บทที่ 28 2 ทางเลือก

หลี่ชงซานอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าหวั่นไหวเหมือนกันที่ได้ยินฝั่งตรงข้ามย้ำอีกครั้งว่าจะช่วยเหลือเขา

นี่มันต้องเป็นหลุมพรางอะไรสักอย่างแน่ ๆ ใช่ไหม?

ไม่งั้นตระกูลอู๋คงไม่ใจดีแบบนี้แน่นอน!

“บอกมาตรง ๆ ว่านายมาที่นี่ทำไมกันแน่?” หลี่ชงซานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายลงกว่าเดิมเล็กน้อย เขารู้ตัวแล้วว่าเมื่อเรื่องมันดำเนินมาถึงขั้นนี้ การที่จะโมโหใส่ฝั่งตรงข้ามต่อไปมันไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาเลย

“เฮ้อ ถ้าจะให้พูดตามตรงมันคงเป็นเพราะผมเป็นห่วงลูกชายของผมนั่นแหละ” อู๋หมิ่นถอนหายใจ และแสร้งแสดงสีหน้ากังวล “เป็นที่รู้ ๆ กันอยู่แล้วว่าลูกชายของผมนั้นค่อนข้างหัวรั้น ดังนั้นในฐานะที่ผมเป็นพ่อผมจึงจำเป็นต้องหาผู้หญิงดี ๆ สักคนมาแต่งงานกับลูกชายของผมเพื่อให้มาดูแลเขา…”

ถึงแม้ว่าคำพูดของอู๋หมิ่นจะดูดีสมฐานะที่เป็นพ่อคน แต่เมื่อคนของตระกูลหลี่ได้ยินมันกลับแสลงหูของพวกเขามาก ๆ

อู๋เส้าฮัวเนี่ยนะหัวรั้น? ลูกชายของแกน่ะมันเลวโดยสมบูรณ์ต่างหาก!

ลูกชายของแกเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าเกือบทุกวัน แล้วแกกลับบอกว่าจะหาผู้หญิงมาคอยดูแลลูกชายของแกเนี่ยนะ?

ถุย! แกพูดคำแบบนี้ออกมาได้ยังไงไม่อายปากบ้างเลยเหรอ?

แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้มันเกิดขึ้นในใจของผู้คนตระกูลหลี่เท่านั้น ไม่มีใครกล้าพูดมันออกมาจริง ๆ

“หลายปีที่แล้ว ลูกชายของผมเส้าฮัวได้ตกหลุมรักหลี่เม่ยลูกสาวของพี่หลี่ ในสายตาผมตอนนั้นผมเห็นได้อย่างชัดเจนว่าลูกชายของผมรักลูกสาวพี่จริง ๆ ซึ่งผมเองก็หวังเป็นอย่างมากที่จะให้ตระกูลของพวกเราทั้งสองได้ดองกัน แต่ท้ายที่สุดมันกลับมีขยะชิ้นหนึ่งทำให้เสียเรื่อง!”

เมื่อพูดประโยคนี้จบสายตาของอู๋หมิ่นเบนมาที่อวี้ฮ่าวหรานทันที แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนประเด็นเหมือนว่าไม่อยากจะพูดถึงประเด็นหลี่เม่ยต่อ

“ต่อมาผมเองก็นึกว่าเรื่องราวระหว่างพวกเราสองตระกูลมันจะจบลงแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ผมเพิ่งมารู้ว่าลูกชายของผมดันไปตกหลุมรักหลี่หรงเข้าให้อีก ดังนั้นในฐานะที่ผมเป็นพ่อผมจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องบากหน้ามาสู่ขอลูกสาวของพี่หลี่อีกรอบ!”

“พี่หลี่ โปรดอภัยที่ผมเสียมารยาทแบบนี้ด้วย แต่ในฐานะที่ผมเป็นพ่อผมไม่มีทางเลือกอื่นจริง ๆ!”

เมื่อได้ยินอู๋หมิ่นพูดขึ้นมาแบบนี้ ถึงแม้ว่าคำพูดมันจะดูสวยหรูและจริงใจ แต่ทุกคนในตระกูลหลี่ต่างก็รู้ดีว่าอู๋หมิ่นไม่ได้จริงใจอย่างที่ปากบอกแน่นอน

“อ้อ ที่แท้เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นเพราะเหตุผลนี้งั้นเหรอ?” หลี่ชงซานถามกลับด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

“แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เรื่องนี้…” อู๋หมิ่นเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังอย่างรวดเร็วและพูดต่อ “พี่หลี่ พี่คงเข้าใจใช่ไหมว่าวิกฤตที่บริษัทชงซานกำลังเผชิญอยู่มันไม่ใช่เล็กน้อย หากพี่หลี่อยากจะให้ตระกูลของผมช่วยจริง ๆ อย่างน้อย ๆ หลังจากเรื่องนี้จบลง หุ้นของบริษัทชงซานจะต้องโอนมาเป็นของผมครึ่งหนึ่ง! ไม่เช่นนั้นคนอื่น ๆ ในตระกูลของผมคงไม่ยอมให้ใช้เงินมหาศาลมาช่วยบริษัทชงซานเปล่า ๆ อย่างแน่นอน”

ในทันทีที่อู๋หมิ่นพูดจบ หลี่ชงซานหัวเราะเสียงดังลั่นด้วยสีหน้าเดือดดาล “ฮ่าฮ่าฮ่า ตระกูลอู๋ในที่สุดก็เผยหาง!”

ตระกูลอู๋ไม่เพียงแต่จะต้องการลูกสาวของเขา แต่ยังต้องการหุ้นของบริษัทเขา 50% อีกต่างหาก!

“พี่หลี่ พี่ลองคิดดูดี ๆ นา หากพี่ปฏิเสธเงื่อนไขของผม บริษัทของพี่มันจะหายไปแน่นอนในเวลาไม่เกิน 1 อาทิตย์ ซึ่งหลังจากนั้นพี่จะทำยังไงต่อเมื่อไม่สามารถจุนเจือตระกูลได้แล้ว? แต่ถ้าพี่ตกลงอย่างน้อย ๆ บริษัทของพี่ก็ยังคงอยู่ ผมให้สัญญาว่าผมจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการบริหารงานในบริษัทพี่มากหรอก” อู๋หมิ่นพูดขึ้นด้วยสีหน้า และท่าทางจริงใจเพื่อโน้มน้าวหลี่ชงซาน

ทางด้านของหลี่ชงซานเมื่อได้ยินเช่นนี้เขาก็รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก แต่ในใจลึก ๆ ของเขานั้นรู้ดีว่าหากเขาอยากจะรอดจากวิกฤตนี้มันคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมตกลง

ตอนนี้ในตระกูลหลี่ของเขาไม่เป็นปึกแผ่นกันเลย หากเขาเสียบริษัทไปจริง ๆ มันไม่ใช่แค่ว่าบริษัทที่เขาสร้างมาทั้งชีวิตจะหายไป แต่มันรวมไปถึงว่าเขาต้องเป็นหนี้ก้อนโต

เมื่อถึงเวลานั้นอย่าว่าแต่กลับมาผงาดอีกครั้ง ด้วยการที่โดนตระกูลอู๋คอยจองล้างจองผลาญ แม้แต่การหางานทำเพื่อซื้อข้าวประทังชีพมันก็คงจะยาก

อย่างไรก็ตามเงื่อนไขมันไม่ได้มีเพียงแค่แบ่งหุ้นให้ 50% กับตระกูลอู๋ แต่เขายังต้องส่งตัวลูกสาวของตัวเองไปแต่งงานกับอู๋เส้าฮัวอีก

เขาเองรู้สันดานของอู๋เส้าฮัวเป็นอย่างดีว่าเลวร้ายแค่ไหน การส่งลูกสาวของตัวเองไปแต่งงานกับคนแบบนั้นมันไม่ต่างอะไรกับการผลักลูกสาวของตัวเองไปลงนรก ดังนั้นเขาจะยอมได้ยังไง!

เขาไม่ใช่เดรัจฉานที่ยอมฆ่าลูกตัวเองเพื่อความอยู่รอด!

แต่ถ้าไม่ทำแบบนั้นตระกูลของเขาคงกลายเป็นขอทานกันหมดในที่สุดใช่ไหม?

หลี่ชงซานไม่รู้ว่าจะเลือกทางไหนดี เพราะทั้งสองทางต่างสำคัญไม่แพ้กันทั้งคู่…

“เฮ้อ…หลี่หรง ลูกตัดสินใจก็แล้วกัน ตอนนี้ลูกเองก็โตแล้ว ไม่ว่าลูกจะตัดสินใจยังไงพ่อยินดีที่จะยอมรับมัน!”

จู่ ๆ หลี่ชงซานก็รู้สึกเหนื่อยล้าจากเรื่องทั้งหมดนี้ที่เกิดขึ้น และยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่อยากจะทำร้ายลูกสาวของตัวเอง ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้ลูกสาวของเขากำหนดชะตาชีวิตของเธอเอง

เมื่อทุกคนได้ยินหลี่ชงซานพูดขึ้นแบบนี้ สายตาของทุกคนก็เบนไปที่หลี่หรง

“หนู…” เมื่อเผชิญกับสายตาของทุกคน หลี่หรงพูดไม่ออก ในใจของเธออยากจะตะโกนร้องปฏิเสธแต่เธอรู้ดีว่าต่อให้เธอปฏิเสธไปเรื่องมันก็ไม่จบอยู่ดี

หลังจากนี้เมื่อบริษัทชงซานล้มละลาย ผู้คนของตระกูลหลี่จะต้องอาฆาตพ่อของเธอเป็นอย่างมาก ส่วนบริษัทของเธอเองก็คงจะโดนตระกูลอู๋บดขยี้ในเวลาอีกไม่นาน

ทำไมชะตาชีวิตของเธอมันถึงได้อาภัพขนาดนี้กัน?

หลี่หรงยืนตัวสั่นเพราะความสิ้นหวัง และโกรธที่ตัวเองไร้อำนาจ

อย่างไรก็ตามในขณะที่หลี่หรงและหลี่ชงซานกำลังสิ้นหวังอยู่นั้น จู่ ๆ ชายที่ทุกคนหลงลืมก็ก้าวออกมา

“นับจากนี้พี่จะดูแลเธอเอง เธอไม่จำเป็นต้องตัดสินใจอะไรทั้งนั้น” อวี้ฮ่าวหรานพูดขึ้นต่อหน้าทุกคน พร้อมกับจับมือของหลี่หรงเอาไว้แน่นเพื่อทำให้เธอสบายใจ

หลี่หรงมองไปที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยสีหน้าตกตะลึง

ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะไม่เชื่อว่าอวี้ฮ่าวหรานจะแก้ไขปัญหาของบริษัทพ่อเธอได้ แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินเขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังแบบนี้รวมไปถึงมืออันอบอุ่นของเขาที่กุมมือเธอเอาไว้ มันทำให้เธอลืมเหตุผลทุกอย่างไปจนหมด

‘นับจากนี้พี่จะดูแลเธอเอง’

คำคำนี้มันดังก้องอยู่ในหัวใจของเธอจนเธอเริ่มเบลอ

แถมมันยังส่งผลให้ในใจของเธอตอนนี้เริ่มเกิดความรู้สึกแปลก ๆ

‘ถ้าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่พี่เขยของเธอ เธอจะ…’

ในเวลาเดียวกัน หลังจากที่อวี้ฮ่าวหรานพูดประโยคนั้นออกไป บรรยากาศในห้องโถงก็เปลี่ยนกลับมาเป็นอื้ออึงอีกรอบ

ทุกคนต่างไม่เข้าใจว่าอวี้ฮ่าวหรานไปเอาความมั่นใจบ้า ๆ บอ ๆ แบบนี้มาจากไหน?

นี่ชายคนนี้สมองเพี้ยนถึงขนาดไม่กลัวตายแล้วงั้นเหรอ?

“หรงเอ๋อ นี่คือการตัดสินใจของลูกรึเปล่า?” ถึงแม้ว่าหลี่ชงซานจะรู้สึกตกตะลึง และประทับใจกับความกล้าของอวี้ฮ่าวหรานอยู่บ้าง แต่ท้ายที่สุดการตัดสินใจสุดท้ายมันก็ยังคงอยู่กับหลี่หรงอยู่ดี

หลี่หรงได้สติทันทีเมื่อได้ยินพ่อของเธอถามขึ้น เธอขมวดคิ้วคิดอยู่นานแต่จนแล้วจนรอดเธอก็ยังไม่พูดอะไรออกมาอยู่ดี

บรรดาสมาชิกตระกูลหลี่เมื่อได้เห็นภาพนี้พวกเขาก็ยิ่งตกตะลึงไปกันใหญ่

ไอ้อวี้ฮ่าวหรานมันมีอะไรดี?

ไม่เพียงแต่มันจะครองใจหลี่เม่ย แต่ตอนนี้หลี่หรงกลับดูเหมือนยินดีให้มันดูแลอีกงั้นเหรอ?

เป็นไปได้ไหมว่ามันใส่ยาเสน่ห์เข้าไปในข้าวแล้วให้หลี่หรงกินก่อนมาที่นี่?

“สวะอย่างแกมีสิทธิ์อะไรมาพูดที่นี่!?”

ไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ ที่กำลังงุนงง อู๋เส้าฮัวตะโกนขึ้นเสียงดังลั่นด้วยความโมโหสุดขีดทันที

ไอ้เวรอวี้ฮ่าวหรานมันเอาอีกแล้วงั้นเหรอ! ก่อนหน้านี้มันก็แย่งหลี่เม่ยไปจากฉันผู้นี้ แล้วตอนนี้มันยังจะมาแย่งหลี่หรงไปอีกงั้นเหรอ!

“เส้าฮัว พ่อเคยสอนอะไรไปแกจำไม่ได้แล้วหรือไง! พวกเราที่เป็นคนชนชั้นสูงไม่ควรลดตัวลงไปพูดคุยกับชนชั้นสวะ เพราะมันจะทำให้เราต้องแปดเปื้อนไปด้วยแกเข้าใจไหม!” อู๋หมิ่นตำหนิลูกชายของเขาเสียงดัง แต่สายตาของเขากลับจ้องไปที่อวี้ฮ่าวหรานอย่างดูถูก

เมื่ออู๋เส้าฮัวได้ยินแบบนี้เขารีบพยักหน้าทันทีอย่างว่าง่าย “เข้าใจแล้วครับพ่อ! งั้นเอาไว้ในอนาคตผมจะจัดการกับไอ้สวะนี่อย่างเหมาะสมเอง!”

ในทางกลับกัน ทางด้านของหลี่ชงซานเมื่อเห็นเช่นนี้เขาก็ได้แต่ถอนหายใจ จากนั้นเขากำหมัดพร้อมกับแสดงสีหน้าเด็ดเดี่ยวราวกับว่าเขาตัดสินใจได้แล้ว

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ อู๋หมิ่นพวกคุณกลับไปซะ ตระกูลหลี่ของผมไม่ตกลงกับคุณ!”