ตอนที่ 49 คุณลุงที่โรงแรมกำลังมา

 เมื่อนั่งไปยังม้าหมุน อันหน่วนก็ชอบเสียจนเรียกได้ว่าคลั่ง ทั้งยังนั่งวนไปวนมา เสียจนไม่ยอมลุกจากไปไหน

อันหยางตอนนี้เริ่มที่จะเอียน เขาไม่คิดอยากเล่นเท่าไหร่ แต่เมื่อเจอลูกอ้อนของอันหน่วนเข้าไป ก็จำใจยอมเล่นกับน้องของตนทันที

“พี่ดูสิ หนูกำลังบินได้!” อันหน่วนหัวเราะคิกคักอย่างมีคสามสุข ก่อนเธอจะกะพริบตาปริบๆไปมา และกางมือทั้งสองข้างออกมา

หน่วนหน่วน อย่าปล่อยมือ มันอันตราย” อันหยางเห็นหน้าสาวของตนทำแบบนั้น ใบหน้าน้อยๆของเขากลับแน่นิ่ง ดวงตาเผยให้เห็นความกังวลออกมาอย่างแน่ชัด

“พี่จ๋าโง่จริงเชียว หน่วนหน่วนแค่แกล้งพี่เล่นเอง”

อันโหรวมองไปที่เด็กทั้งสองคน นึกย้อนกลับไปตอนอุ้มท้องดวงตายามนั้นสีแดงก่ำ ต้องเจ็บปวดและทรมานกับการให้กำเนิดลูกทั้งสอง แต่ตอนนี้ เมื่อนึกถึงตอนนั้นก็ปรากฎรอยยิ้มที่มีความสุข

เมื่อกำลังอยู่สวนสนุกด้วยบรรยากาศที่สนุกสนาน จนกระทั่งหลินจือเซี๋ยวโทรเข้ามานะ บรรยากาศที่แสนอบอุ่นก็จบลงทันที!

“โหรวโหรว รีบเอาลูกกลับมาเร็วเข้า ประธานจิ่งเห็นว่าจะไปที่สวนสนุกแล้ว”

“อะไรนะ?” อันโหรวตกใจ ฝีเท้าของเธอกลับหยุดลงกับที่ พลันเปลี่ยนสีหน้าด้วยความตื่นตระหนก

“ทำไมกัน หรือว่าเขาจะรู้ว่าฉันอยู่ที่สวนสนุกเหรอ?”

“ใช่ เป็นฉันที่เองเผลอหลุดปากพูด” หลินจือเซี๋ยวเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่คลุมเครือก่อนจะเอ่ยต่อว่า “โหรวโหรว อย่าตำหนิฉันเลยนะ เธอก็รู้ว่าฉันกลัวประธานจิ่งมากแค่ไหน ตอนที่รับโทรศัพท์จากเขามา เขาก็ถามว่าเธออยู่ไหน ด้วยสายตาที่ดั่งมีดเฉือนคม ฉันก็เลยเผลอหลุดปากออกไป……..”

อันโหรวถอนหายใจออกมา ก่อนจะสงบนิ่งลงอย่างรวดเร็ว และตอบกลับไปว่า “ไม่เป็นไร จือเซี๋ยวตอนนี้เธอมาที่สวนสนุกทีสิ รอฉันที่ทางเข้าสวนสนุกนะ”

ในเวลานี้ สิ่งที่ต้องทำที่สุดก็คือการจัดการเรื่องยุ่งเหยิงนี่ก่อน

“แม่จ๋า น้าจือเซี๋ยวมีอะไรเหรอค่ะ?” อันหน่วนเอียงหัวน้อยๆของเธอ พลางคิดว่ามีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ ก่อนที่ปากน้อยของหน่วนหน่วนจะขยับไปว่า “น้าจือเซี๋ยวคงไม่ใช่เจอคนไม่ดีใช่ไหมค่ะ?”

“น้าจือเซี๋ยวไม่ได้เป็นไร หน่วนหน่วนไม่ต้องกังวลนะ”อันโหรวยิ้มปลอบประโลมลูกสาวของตน และอดไม่ได้ที่จะหยิกที่แก้มน้อยๆของลูกสาวเธออย่างเบาๆ

“หน้าบึ้งไม่สวยเลย แม่จ๋าทำไมแม่ต้องหน้าบึ้งด้วย?”

อันโหรวไม่รู้จะอธิบายลูกสาวของตนยังไงดี มันทำให้เธอนิ่งไปชั่วขณะ แน่นอนว่าการแสดงออกของเธอดูไม่ธรรมชาติมากนัก

ดวงตาของอันหยางเหลือบมองเห็น ก่อนจะเข้าใจได้ในทันที

ครั้งนั้นตอนที่อยู่โรงแรม น้าจือเซี๋ยวกับแม่เองก็มีท่าทีที่ผิดปกติ ก็คงจะมีแต่สาเหตุเดียวเท่านั้น…..

เขาจับมือน้องสาวของตน และมองไปยังใบหน้าน้อยๆ และพูดว่า “เป็นไปได้ว่าคุณลุงที่อยู่ในโรงแรมนั้นจะมาน่ะสิ”

“คุณลุงที่โรงแรมเหรอ?” อันหน่วนเอียงศีรษะลงชั่วครู่ ก่อนที่ดวงตาจะพลันเบิกกว้างเป็นประกาย และปรบมือออกมาดั่งแปะแปะ “จริงเหรอ? คุณลุงอยู่ที่ไหนล่ะ?”

อันโหรวมองลูกสาวของเธอก็พลันปวดหัวทันที คิดไม่ถึงเลยว่า ลูกสาวของตนจะหลงใหลชื่นชมตัวเขาขนาดนั้น

ในขณะนี้ที่ประตูของสวนสนุกกลับเต็มไปด้วยผู้ ส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นผู้หญิงที่ต่างหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายภาพอย่างดุเดือดได้ท่าทีที่หลงใหลเกินคำบรรยาย

แน่นอนหลังจากที่ผู้มีอำนาจและผู้มีชื่อเสียงและผู้ที่เปรียบดั่งราชาเพชรเงินจินดา ผู้ที่ร่ำรวยกำลังเดินมา ผู้หญิงพวกนี้ต่างก็แห่กันมาเขาแทบทั้งสิ้น

“ชิชิ พระเจ้าช่างไม่มีความยุติธรรม ฉันรู้เลยว่าถ้าหากพวกเขามองมาที่ฉันละก็ มีหวังหายใจไม่ทั่วท้องชัว”

สักพักก็ก็มีเสียงอื่น ๆที่ตื่นเต้นดังมา “ขอแค่คิดว่า ได้หลับนอนกับเขาสักครั้งก็คงดี”

“นี่ อย่าปรารถนาเสียให้ยาก เพียงแต่ ก็ไม่รู้เลยว่าจะมีผู้หญิงคนไหนบ้างที่จะเอาชนะเขาได้”

จิ่งเป่ยเฉินเพิ่งบินกลับจากประเทศอังกฤษ และก็ได้รู้ตำแหน่งที่อยู่ของอันโหรวจากปากของหลินจือเซี๋ยว เขาก็รีบมุ่งหน้ามาโดยทันที

เพียงแต่ว่า ใครจะสามารถบอกเขาได้ล่ะ ว่าทำไมผู้หญิงที่เหมือนกับตายไปแล้ว จะมาอยู่ที่นี่ได้ถึงครึ่งชั่วโมง แค่นั้นความอดทนของเขาก็แทบจะหมดลงทันที!!

เขายื่นมือออกไปและดึงเน็คไทออก เผยสีหน้าที่กังวลเล็กน้อย ก่อนจะปลดปล่อยความกดดดันให้เบาบางลง

หลังจากที่สอบสวนหลินจือเซี๋ยวมาได้ และเมื่อมาถึงสวนสนุกความอดทนก็พลันแตกสลายเนื่องจากจำนวนฝูงชนมากมายขนาดนี้ ส่งผลให้เขาขมวดคิ้วขึ้น และเอ่ยออกไปว่า “ผมให้เวลาหนึ่งนาที ถ้าไม่อีกละก็ ผมจะฝ่าเข้าไปด้วยตัวเอง”

หลินจือเซี๋ยวรู้ว่าเขาได้มาถึงสวนสนุกแล้ว เมื่อมองไปที่จิ่งเป่ยเฉินที่ตอนนี้กำลังถูกผู้หญิงคนอื่น ๆขวางทางเอาไว้ ในใจของเขาก็รู้สึกว่า โชคดีมาก เลยใช้จังหวะนั้นแอบซ่อนตัว โทรมาหาอันโหรวได้ทันที

“โหรวโหรว ฉันบอกกับเธอเลยนะ ประธานจิ่งตอนนี้เป็นผู้ชายที่ถูกคนคลั่งรักตอนนี้ยังถูกขวางทางไว้อยู่” พูดจบ เธอก็เหลือบมองสายตาไปยังเจ้าที่หน้าสวนสนุก ที่วิ่งออกไปตลอดทาง เพื่อกำลังเคลียฝูงชนที่เกิดขึ้น หลินจื่อเซี๋ยวก็เลยรีบเอ่ยด้วยท่าทีร้อนรน “ตอนนี้จะมีเจ้าหน้าที่มาจัดสรรทางเดิน คาดว่ากำลังเข้าไปเร็วๆนี้ เธอ…เตรียมตัวให้พร้อมดีๆล่ะ”

…..

ตอนที่ 50 ฉันบอกว่า ถอดมันออกซะ

อันโหรวยามนี้กำลังซื้อหน้ากากตัวตลก เมื่อได้ยินเสียงของหลินจือเซี๋ยว ในใจเธอนั้นก็รู้ยิ้ม “ไม่ต้องกังวล ไปรออยู่ที่หน้าประตูนะ รอฉันโทรไปล่ะ”

“ได้ เธอเองก็ระวังด้วย ประธานจิ่งตอนนี้เข้าไปแล้ว!”

เสียงโทรศัพท์วางสายไป อันโหรวเองก็ไม่ได้รู้สึกประหม่าอะไร ก่อนที่เธอจะหยิบหน้ากาก และมอบให้กับเด็กๆ ก่อนจะยิ้มอย่างมีความสุข และมองไปยังคู่สามีภรรยาที่ขายหน้ากาก เธอหรี่ตามองด้วยท่าทีที่เจ้าเล่ห์ขึ้นมาโดยทันที

“แม่จ๋า หนูอยากได้หน้ากากนี้” อันหน่วนหยิบมันขึ้นมาถือไว้ในมือ พร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุขออกมา

อันหยางเห็นน้องสาวของตัวเองเลือก เขาเองก็ได้หยิบมาสักอันบ้าง เพื่อมอบให้กับอันโหรว “ผมเอาอันนี้ครับ”

อันโหรวรับมันมา เธอไม่ได้สวมหน้ากาก แต่กลับชอบชุดตัวตลกที่อยู่ในห้องเก็บของแทน

“คุณย่าคะ หนูขอให้คุณกับคุณปู่ช่วยอะไรหน่อยสิ” อันโหรวยิ้มออกมา ก่อนที่จะคิดแผนประสงค์ในใจเธอ

“นี่….เธอไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎหมายร้ายแรงมาใช่ไหม?” หญิงชราผู้นั้นเอ่ยอย่างระมัดระวัง และมองดูเธอตั้งแต่จรดหัวยันเท้า

“คุณย่า คุณไม่รู้สินะ ว่าตอนนี้ฉันเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวค่ะ พอดีหลังจากหย่าตอนนั้นก็ไปที่ต่างประเทศและคลอดลูกๆออกมา เมื่อคลอดลูกเรียบร้อยก็กลับมายังประเทศ เพียงแต่สามีเก่าของฉันนั้นต้องการริดรอนสิทธิ์ของฉัน ตอนนี้เขายังคิดจะมาหาที่นี้เพื่อเอาลูกของฉันไปอีก ถ้าหากเขาหาตัวเด็กเจอ เกรงว่าพวกเขาคงถูกพรากจากฉันไปแน่ๆ ถ้าหากเด็กถูกเขาพรากไป ฉันก็คงอยู่ไม่ได้”

อันโหรวเอ่ยด้วยความคิดที่อยู่ในใจ พลางพูดความจริงครึ่งนึง ไม่นานก็หลั่งน้ำตาออกมาเบาๆ แต่ความเป็นจริงแล้วมีเพียงครึ่งเดียว อีกครึ่งนึงคงต้องให้เด็กทั้งสองช่วยทำให้มันสำเร็จ ทำให้ชายหญิงชราคู่นี้ใจอ่อน

หลังจากที่เตรียมการบางอย่างอะไรเรียบร้อย อันโหรวก็ใส่ชุดตัวตลก ก่อนจะเข้าไปข้างในเพื่อแต่งตัวหยิบเครื่องสำอางออกมาพร้อมแต่งหน้าตาให้ดูน่าเกลียด ซึ่งฝากให้ชายหญิงชราคู่นั้นดูแลเด็กๆไว้ตามลำพัง ไม่นานอันโหรวก็แต่งตัวเพิ่งเพิ่งออกมา พร้อมกับกับใส่กระโปรงลายดอกไม้ธรรมดา ที่ทำให้อันหยางต้องแอบตกใจเล็กน้อย

“หน่วนหน่วน ลูกฟังคำที่พี่ชายพูดไว้ด้วย ถ้าหากเจอคุณลุง ห้ามเรียกเชียวนะ เข้าใจไหมค่ะ?” อันโหรวกลัวว่าลูกสาวจะปล่อยให้เธอความแตก จึงกำชับไปสามรอบ

แม้ว่าอันหน่วนจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก แต่เธอก็พยักหน้าและให้คำสัญญาไปว่า “ไม่ต้องห่วงค่ะแม่ หน่วนหน่วนจะเชื่อฟังและจะไม่สร้างปัญหา”

“หยางหยาง แม่จะให้โทรศัพท์ไว้กับลูกนะ น้าจือเซี๋ยวตอนนี้อยู่ที่หน้าประตูกำลังรอพวกหนูอยู่ พอถึงตอนนั้นให้หนูโทรหาน้าเขานะ” อันโหรวยื่นโทรศัพท์ให้อย่างระมัดระวังเพราะกลัวว่า ประธานจิ่งจะโทรหาเธอ

อันโหรวคลายความคิดขึ้นทันที จากนั้นก็ยื่นมือไปลูบหัวของลูกชายเธอ และพูดไปว่า “ดูแลน้องสาวด้วยนะคะ”

เมื่อเอ่ยคำพูดนี่ไป เธอรู้ว่าลูกชายของเธอต้องเข้าใจได้ในทันที

“แม่จ๋า น้องกับผมและน้าจือเซี๋ยวจะรอแม่ที่บ้านนะครับ”

เมื่อทุกอย่างถูกจัดการเรียบร้อย พวกเด็กๆก็สวมหน้ากากกัน ส่วนอันโหรวก็เอ่ยโค้งทำความเคารพชายหญิงชราและเดินตามไป ก่อนที่พวกเขาแยกย้ายกันไปนั้น อันโหรวก็แอบมองดูลูกๆของเธอ เพื่อให้เดินไปกว่าเธอเสียหน่อยจึงค่อยๆเบาใจขึ้น

เจ้าของสวนสนุกตกใจขึ้นมาในทันที เขาเดินเข้าไปทำความเคารพอยู่ข้างๆ จิ่งเป่ยเฉิน อย่างประจบประแจง และเอ่ยแนะนำออกไปว่า “ประธานจิ่ง ท่านมาหาอะไรเหรอครับ บอกผมมาได้เลยนะ ผมจะให้พวกเด็กๆช่วยหาให้คุณแน่นอน”

จิ่งเป่ยเฉินเม้มริมฝีปากของเขาไว้ ชุดสูทสีเทาเงินที่แสดงรูปร่างและหุ่นอย่างสมบูรณ์แบบ ภายใต้อาภรณ์เช่นนี้แน่นอนต้องข่มอารมณ์โกรธของเขาไว้ ไม่งั้นจะกลายเป็นระเบิดใส่ความเกลียดชังขึ้นทันที ถ้าหากเขาหาผู้หญิงคนนั้นเจอ แน่นอนต้องสอนบทเรียนที่รุนแรงให้เธอเสียหน่อย

อันโหรวเดินตามคู่สามีภรรยาไปตลอดทาง และเมื่อเห็นพวกเขาไปอยู่ที่หน้าประตู ก็พลางถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกขึ้นทันที

ในยามนี้เหงื่อของเธอเริ่มปรากฏขึ้นมาแล้ว เมื่อคิดจะเอาชุดตลกนี่ออก ไม่ช้าเสียงของชายเย็นชาก็ดังขึ้นมาจากด้านซ้ายของเธอ…..

“หยุด อย่าขยับนะ!”

ด้วยเสียงที่คุ้นเคย อันโหรวแทบไม่ต้องทายคิดอะไรก็รู้แล้วว่าเป็นใคร

เสียงของหัวใจของเธอนั้นดังเต้นตุ้บตับ จิตใจของเธอลอยละล่องไปไกล หลังจากรู้สึกได้ว่าเสียงฝีเท้าที่มั่นคงกำลังเดินเข้ามาใกล้เรื่องๆ ร่างกายก็พลันเหงื่อออกไปทั่วร่าง

จิ่งเป่ยเฉินเดินเข้ามาใกล้ๆ คิ้วของเขาค่อยๆขมวดขึ้นมาอย่างเย็นชา “ถอดชุดตัวตลกนี่ซะ”

เมื่อมองไปที่ร่างเงอะงะเช่นนี้ เขารู้สึกปวดหัวใจขึ้นมาทันที

อันโหรวเคยคิดถึงขั้นตอนนี้มาแล้ว แต่ก็ได้เตรียมตัวด้วยการแต่งหน้าเรียบร้อย แต่ทว่า อย่างไรเธอก็ต้องลองเชิงให้ถึงที่สุด

“คุณผู้ชาย ขอโทษด้วย ตอนนี้ยังอยู่ในเวลางาน ฉันยังถอดชุดตัวตลกนี้ไม่ได้ค่ะ” อันโหรวเปลี่ยนเป็นน้ำเสียง ที่ค่อนข้างหวานและอ่อนโยน

มันคล้ายกับเสียงของเด็กสาวที่อายุสิบแปดปี

เสียงนี้แน่นอนต้องไม่ใช่ของอันโหรวหรือแม้กระทั่งอันอีหาน จิ่งเป่ยเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เพียงแค่น้ำเสียงนั้นยังไม่ใช่สิ่งที่่จะทำให้เขายอมแพ้ได้

“ฉันบอกว่าให้ถอดออก!” จิ่งเป่ยเฉินขมวดคิ้ว และตอกย้ำด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ดวงตาสีดำคู่นั้นของเขาเต็มไปด้วยความดื้อรั้น