่ะ ตอนนี้เธอหายโกรธแล้วรึยัง?”

เหอเหมียวเอ่ยน้ำเสียงหึที่เย็นชาออกมา จากนั้นก็ส่งสายที่เย็นยะเยือกไปยังอันโหรว เมื่อเห็นว่าเขานั้นน่าจะถูกสั่งสอนไปแล้ว ก็ไม่ได้เก็บมาคิดในใจ และเดินออกไปพร้อมกับเหอเฉ่า

อันโหรวที่ได้เห็นเหอเฉ่า ก็มีความรู้สึกในใจว่าตัวเองนั้นเลือกคนไม่ผิด เธอคิดว่าคนนี้ๆเป็นคนดีจริงๆ