บทที่ 29 ปัญหาเล็กน้อย

ในทันทีที่หลี่ชงซานตัดสินใจ สมาชิกตระกูลหลี่ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงต่างตะโกนเสียงดังกันในทันที

“ชงซาน! คิดดี ๆ ก่อน! ตอนนี้พวกเราไม่มีปัญญาพยุงบริษัทของนายจริง ๆ ถ้านายพลาดโอกาสนี้ไปมันจะไม่มีทางให้นายแก้ตัวได้อีก!”

“ตระกูลอู๋เป็นตระกูลที่ดี หากหลี่หรงแต่งงานไปอยู่กับตระกูลอู๋ อนาคตของเธอจะสดใสอย่างแน่นอน ทำไมต้องตัดสินใจแบบนี้ชงซาน?”

“ใช่! ครั้งนี้ฉันจะไม่ยอมให้อวี้ฮ่าวหรานทำให้ตระกูลของเราลำบากอีกแล้ว ฉันไม่ยอม!”

“…”

ขณะนี้แม้แต่กลุ่มคนที่เคยสนับสนุนหลี่ชงซานก็ยังพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขายอมรับข้อเสนอของอู๋หมิ่น

พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมหลี่ชงซานถึงได้ตัดสินใจตัดรอนตระกูลอู๋ขนาดนี้

“เหอะ! หลี่ชงซาน แกนี่มันไม่สนใจชะตากรรมตระกูลของตัวเองเลยจริง ๆ” เมื่อได้รับคำตอบแบบนี้ อู๋หมิ่นจึงตัดสินใจว่าเขาไม่จำเป็นต้องเล่นละครเพื่อโน้มน้าวฝั่งตรงข้ามอีกแล้ว “ฉันอยากจะรู้เหมือนกันว่าหลังจากนี้ตอนที่แกหมดตัวจนไม่มีเงินกินข้าว แกจะคลานเข่ามาอ้อนวอนฉันหรือเปล่า!”

ในตอนนี้หลี่ชงซานก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาตัดสินใจถูกหรือเปล่า แต่สิ่งที่เขาแน่ใจแน่นอนก็คือหลังจากวันนี้ไปบริษัทของเขาจะต้องล้มละลายอย่างแน่นอน และด้วยความผิดของเขารวมไปถึงหนี้ที่เขากำลังจะมีจนท่วมหัว เขาคงจะถูกขับไล่ออกจากตระกูลแน่นอน

เมื่อถึงเวลานั้นอย่าว่าแต่จะได้ใช้ชีวิตเป็นชนชั้นกลางเลย ด้วยอิทธิพลของตระกูลอู๋ แค่เขาจะเอาชีวิตรอดไปวัน ๆ ก็คงเป็นเรื่องที่ยากมากแล้ว

“พ่อ! พ่อจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ! พ่อลองคิดดูดี ๆ ก่อน! ถ้ามันไม่มีทางเลือกจริง ๆ เราก็ควร…เราก็ควร…” เมื่อเห็นการตัดสินใจของพ่อตัวเองที่เป็นแบบนี้ หลี่จิงเทียนรีบคุกเข่าลงกอดขาพ่อของตัวเองทันที แค่เขาคิดว่านับจากนี้เขาจะไม่ได้ใช้ชีวิตหรูหราอีกแล้วมันก็ทำให้เขากลัวจนแทบบ้า

โชคยังดีที่สีหน้าของหลี่ชงซานตอนนี้เคร่งเครียดเป็นอย่างมาก จนมันทำให้หลี่จิงเทียนไม่กล้าที่จะเอ่ยออกมาเต็มคำว่าเราควรให้หลี่หรงแต่งงานกับอู๋เส้าฮัว ไม่เช่นนั้นป่านนี้หลี่ชงซานคงจะความดันขึ้นไปแล้วเรียบร้อย

“เหอะ! เก็บเอาไปคิดก็แล้วกัน แต่ฉันบอกเลยว่าหลังจากนี้ต่อให้แกจะคุกเข่าอ้อนวอนฉัน ข้อตกลงของฉันคงไม่ใจดีเหมือนวันนี้แน่นอน!”

อู๋หมิ่นพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา แต่ในใจของเขายังสงบอยู่เพราะเขามั่นใจว่าหลังจากนี้หลี่ชงซานคงจะต้องมาขอร้องเขาแน่นอน และเมื่อถึงเวลานั้นเขาค่อยจัดการคิดบัญชีทีหลังก็ไม่สาย

ในเวลาเดียวกัน บรรดาสมาชิกตระกูลคนอื่น ๆ เมื่อเห็นว่าแม้แต่หลี่จิงเทียนก็ยังคุกเข่าขอร้อง ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มเดินเข้ามาใกล้หลี่ชงซาน แล้วพูดจาทั้งหว่านล้อมและคัดค้านมากกว่าเดิม ซึ่งมันทำให้หลี่ชงซานยิ่งเครียดมากขึ้น

ทางด้านของหลี่หรง เมื่อเห็นว่าพ่อของเธอถูกกดดันมากขนาดนี้ ดวงตาของเธอก็เริ่มมีน้ำตาเอ่อล้นออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ

ความเจ็บปวดนี้ที่พ่อเธอต้องแบกรับมันเป็นเพราะเธอไม่สามารถตัดใจไปแต่งงานกับคนที่เธอรังเกียจได้ เธอจะยอมให้พ่อของเธอต้องทนทุกข์แบบนี้จริง ๆ งั้นเหรอ?

ในขณะที่หลี่หรงเริ่มลังเลว่าเธอควรจะทำหน้าที่ลูกที่ดี ดีหรือไม่…

อวี้ฮ่าวหรานเดินออกไปหาหลี่ชงซานและพูดขึ้นอีกครั้ง “ลืมไปแล้วหรือไงว่าผมบอกว่าจะแก้ไขปัญหานี้ให้?”

น้ำเสียงที่หนักแน่นดังขึ้นมาอีกรอบ ซึ่งทำให้หลี่หรงโล่งใจขึ้นได้อีกรอบ

ถึงแม้ว่าสำหรับตระกูลหลี่ อิทธิพลของตระกูลอู๋นั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถต่อกรด้วยได้ แต่ในสายตาของอวี้ฮ่าวหราน ตระกูลอู๋นั้นไม่ต่างอะไรกับมดรังใหญ่ที่ไม่จำเป็นต้องให้ค่าอะไรเลย

แน่นอนว่าเมื่อได้ยินแบบนี้ ผู้คนของตระกูลหลี่ก็รู้สึกตกตะลึงอีกครั้ง แม้แต่คู่พ่อลูกตระกูลอู๋ก็ยังแสดงสีหน้าแปลกประหลาด

“นี่ไอ้เด็กคนนี้มันเสียสติไปแล้วหรือไง?”

“จนถึงป่านนี้แล้วยังทำตัวอวดดีอีกงั้นเหรอ? แกบ้าไปแล้วหรือไง!”

เมื่อหายจากอาการตกตะลึง บรรดาคนของตระกูลหลี่ก็สบถใส่อวี้ฮ่าวหรานอีกครั้งด้วยสีหน้าหงุดหงิด

พวกเขาไม่เข้าใจว่าอวี้ฮ่าวหรานเป็นบ้าอะไร ทำไมถึงได้พูดจาเพ้อเจ้อหลาย ๆ รอบติดกัน

“ฮ่าฮ่าฮ่า ช่างสมฉายาลูกเขยสวะจริง ๆ ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ยังมีอารมณ์เล่นมุกตลกอีกต่างหาก!” อู๋หมิ่นหัวเราะเสียงดัง จากนั้นเขาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าดูถูก

“หลี่ชงซานเอ๋ย หลี่ชงซาน ลูกเขยของแกนี่มันช่างไร้ค่าไร้ราคาจริง ๆ คนแบบนี้ยังไม่มีค่าพอมาขัดรองเท้าให้ลูกชายของฉันด้วยซ้ำ!”

“พ่อ! พ่อเอาไอ้สวะนี่มาเปรียบเทียบกับผมได้ยังไง? พ่อดูสารรูปของมันก่อนสิ ทั้งตัวของมันยังมีค่าไม่ถึงรองเท้าสักคู่ของผมด้วยซ้ำ!”

อู๋เส้าฮัวเอ่ยดูถูกอวี้ฮ่าวหรานขึ้นเสริมทันที ตอนนี้เขาไม่กลัวอวี้ฮ่าวหรานอีกแล้วเพราะวันนี้พ่อของเขาก็อยู่ตรงนี้ด้วย

หลี่ชงซานมองไปที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยสายตางุนงง

เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมตอนนี้เขาถึงรู้สึกปลอดภัยเมื่อมีอวี้ฮ่าวหรานอยู่ตรงหน้า

มันเหมือนกับว่าตอนนี้ลูกเขยของเขากลายเป็นภูเขาใหญ่ที่ตั้งตระหง่านพร้อมที่จะบังลมบังฝนให้กับตระกูลหลี่!

เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงรู้สึกแบบนี้ แต่มันช่างดูจริงซะเหลือเกิน!

อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ใส่ใจอะไรกับคำพูดจาดูถูกมากมายที่ถาโถมเข้ามา เขาหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาและโทรออกไปหาเฉิงกัวอัน

“…บริษัทชงซานงั้นเหรอ? อ้อ ผมได้ยินมาบ้าง ๆ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เรื่องนี้มันเรื่องเล็ก ผมจะช่วยจัดการแก้ไขปัญหาของบริษัทชงซานให้เอง อย่างมากที่สุดไม่เกิน 1 ชั่วโมงก็เรียบร้อย…”

เฉิงกัวอันเมื่อได้ยินคำร้องขอของอวี้ฮ่าวหราน เขาก็รีบตกปากรับคำว่าจะช่วยทันที

ต้องรู้ว่าในสายตาของเฉิงกัวอัน ตอนนี้อวี้ฮ่าวหรานคือบุคคลที่เขาตีค่าไว้สูงเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่เพราะอวี้ฮ่าวหรานช่วยชีวิตลูกสาวของเขา แต่ด้วยความสามารถที่เหนือมนุษย์ที่หาอุปกรณ์ดักฟังเป็นสิบตัวได้ครบทั้งหมดในเวลาเพียงชั่วครู่ แถมยังทำให้เขาได้รู้อีกต่างหากว่าแท้จริงแล้วศัตรูที่ลอบทำร้ายเขากับลูกสาวเป็นใคร

คนที่มีความสามารถขนาดนี้ เขาจำเป็นต้องซื้อใจให้ได้ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยเงินเท่าไหร่ก็ตาม

เงินหาเมื่อไหร่ก็ได้สำหรับเขา แต่คนแบบอวี้ฮ่าวหรานนั้นหาไม่ได้อีกแล้ว!

แน่นอนว่าถึงแม้ปัญหาของบริษัทชงซานจะไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แต่บริษัทของเฉิงกัวอันคือบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับต้น ๆ ของฮ่วยอัน ดังนั้นการช่วยบริษัทชงซานจึงเป็นแค่เรื่องง่าย ๆ สำหรับเฉิงกัวอัน

หลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จ อวี้ฮ่าวหรานก็เดินไปหาโซฟาที่ว่างอยู่ และนั่งลงด้วยสีหน้าสงบนิ่ง

“เป็นอะไร? หมดแรงจะยืนแล้วงั้นเหรอ เหอะ แกคิดว่าแกเป็นใครกันถึงจะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ กับอีแค่โทรศัพท์ครั้งเดียว?”

ในทันทีที่เห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานนั่งลง อู๋เส้าฮัวพูดจาดูถูกทันที

เขาคิดว่าการโทรออกไปเมื่อครู่ อวี้ฮ่าวหรานคงโดนปลายสายปฏิเสธมาจนเข่าอ่อนและต้องนั่งลง เขาไม่คิดว่าคนอย่างอวี้ฮ่าวหรานจะมีอิทธิพลพอช่วยเหลือบริษัทชงซานได้แน่นอน

ความคิดนี้ไม่ใช่แค่อู๋เส้าฮัวที่คิดคนเดียว แต่บรรดาคนของตระกูลหลี่ก็คิดแบบนี้เหมือนกัน

“อีก 1 ชั่วโมงก็รู้ว่าฉันแก้ปัญหาเล็ก ๆ นี้ได้หรือเปล่า” อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับด้วยสีหน้าสงบนิ่ง

อวี้ฮ่าวหรานไม่อยากจะเปลืองน้ำลายพูดกับอู๋เส้าฮัวให้มากนัก เพราะในสายตาของเขา อู๋เส้าฮัวคือคนที่ตายไปแล้ว มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดกับคนตาย

เขาตั้งใจว่าเมื่อพร้อมเมื่อไหร่ อู๋เส้าฮัวจะเป็นศพแรกของตระกูลอู๋ที่เขาฆ่าแน่นอน

“ถุย! 1 ชั่วโมง? แกเพ้ออะไรของแกกัน? คิดว่าฉันจะเชื่อแกงั้นเหรอไอ้สวะ!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ อู๋เส้าฮัวตะโกนโหวกเหวกด้วยความหงุดหงิด

เขารู้สึกหงุดหงิดจริง ๆ ที่ตอนนี้อวี้ฮ่าวหรานยังคงแสดงสีหน้าท่าทางราวกับว่าไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาแบบนี้!