บทที่ 27 ผมจะช่วยเอง

“เกิดอะไรขึ้น?”

เมื่อเห็นสีหน้าที่สิ้นหวังของหลี่ชงซาน อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น

ไม่ว่ายังไงฝั่งตรงข้ามก็เป็นพ่อตาของเขา และถึงแม้ว่าพ่อตาคนนี้จะไม่ชอบขี้หน้าเขาเอามาก ๆ เมื่อก่อนนี้ แต่พ่อตาคนนี้ก็ไม่เคยทำอะไรรุนแรงต่อเขากับหลี่เม่ยเลยสักครั้ง

เมื่อเห็นว่าลูกเขยที่เพิ่งช่วยชีวิตของเขาเอาไว้เอ่ยถามขึ้น หลี่ชงซานก็ถอนหายใจยาว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีหวังอะไรสักเท่าไหร่แต่เขาก็ยังอธิบายให้อวี้ฮ่าวหรานฟัง

“นายควรจะรู้เอาไว้ว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นเพราะนาย การที่หลี่เม่ยไม่ยอมแต่งงานกับอู๋เส้าฮัวในตอนนั้นมันทำให้ตระกูลอู๋ไม่พอใจเรามาโดยตลอด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่นายตกหน้าผาไป ในเวลานั้นตระกูลอู๋ก็พยายามบังคับให้หลี่เม่ยแต่งงานกับอู๋เส้าฮัวอีกรอบ แต่จู่ ๆ หลี่เม่ยก็หายตัวไป ฉันก็คิดว่าตระกูลอู๋คงน่าจะถอดใจไปแล้ว”

หลี่ชงซานหยุดพูดกลางคันเพื่อถอนหายใจ

“แต่แล้วพอมาถึงตอนนี้ ฉันไม่คิดเลยว่าตระกูลอู๋จะยังคงผูกใจเจ็บ ใช้อิทธิพลของตระกูลกดดันให้บริษัทคู่ค้าทั้งหมดยกเลิกสัญญากับบริษัทของฉัน และนั่นทำให้สภาพคล่องของบริษัทกลายเป็นอยู่ในสภาวะวิกฤตทันที”

“ที่ผ่านมาตระกูลอู๋มีอิทธิพลมากกว่าเราอยู่แล้วในทุก ๆ ด้าน ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย”

หลังจากพูดจบหลี่ชงซานถอนหายใจยาวอีกรอบ พลางคิดในใจว่าหากลูกชายของเขาช่วยแบ่งเบาภาระให้เขาได้บ้างก็คงจะดี

แต่ทุกวันนี้ลูกชายของเขาวัน ๆ กลับไม่ทำอะไร เอาแต่เที่ยวเล่นและสร้างปัญหาไปทั่ว ส่วนพวกคนรุ่นหลังในตระกูลก็ไม่มีใครสักคนที่ดูมีความสามารถหรือไว้ใจได้

และไม่ต้องพูดถึงอวี้ฮ่าวหราน ถึงแม้ว่าจะเพิ่งช่วยชีวิตของเขาไปหยก ๆ แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น ซึ่งเขายังคงวางใจอะไรกับอวี้ฮ่าวหรานไม่ได้

“เรื่องวันนี้มันน่าจะเป็นเพราะอู๋เส้าฮัวนั่นแหละ”

หลังจากฟังจนจบอวี้ฮ่าวหรานก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ามั่นใจ

“อู๋เส้าฮัว? เป็นเพราะเด็กคนนั้นงั้นเหรอ? นี่นายรู้ได้ยังไง?”

หลี่ชงซานรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากที่เห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานพูดขึ้นอย่างมั่นใจมากว่ามันเป็นเพราะอู๋เส้าฮัว สิ่งนี้มันทำให้เขามีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย

แต่แล้วเมื่อเขามาคิดไตร่ตรองดูเองเรื่องนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะอู๋เส้าฮัวผูกใจเจ็บอยู่แล้วกับตระกูลของเขา แต่ทำไมต้องเป็นเวลานี้? แล้วอวี้ฮ่าวหรานรู้ได้ยังไง? แต่ก็ช่างเถอะ ต่อให้รู้ไปมันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา

“ช่างเถอะ ๆ ฉัน…” หลี่ชงซานส่ายหัวพลางถอนหายใจ

แต่ก่อนที่หลี่ชงซานจะทันได้พูดจบประโยค อวี้ฮ่าวหรานก็เอ่ยขึ้นแทรก

“เดี๋ยวผมช่วยก็แล้วกัน”

สีหน้าของอวี้ฮ่าวหรานในขณะที่พูดประโยคนี้ขึ้นนั้นสงบนิ่งเป็นอย่างมาก

“หะ?”

“เดี๋ยวนะ เมื่อกี้นายพูดว่ายังไงนะฉันฟังไม่ชัด?”

หลี่ชงซานรู้สึกงุนงง และเข้าใจไปว่าตัวเองหูฝาด

“ผมพูดว่าผมจะช่วยเอง!” อวี้ฮ่าวหรานพูดย้ำขึ้นอีกรอบ แต่รอบนี้เขาพูดเสียงดังฟังชัดแต่ยังคงแสดงสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเดิม

หลังจากอวี้ฮ่าวหรานพูดจบประโยค ผู้คนของตระกูลหลี่ต่างอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง

แต่แล้วเมื่อทุกคนได้สติหลายคนก็เริ่มระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

“ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าวหราน ถึงแม้ว่านายจะมีทักษะการแพทย์ที่เก่งกาจ แต่ปัญหาของบริษัทชงซานมันแก้ไม่ได้ง่าย ๆ เหมือนกรอกยาเข้าปากคนไข้หรอกนะ!”

“ฮ่าวหราน ฉันรู้ว่านายอยากทำให้พวกเราประทับใจ แต่การพูดเรื่องที่นายทำไม่ได้จริงออกมามันไม่ได้ทำให้ใครประทับใจหรอกนะ ฮ่าฮ่าฮ่า”

“โธ่ ๆ ไอ้ฉันก็นึกว่านายจะฉลาดขึ้นบ้างแล้วแท้ ๆ แต่กลับกลายเป็นว่านายยังสติไม่สมประกอบเหมือนเดิม!”

“…”

คำพูดต่าง ๆ นานาของแต่ละคนที่มีทัศนคติต่ออวี้ฮ่าวหรานแตกต่างกันไปต่างพรั่งพรูออกมาเรื่อย ๆ

ไม่มีใครคิดว่าอวี้ฮ่าวหรานจะสามารถแก้ปัญหาของบริษัทชงซานได้ เพราะปัญหานี้มันจำเป็นต้องมีบริษัทใหญ่อันดับต้น ๆ ของเมืองฮ่วยอันช่วยเหลือ และบริษัทนั้นจะต้องไม่กลัวที่จะขัดแย้งกับตระกูลอู๋อีกต่างหาก

อย่างไรก็ตามในระหว่างที่คนของตระกูลหลี่กำลังหัวเราะเยาะอวี้ฮ่าวหรานอยู่นั้น จู่ ๆ แขกที่ไม่ได้รับเชิญกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องโถงพร้อมกับทักทายขึ้นเสียงดังว่า “ทุกคนรู้สึกเป็นยังไงบ้างกับเรื่องเมื่อวาน?”

ด้วยคำทักทายแบบนี้ทุกคนของตระกูลหลี่ไม่จำเป็นต้องเดาก็รู้ว่าผู้ที่มาใหม่นั้นคือคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์โจมตีบริษัทชงซานเมื่อวาน

ผู้นำกลุ่มที่มาใหม่ไม่ใช่ใครอื่น เขาคืออู๋หมิ่นผู้นำคนปัจจุบันของตระกูลอู๋!

และกลุ่มคนที่ตามเขามาด้วยนั่นคือลูกชายของเขาอู๋เส้าฮัว และบอดี้การ์ดร่างกำยำอีกหลายคน

คู่พ่อลูกตระกูลอู๋เดินเข้ามาในห้องโถงบ้านตระกูลหลี่ด้วยสีหน้าหยิ่งผยอง เพราะวันนี้เขามาที่นี่เพื่อประกาศชัยชนะของตัวเอง!

เมื่อเห็นว่าผู้ที่มาใหม่คืออู๋หมิ่น บรรดาผู้คนของตระกูลหลี่ทั้งหมดต่างเงียบเสียงลง

ไม่มีใครคิดที่จะหัวเราะใส่ใครอีกแล้ว เมื่อเผชิญกับตระกูลอู๋ที่แข็งแกร่งกว่า ทุกคนต่างรู้สึกกดดันเหมือนถูกภูเขาทั้งลูกกดทับ

อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ทุกคนเงียบกันหมด ผู้ที่เป็นผู้นำตระกูลอย่างหลี่ชงซานนั้นรับไม่ได้ที่ตระกูลอู๋บังอาจเข้ามาที่บ้านของเขาเพื่อเหยียบย่ำเกียรติของเขาแบบนี้ เขาลุกขึ้นและตะโกนเพื่อเผชิญหน้าทันที

“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตระกูลหลี่มันก็ไม่ใช่เรื่องของตระกูลอู๋ และตระกูลหลี่ของฉันไม่ต้อนรับพวกนาย เชิญออกไปเดี๋ยวนี้!”

“ฮ่าฮ่า ใจเย็นก่อนสิพี่หลี่ ให้ฉันได้อธิบายก่อน” อู๋หมิ่นยิ้มกว้างเมื่อได้เห็นสีหน้าที่ดูไม่ได้ของหลี่ชงซาน “ที่ฉันมาที่นี่ก็เพราะว่าฉันรู้ว่าตอนนี้บริษัทชงซานกำลังลำบาก ฉันแค่มาเพื่อหวังว่าจะช่วยอะไรได้ก็แค่นั้น…”

“เหอะ! อย่ามาทำเป็นพูดดีหน่อยเลย ฉันรู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นเพราะตระกูลของนาย ถึงแม้ว่าครั้งนี้นายจะชนะฉัน แต่ตราบใดที่ฉันหลี่ชงซานยังไม่ตาย ฉันมั่นใจว่าฉันจะสามารถกลับมาผงาดได้ในสักวัน!” หลี่ชงซานพยายามพูดขึ้นด้วยสีหน้าดุดัน แต่น้ำเสียงที่เขาพูดออกมามันกลับแฝงไปด้วยความหดหู่

“เฮ้ ๆ พี่หลี่พูดแบบนี้ได้ยังไงกัน มันจะเป็นเพราะตระกูลของฉันได้ยังไง เมื่อกี้พี่หลี่ไม่ได้ยินเหรอที่ฉันบอกว่าฉันมาที่นี่เพื่อช่วยพี่?” ถึงแม้ว่าจะถูกหลี่ชงซานมองด้วยสายตาเย็นชา แต่อู๋หมิ่นก็ยังตอบกลับด้วยสีหน้าเบิกบานดูไม่โกรธเคืองอะไรเลยสักนิด

อย่างไรก็ตามเมื่อทุกคนของตระกูลหลี่ได้ยินอีกรอบว่าอู๋หมิ่นมาที่นี่เพื่อช่วยหลี่ชงซานจริง ๆ ทุกคนก็เริ่มลังเลว่านี่มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?