เธอยุ่งมาก ยุ่งอย่างยิ่ง

ใบหน้าหล่อเหลาของเยี่ยนเฉินเคร่งตึงกล่าวเตือนเธอ ให้เธออยู่ห่างจากหลานไว่หูตัวน้อย อย่าเล่นเล่ห์กับเด็กน้อยไร้เดียงสาคนนี้ หากเธอเล่นเล่ห์อะไร เขาเยี่ยนเฉินที่เป็นอันดับหนึ่งคนนี้จะไม่ยกโทษให้เธอ…พล่ามอะไรทำนองนี้

กู้ซีจิ่วฟังเขาพล่ามจนจบ ก็ยิ้มหวานตอบไปประโยคเดียวว่า “เดิมทีข้าก็ไม่มีความคิดที่จะเล่นเล่ห์กับนางหรอก แต่พอได้ยินเจ้าพูดเช่นนี้ ข้าก็รู้สึกว่าถ้าไม่เล่นเล่ห์กับนางสักครั้งคงจะผิดต่อตนเอง”

เยี่ยนเฉินโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง

กู้ซีจิ่วชมสีหน้าเขียวคล้ำของเขาอย่างเพลิดเพลิน จากนั้นก็เตือนเขาอย่างมีเมตตา “เจ้าสามารถทำให้จิ้งจอกน้อยของเจ้าระวังข้า อยู่ห่างจากข้าได้นะ”

ด้วยเหตุนี้เยี่ยนเฉินจึงถลึงตามองเธอแวบหนึ่ง แล้วหันมาเรียกหลานไว่หูออกไป…

หลักจากนั้น พอแม่นางน้อยกลับมาอีกครั้ง ก็มองเธอด้วยสีหน้าตื่นตัว ระวังเธอปานระวังโจร

กู้ซีจิ่วก็คร้านจะสนใจนางเช่นกัน หลังจาเข้าชั้นเรียนเมฆาคล้อยเธอก็ยุ่งวุ่นวายสารพัด

ถึงแม้ชั้นเรียนเมฆาคล้อยจะเป็นชั้นเรียนบ๊วย แต่อาจารย์ก็ยังคงสอนอย่างเข้มงวดยิ่ง บทเรียนที่ถ่ายทอดก็ละเอียดมากเช่นกัน

นับแต่กู้ซีจิ่วทะลุมิติมา ถึงแม้จะเรียนรู้หลายอย่างคละเคล้ากันมาบ้าง แต่ล้วนเป็นการเรียนแบบนู้นนิดนี่หน่อย ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ แถมยังขาดโลกทัศน์อีกด้วย เรียนอย่างสับสนอลหม่าน

อาจารย์ของที่นี่ถึงแม้วิชายาวิชาพิษจะสู้กู้ซีจิ่วไม่ได้ แต่ความสำเร็จในด้านอื่นๆ ก็ยังคงเยี่ยมยอดมาก อย่างเช่นวิชาผสมผสานหรือคลี่คลายวิชายุทธ์ต่างๆ ของแต่ละสำนักเอย วิชากระบี่เอย เคล็ดวิธีฝึกฝนรากฐานวิญญาณธาตุต่างๆ เอย…

ถึงแม้ในตำราที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มอบให้เธอก็มีบรรยายไว้เช่นกัน แต่สุดท้ายแล้วก็สู้หลักสูตรเฉพาะทางที่อาจารย์ของที่นี่บรรยายไม่ได้

หลังจากได้ฟังบทเรียนต่อเนื่องกันหลายบทกู้ซีจิ่วก็รู้สึกเหมือนพบทางสว่าง

เนื่องจากเธอมาช้าเกินไป จึงมีความรู้มากมายที่เธอต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง ผนวกกับยังต้องไปให้อาหารเจ้าสามตัวนั้นด้วย และไปหลอมยาหาเงินบ้างเป็นครั้งคราว แล้วยังถูกเชียนหลิงอวี่ลากไปทำภารกิจพิสดารอีก…

ดังนั้นหลายวันที่ผ่านมานี้ เธอยุ่งมาก ยุ่งอย่างยิ่ง

ยุ่งจนไม่มีเวลามาสนใจเพื่อนร่วมเรือนที่ระแวดระวังเธอคนนั้น…

จวบจนอาศัยอยู่ร่วมกันมาสามวันแล้ว มีอยู่วันหนึ่งกู้ซีจิ่วกำลังฝึกยุทธ์อยู่ในห้อง ก็ได้ยินเสียงครวญคราง เริ่กแรกเธอไม่ได้สนใจอะไร แต่เสียงครวญครางนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ ปนด้วยเสียงร้องไห้สะอึกอื้น

กู้ซีจิ่วหนวกหูจนฝึกยุทธ์ต่อไม่ได้ ทำได้เพียงไปดู

แต่จิ้งจอกน้อยผู้นั้นเหมือนจะลงกลอนประตูเฉกเช่นที่ผ่านมา กู้ซีจิ่วจึงไปเคาะหน้าต่างนาง ให้นางเบาเสียงร้องไห้ลงหน่อย อย่ารบกวนเพื่อนบ้าน

ผลคือหลานไว่หูร้องไห้ดังกว่าเดิม ร้องไห้พลางบอกว่านางจะตายแล้ว ปวดท้องเหลือเกิน…

นางร้องไห้ดั่งสายพิรุณต้องดอกหลี่ (ดอกแพร์) แถมยังไม่ยอมเปิดประตูให้กู้ซีจิ่ว

กู้ซีจิ่วยอมแพ้ เคลื่อนย้ายไปถีบประตูเรือนของเยี่ยนเฉินที่อยู่ห่างออกไปสองลี้ เตะเขาขึ้นมา บอกเขาว่าสหายร่วมบ้านเกิดตัวน้อยของเขาปวดท้อง ให้เขารีบไปเชิญหมอมา

เยี่ยนเฉินมีสีหน้าระแวง ปฏิกิริยาแรกคือเอ่ยถามประโยคหนึ่งว่า “เจ้าทำอะไรนาง?”

กู้ซีจิ่วโมโหแล้ว ตอบโต้เขาทันที “เจ้าจะทำหน้าเหมือนถูกสวมเขาเช่นนี้ไปทำไม เจ้าคงไม่ถึงขั้นคิดว่าข้าจะทำอะไรนางอยู่ตลอดเวลากระมัง?!”

เยี่ยนเฉินถูกประโยคเดียวตอกกลับจนใบหน้าหล่อเหลาเขียวคล้ำ สายตาที่มองกู้ซีจิ่วคล้ายมองสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง

กู้ซีจิ่วคร้านจะสนใจเขาแล้ว พอพูดจบก็ใช้วิชาเคลื่อนย้ายกลับมาทันที

เธอล้างหน้าบ้วนปากเล็กน้อยเลิกผ้าห่มออกเตรียมจะนอนหลับ ผลคือได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นแว่วมาจากห้องนอนของแม่นางน้อย “ข้าจะตายแล้ว ฮือๆ ทำยังไงดี? ปวดท้องเหลือเกิน เลือดไหลเต็มไปหมด…”

กู้ซีจิ่วที่เลิกผ้าห่มอยู่ชะงักไปครู่หนึ่ง อดไม่ได้ที่จะกุมขมับ พลันถีบประตูห้องแม่นางน้อยให้เปิดออก แล้วเดินเข้าไป

ที่แท้แม่นางน้อยก็มีประจำเดือน แถมยังเป็นประจำเดือนครั้งแรกเสียด้วย…

พลังวิญญาณของแม่นางน้อยไม่ต่ำเลย แต่เห็นได้ชัดว่าไม่เคยเรียนสุขศึกษา ทั้งยังไม่มีใครสอนนางด้วย นางจึงไม่ทราบ