ตอนที่ 14 ความเป็นปรปักษ์

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

“พวกเราเองก็มีดีไม่ด้อยไปกว่าผู้ใด ถ้าอยากจะร่วมมือกันจริงๆ พวกเจ้าเองก็ควรจะแสดงให้เห็นว่าพวกเจ้ามีดีอะไรบ้าง”

เสียงที่เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามดังมาจากกลุ่มคนในกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนที่อยู่ด้านหลังชื่อเซียว

เมื่อหลินจิ้งหงได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเขาก็เย็นชาขึ้นมาทันที รอยยิ้มที่เคยประดับใบหน้าอยู่เป็นนิตย์หายไปหมดสิ้น ก่อนใบหน้าอันหล่อเหลาของคุณชายแสนสุภาพจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวอย่างขุ่นเคือง ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเองก็ได้ยินเสียงนั้นด้วยเช่นกัน

แม้ว่าสีหน้าของหานโม่ฉือจะไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ทว่าฉินอวี้โม่ที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักก็สัมผัสได้ว่าความรู้สึกอันแสนเย็นยะเยือกจากตัวเขาเพิ่มความรุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ถึงแม้อดีตนักฆ่าสาวในร่างคุณหนูผู้งดงามจะยืนอยู่ถัดจากหานโม่ฉือ แต่นางก็มั่นใจว่าตนเองอยู่ห่างจากมนุษย์น้ำแข็งร่างยักษ์พอสมควร  ทว่าไม่ใช่แค่เพียงรับรู้ได้ถึงความหนาวเย็นที่แพร่ออกมาเท่านั้น แต่ความเย็นนั่นยังทำให้ร่างบางของนางถึงกับสั่นสะท้านขึ้นมาได้

ในขณะที่ลอบยกแขนขึ้นกอดตัวเองขับไล่ความหนาวเย็น ฉินอวี้โม่ก็หันมองไปยังทิศทางของเสียงพร้อมกันด้วย   ที่ด้านหลังของบุรุษนามว่าชื่อเซียวนั้น นางมองเห็นความเป็นปฏิปักษ์ที่สมาชิกกองกำลังทหารรับจ้างชื่อเหยียนแสดงออกมาอย่างชัดเจน  สายตาหลายคู่ของคนกลุ่มนั้นจ้องเขม็งมาอย่างกังขา พวกเขาบางคนลุกขึ้นยืนอย่างพร้อมมีเรื่อง   ดูเหมือนว่านอกจากชื่อเซียวที่ก้าวเข้ามาเจรจากับพวกนางแล้ว คนอื่นๆ ในกลุ่มจะไม่ชอบใจพวกนางเท่าไหร่นัก

“หัวหน้าชื่อ สามคนนี้หยิ่งยโสเกินไป ข้าไม่เห็นว่ามีความจำเป็นอะไรที่เราจะต้องไปร่วมมือกับมันด้วย”

“ขอเพียงพวกเรารวมพลังเป็นหนึ่งเดียวกัน ข้าว่าการจะบุกเข้าไปในถ้ำที่ยูนิคอร์นสีนิลอาศัยอยู่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปนักหรอก  เพียงแต่พวกเราอาจจะต้องยอมเสียเลือดเนื้อบ้างก็เท่านั้น” หนึ่งในสมาชิกกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนที่ยืนขึ้นมากล่าวเสียงดุดัน

“ใช่แล้วหัวหน้าชื่อ คนพวกนั้นทำราวกับว่าไม่เห็นท่านอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ แถมยังพูดจาจองหอง ทำเป็นวางมาดสูงส่ง ข้าว่าอย่าไปขอความร่วมมือจากพวกเขาเลยดีกว่า”

คนอื่นๆ ในกลุ่มเองก็เห็นด้วย ท่าทีของคุณชายหลินทำให้พวกเขาขุ่นเคืองใจ

เหล่าทหารรับจ้างเป็นคนเรียบง่าย พวกเขานับถือผู้ที่แข็งแกร่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่มีจุดยืน การได้เห็นท่าทางหยิ่งยโสของหลินจิ้งหงก็ทำให้พวกเขาแสดงความเป็นปฏิปักษ์ออกมา

ทว่าสิ่งที่พวกเขาไม่ทราบกันก็คือ นี่คือนิสัยแท้จริงของหลินจิ้งหง ตามปกติคุณชายผู้นี้ไม่ค่อยใส่ใจผู้ใดอยู่แล้ว  เขาจะสนใจเฉพาะเป้าหมายของตนเองเป็นส่วนใหญ่และมีเพียงไม่กี่คนที่ทำให้เขารู้สึกสนใจได้   คนรอบข้างต่างรู้ดีคุณชายหลินผู้นี้แม้จะดูสุภาพแต่ก็มักจะแสดงกิริยาสูงส่ง ยามเมื่อเผชิญหน้ากับคนไม่รู้จักและไม่จำเป็นหรือไม่ต้องการทำความรู้จักเขาก็มักจะเป็นเช่นนี้เสมอ

สิ่งที่กองทหารรับจ้างชื่อเหยียนมองเห็นนั้น ไม่ใช่เพราะหลินจิ้งหงมีเจตนาดูถูกกองทหารรับจ้างของพวกเขา แต่เป็นเพราะบุคลิกส่วนตัวของเขาเอง อีกทั้งในเวลานี้ยังอยู่ในระหว่างปฏิบัติภารกิจที่จะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของกลุ่มให้มากที่สุดด้วย และการที่ในครั้งนี้หลินจิ้งหงไม่ได้เพิกเฉยต่อคำเชิญของชื่อเซียวก็นับว่าดีมากแล้ว

“เงียบ!”

ชื่อเซียวขมวดคิ้วและเปิดปากกล่าวอย่างเย็นชา

เขารู้ดีว่าสมาชิกทุกคนต้องการปกป้องเขา  อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดว่าความหยิ่งยโสของหลินจิ้งหงจะเป็นปัญหาสำคัญอะไรมากนัก เขาหยุดยั้งอีกฝ่ายไว้ในขณะที่พวกเขากำลังเร่งรีบจัดการภารกิจ ที่อีกฝ่ายแสดงท่าทีเช่นนั้นกลับมาก็ถือเป็นเรื่องปกติมาก

“หัวหน้าชื่อ ข้าไม่คิดว่าคนที่เป็นเพียงขยะไร้ค่าจะเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งไปได้ พวกเราควรจะพยายามกันเองดีกว่าที่จะนำเอาขยะมาร่วมมือด้วย”

ชายผู้หนึ่งค่อยๆ ก้าวออกมาจากกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนพร้อมกล่าว สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ฉินอวี้โม่อย่างเหยียดหยาม

เมื่อฉินอวี้โม่มองเห็นชายคนนั้น นางก็จำเขาได้ในทันที ใบหน้างามของสตรีเพียงคนเดียวในที่แห่งนี้แปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชาฉับพลัน

อู๋ชื่อคือบุตรชายคนที่สองของตระกูลอู๋แห่งเมืองหลิงซี ตระกูลอู๋นี้นับเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ที่มีอิทธิพลไม่น้อยไปกว่าตระกูลฉินเลย ทว่าพรสวรรค์ของคุณชายรองตระกูลอู๋ผู้นี้ไม่ได้สูงมากนัก ความสามารถของเขานั้นไม่มีความโดดเด่นมากเสียจนกล่าวได้ว่าธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง

เพราะพรสวรรค์ธรรมดาเช่นนั้น เมื่ออยู่ภายในตระกูลเขาจึงมิได้เป็นที่โปรดปรานนัก  แต่เป็นเพราะเขาเป็นบุตรในสมรสที่เกิดจากฮูหยินใหญ่ทำให้สถานะในตระกูลของเขาไม่ถือว่าต่ำต้อย

ตัวเขาไม่นับว่าเป็นคนรุ่นเยาว์แล้ว อายุของเขาในตอนนี้คือยี่สิบหกปี ก่อนหน้านี้เขาเคยลุ่มหลงในความงามของฉินอวี้โม่ ในเวลานั้นเขาไม่สนใจว่าเลยว่านางจะเป็นคนไร้ค่าเช่นที่ผู้อื่นครหา เขาถึงขั้นจัดส่งคนไปยังตระกูลฉินเพื่อทาบทามสู่ขอคุณหนูสี่มาเป็นภรรยา

ทว่าเหตุการณ์กลับไม่เป็นอย่างที่คาดคิด มารดาของคุณหนูสี่ อวี๋เสี่ยวอวิ๋นปฏิเสธคำขอของตระกูลอู๋ในทันที ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาและมารดารู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก…..นางเป็นเพียงสตรีไร้ค่าแต่ยังกล้าปฏิเสธคุณชายตระกูลใหญ่

ตั้งแต่นั้นมาเขาจึงเกลียดชังฉินอวี้โม่เข้ากระดูก และมีบ่อยครั้งที่เขาให้ความร่วมมือกับฉินฉืออวี้รังแกนาง

ในวันนี้ เขาถือเป็นหนึ่งในผู้ร่วมทำภารกิจกับกองทหารรับจ้างชื่อเหยียน และก็เป็นบิดาของเขาเองที่เป็นผู้ว่าจ้างให้กองทหารรับจ้างที่มีชื่อเสียงกลุ่มนี้เข้ามารับภารกิจที่บึงสายหมอก และเป็นเพราะพี่ชายคนโตของเขา–คุณชายใหญ่แห่งตระกูลอู๋อยู่ในระหว่างเก็บตัวฝึกวิชา  เขาจึงถูกบิดาส่งมาเป็นตัวแทนเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้เหล่ายอดฝีมือจากกองทหารรับจ้างชื่อเหยียน

“หัวหน้าชื่อเซียว หญิงสาวผู้นี้คือคุณหนูสี่ตระกูลฉินแห่งเมืองหลิงซี  ข้าคิดว่าท่านคงจะเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับนางมาบ้าง”

อู๋ชื่อชี้หน้าฉินอวี้โม่และกล่าวเสียงดังลั่น น้ำเสียงและสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหยียดหยามไม่ปิดบัง

เมื่อสมาชิกของกองทหารชื่อเหยียนได้ยินว่าสตรีงดงามตรงหน้าคือฉินอวี้โม่คุณหนูสี่แห่งตระกูลฉิน ผู้เป็นขยะไร้ค่าในตำนานของเมืองหลิงซี สีหน้าของพวกเขาก็ปรากฏแววแห่งความดูถูก

พวกเขาต่างล้วนเคยได้ยินเรื่องราวของนางมาบ้าง ว่ากันว่าร่างกายของนางไม่อาจฝึกฝนได้ถึงแม้จะได้เกิดในตระกูลใหญ่แต่ก็ไร้ค่าน่าเวทนา ไม่คิดเลยว่านางจะมีรูปโฉมงดงามถึงเพียงนี้  แต่โฉมงามแล้วอย่างไร รูปโฉมหรือจะสามารถช่วยให้พวกเขาบรรลุภารกิจได้!

ชื่อเซียวมองฉินอวี้โม่อยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าของเขาฉายแววตกใจเล็กน้อย ดวงตาหรี่ลงอย่างครุ่นคิดพลางลอบพิจารณาดรุณีตรงหน้าชั่วครู่  เขาไม่คิดว่าฉินอวี้โม่ผู้นี้จะเป็นขยะไร้ค่าที่ไม่สามารถฝึกฝนได้อย่างที่ผู้คนร่ำลือกัน  เพราะสตรีอ่อนเยาว์ ใบหน้างดงาม ผู้กำลังยืนอยู่ต่อหน้าเขาในขณะนี้ ไม่ได้ให้ความรู้สึกเช่นนั้นแม้แต่น้อย

เมื่อได้ฟังสิ่งที่อู๋ชื่อกล่าว รวมถึงมองเห็นสายตาดูถูกของคนในกองทหารรับจ้างชื่อเหยียน   ฉินอวี้โม่ก็ยิ้มอย่างเย็นชาพลางกล่าว “ฮิฮิฮิ แหม ก็นึกว่าผู้ใดเอ่ยวาจาไม่น่ารัก ที่แท้ก็เป็นคุณชายสองแห่งตระกูลอู๋ อู๋ฉื่อ(หน้าด้าน)นั่นเอง! ”

(*无耻 อู๋ฉื่อ มีความหมายว่า ไร้ยางอาย หรือ หน้าด้าน  ชื่อของคุณชายอู๋นั้นจะเขียนเป็นอักษรจีนว่า 吴驰 อ่านว่า อู๋ชื่อ ซึ่งออกเสียงใกล้เคียงกับอู๋ฉื่อมาก)

ฉินอวี้โม่จงใจกล่าวคำว่า อู๋ฉื่อ อย่างช้าๆ และชัดเจน  นางจงใจออกเสียงผิดจาก อู๋ชื่อ เป็น อู๋ฉื่อ  จนชื่อของคุณชายรองตระกูลอู๋กลายเป็น ‘คุณชายหน้าด้านไป’

และแน่นอนว่าเมื่ออู๋ชื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงในทันที