เจ้ามีอคติต่อนาง อคติล้ำลึกยิ่ง!

ชาติก่อนเธอก็เคยป่วยเพราะมีประจำเดือน หลังจากเรียนวิชาแพทย์งานวิจัยชิ้นแรกของเธอก็คือการเอาชนะประจำเดือน ดังนั้นจึงรักษาอาการป่วยนี้ได้ง่ายดายนัก

เมื่อเยี่ยนเฉินพาหมอตามมาถึง หลานไว่หูก็ไม่ปวดแล้ว อีกทั้งด้วยการชี้แนะของกู้ซีจิ่ว จึงทราบแล้วว่าต้องจัดการอย่างไร

และหลังจากผ่านวิกฤตนี้ไป ท่าทีที่หลานไว่หูมีต่อกู้ซีจิ่วก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ตามติดเธอต้อยๆ พอเห็นเธอก็ยิ้มหน้าบานปานดอกทานตะวัน ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงได้รับเพื่อนร่วมชั้นตัวน้อยมาหนึ่งคน

แน่นอนว่าเยี่ยนเฉินผู้นั้นก็ยังคงระแวดระวังกู้ซีจิ่วอย่างเหนียวแน่น เมื่อเห็นสหายร่วมบ้านเกิดของตนวนเวียนอยู่รอบตัวกู้ซีจิ่วย่อมขัดหูขัดตา เคยลากจิ้งจอกน้อยตัวนี้ไปอบรมอยู่นานสองนาน ผลคือหลานไว่หูที่เชื่อฟังเขามาโยตลอดต่อต้านเขาเป็นครั้งแรก

กู้ซีจิ่วเห็นฉากสนทนานั้นเข้าพอดี ยามนั้นแม่นางน้อยมีสีหน้าดื้อดึงพลางเอ่ยว่า “ข้าไม่เอา ซีจิ่วดีมาก เจ้ามีอคติต่อนาง อคติล้ำลึกยิ่ง! นางไม่ทำร้ายข้าแน่นอน แถมยังรักษาอาการป่วยของข้าอีก…”

เหยียนเฉินโมโห “เจ้าจะไปรู้อะไร นางเสแสร้งเก่งจะตาย เจ้าไร้เดียงสาเกินไป ต่อให้นำเจ้ามัดรวมกันห้าสิบคนก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของนาง พอถึงเวลาเจ้าถูกนางขายแล้วก็คงช่วยนางนับเงินอีก!”

พอกล่าวประโยคนี้จบ เขาก็เห็นกู้ซีจิ่วเดินเข้ามา…

กู้ซีจิ่วไม่สนใจเขา เรียกหลานไว่หูโดยตรง “จิ้งจอกน้อย อยากไปล่าสัตว์กับข้าไหม? จะได้มีเนื้อย่างกินตอนเย็น”

ด้วยเหตุนี้หลานไว่หูจึงร้องไชโยแล้ววิ่งตามกู้ซีจิ่วไป ทิ้งเยี่ยนเฉินไว้ตรงนั้นกับสายลมฤดูใบไม้ร่วงที่แสนวังเวง

อันที่จริงพลังวิญญาณของหลานไวหู่ก็ไม่ต่ำต้อย พลังวิญญาณแรกเริ่มคือขั้นหกตอนกลาง แถมยังรากวิญญาณเดี่ยวหายาก ไม่ว่ากระบวนท่าใดก็เรียนรู้ได้เร็วมาก

เดิมทีกู่ฉานโม่เห็นว่าเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีแน่นอน จัดให้อยู่ชั้นเรียนเมฆาม่วง แต่หลังจากนางอยู่ในชั้นเรียนเมฆาม่วงได้สามเดือน ไม่รู้ว่าอาจารย์สอนไม่ได้เรื่อง หรือเป็นเพราะนางไม่มีประสาทสัมผัสด้านวิชายุทธ์ตั้งแต่เกิด ถึงแม้นางจะเรียนรู้กระบวนได้มากมาย แต่นางก็ไม่รู้ว่าต้องใช้ออกมายามใด…

ก็เหมือนกับการมอบไอดีเกมเลเวลสูงให้มือใหม่ที่เพิ่งหัดเล่น พยายามแค่ไหนก็ฝีมือขั้นสูงออกมาไม่ได้

ทุกครั้งที่ลงมือจะแสดงกระบวนยิ่งใหญ่ทั้งหมดออกไปไม่ว่าจะเหมาสมหรือไม่ก็ตาม…

การสอนของอาจารย์ในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์มิใช่แค่บรรยายในห้องเรียนอย่างเดียว ให้ความสำคัญกับภาคปฏิบัติมาก มักจะให้เหล่าศิษย์จับกลุ่มสู้กันอยู่บ่อยครั้ง อาศัยสิ่งนี้มาทดสอบระดับความเข้าใจที่มีต่อกระบวนท่าใหม่ๆ

จับกลุ่มสู้เช่นนี้ย่อมต้องมีการวางกลยุทธ์ภายใน เน้นออกกระบวนท่าสอดประสานกัน

ผลคือผู้ใดจับกลุ่มกับหลานไว่หูผู้นั้นพบโศกนาฏกรรม สาวน้อยไม่รู้วิธีประสานกับเพื่อนร่วมกลุ่ม ยิ่งไม่รู้อีกว่าควรออกกระบวนท่าไหนยามใด

บ่อยครั้งที่เพื่อนร่วมกลุ่มใช้วิชายุทธ์ธาตุไฟออกมา นางกลับใช้น้ำสายหนึ่งทำให้ดับมอด…

สุดท้ายก็ถูกอีกกลุ่มบดขยี้…

ผลัดเช่นนี้อยู่สามครั้ง ไม่มีผู้ใดยอมจับกลุ่มกับนางอีกต่อไป นางเข้ามาก่อนกู้ซีจิ่วครึ่งปี เคยเป็นนักเรียนใหม่ของชั้นเรียนเมฆาม่วง

ถึงแม้เยี่ยนเฉินจะต้องการปกป้องนาง แต่ไม่ได้อยู่ชั้นเรียนเดียวกันเขาก็ทำได้เพียงอาศัยบารมีเขาปกป้องนางไม่ได้ถูกเพื่อนร่วมชั้นรังแกเท่านั้น อย่างอื่นก็ควบคุมไม่ได้แล้ว

หลังจากเยี่ยนเฉินทราบว่านางตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็เคยสอนเพิ่มเติมให้นาง อยากทำให้นางจำได้ว่าต้องประสานกับเพื่อนร่วมกลุ่มอย่างไร แต่อย่างไรเสียในการฝึกภาคปฏิบัติก็ชั่วพริบตาก็มีการเปลี่ยนแปลงนับพัน กระบวนท่าส่วนใหญ่ต้องใช้ออกไปตามสถานการณ์

เมื่อเยี่ยนเฉินสอนวิธีประสานเช่นนี้ให้นาง ผลคืออีกฝ่ายแสงกระบวนท่าอื่นออกมา หลังจากหลานไว่หูลงสนามก็มือไม้สับสนวุ่นวายเช่นเคย ถ่วงแข้งถ่วงขาคนทั้งทีม

ชั้นเรียนเมฆาม่วงเป็นชั้นเรียนที่ไปไวมาก ล้วนเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ เพิ่มนางเข้าไปสักคนออกจะไม่เข้าท่านัก ทุกคนล้วนยุ่งมาก ไม่มีใครยินดีจะนำพานาง

ไปๆ มาๆ อยู่เช่นนี้ ในที่สุดกู่ฉานโม่ก็หมดหวัง รู้สึกว่าในสายวิชายุทธ์สาวน้อยผู้นี้คงจะเป็นไม้ผุที่ไม่สลักเสลาได้