ตอนที่ 15 ไปขุดหลุมฝังศพตัวเองจะดีกว่า

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

“สตรีไร้ค่า เจ้าว่าผู้ใดหน้าด้านกัน!”

เมื่ออู๋ชื่อได้ยินคำพูดของฉินอวี้โม่ เขาก็จ้องมองนางด้วยสายตาดุร้าย

ชื่อของเขามีความหมายที่ดี เจตนาของบิดาที่ตั้งชื่อนี้ให้เขาก็เพราะหวังให้เขาวิ่งทะยานทั่วทั้งดินแดนเสมือนบุรุษที่แข็งแกร่งโดยไม่มีสิ่งใดหรือผู้ใดมาหยุดยั้งได้ ให้เขาพุ่งทะยานไปข้างหน้าเหมือนการก้าวหน้าไม่มีสิ้นสุด

( 驰 (อ่านว่า ชื่อ) หมายถึง ก้าวหน้าเร็ว, พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว)

ทว่าไม่คิดเลยว่าเมื่อเอาคำว่า ‘ชื่อ’ มาร่วมกับแซ่ ‘อู๋’ และอ่านรวมกันแล้ว  จะกลายเป็นคำที่ออกเสียงคล้ายกับคำว่าหน้าด้านไร้ยางอายไปเสียได้ เพราะเหตุนี้ทำให้ตั้งแต่เล็กจนโต อู๋ชื่อก็มักจะถูกล้อเลียนด้วยเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้ง

“ทำไมเล่า ก็ชื่อเจ้าเป็นแบบนั้น แล้วจะให้ข้าเรียกว่าอะไร?”

ฉินอวี้โม่ไม่สนใจสายตาที่ดุร้ายของอู๋ชื่อเลยแม้แต่น้อย  นางไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ

นางคือฉินอวี้โม่คนใหม่ และไม่ใช่คุณหนูผู้อ่อนแอบอบบางแห่งตระกูลฉินที่จะยอมถูกคนอื่นรังแกอีกต่อไปแล้ว   อีกฝ่ายเป็นเพียงผู้ที่อยู่ในขอบเขตจิตมายาสี่ดารา  คนผู้นี้ไม่คู่ควรจะอยู่ในสายตาของนางสักนิด!

“เพ่ย ข้ามีชื่อนั้นแล้วมันมีปัญหาอะไรกัน? มันก็ดีกว่าขยะที่ไม่อาจฝึกยุทธ์ได้อย่างเจ้า สตรีขยะเน่าเหม็น  เจ้าน่ะทำได้เพียงปั้นหน้าสวยไร้สาระไปวันๆ เท่านั้นแหละ!”

อู๋ชื่อผู้เป็นถึงคุณชายตระกูลใหญ่ต่อว่าด่าทอสตรีเสียงดังลั่น เขาจ้องเขม็งไปที่ฉินอวี้โม่ด้วยสายตาเคียดแค้น

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดเจ้าถืงมีนามว่าอู๋ฉื่อ นั่นก็เพราะว่าเจ้าเป็นคนที่ไร้ยางอายจริงๆ นั่นแหละ”

ฉินอวี้โม่ยิ้มเย้ยพลางมองอู๋ชื่อด้วยสายตาดูถูกและกล่าวเสียงเย้ยหยัน “ข้าขอแนะนำให้เจ้ากลับไปส่องกระจกดูตัวเองตอนที่กลับถึงบ้าน เจ้าจะได้เข้าใจว่าหน้าของตัวเองมันทำให้ผู้อื่นเขารังเกียจมากขนาดไหน”

แม้ว่าอู๋ชื่อจะไม่ได้มีรูปลักษณ์ที่งดงามโดดเด่น แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าตนเองถึงกับย่ำแย่ขี้ริ้วขี้เหร่เลยเสียทีเดียว แต่ทว่าคำพูดที่ออกมาจากปากของฉินอวี้โม่กลับสื่อความว่าเขาเป็นบุรุษอัปลักษณ์ รูปลักษณ์น่าเกลียดน่ากลัวจนดูไม่ได้

“เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าท่านแม่ของข้าตอบว่าอย่างไร ในตอนที่เจ้ามาสู่ขอข้าที่ตระกูลฉิน?”

ฉินอวี้โม่มองอู๋ชื่อด้วยสายตาดูแคลน

‘คิดจะเล่นสงครามน้ำลายกับเธอน่ะเหรอ หึ ไปหาที่เหมาะๆ ขุดหลุมฝังศพตัวเองไว้รอเลยจะดีกว่า!

“แม่ข้าบอกว่า เจ้าน่ะเป็นคางคกอยากจะกินเนื้อหงส์  ว่างๆ หัดตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาเองตัวเองซะบ้าง!”

ครั้งที่อู๋ชื่อส่งคนไปทาบทามสู่ขอคุณหนูสี่ที่ตระกูลฉิน ในตอนนั้นอวี๋เสี่ยวอวิ๋นปฏิเสธทันทีโดยไม่ลังเล แม้ว่าฉินอวี้โม่จะถูกมองเป็นคนไร้ค่าในสายตาคนมากมายแต่นางก็ไม่ใช่สิ่งของที่ไร้ชีวิตจิตใจ  อวี๋เสี่ยวอวิ๋นรักและสงสารบุตรสาวมาก  นางเกรงว่าเมื่อห่างจากอกของตน บุตรสาวจะถูกรังแกหนักขึ้น อีกทั้งจะไม่มีผู้ใดคอยดูแลปกป้องไม่มีผู้เป็นที่พึ่งให้กับนาง  ฮูหยินใหญ่แห่งตระกูลฉินในตอนนั้นจึงไม่คิดจะยกบุตรสาวให้กับผู้ใดง่ายๆ

แต่ทว่าคำพูดของอวี๋เสี่ยอวิ๋นในตอนนั้นใช้วาจาที่นิ่มนวลกว่านี้มาก ประโยคที่เพิ่งจะกล่าวไปนี้เป็นคำพูดที่ฉินอวี้โม่ปรุงแต่งขึ้นมาเองเพราะต้องการเสียดสีบุรุษไร้ยางอายที่เคยรังแกสตรี อู๋ชื่อ ผู้นี้

เธอตั้งใจไว้แล้วว่าเธอจะเอาคืนผู้ที่เคยรังแกฉินอวี้โม่อย่างสาสม

ในเมื่อวันนี้คุณชายหน้าด้านก้าวออกมาชี้นิ้วด่าทอผู้อื่น หาเรื่องใส่ตัวด้วยตัวเอง ฉะนั้นก็อย่าได้ตำหนิหาว่าเธอหยาบคายไม่ไว้หน้า!

เมื่อได้ยินคำพูดของฉินอวี้โม่ แม้แต่กองทหารรับจ้างชื่อเหยียนที่อยู่ด้านหลังอู๋ชื่อก็ยังอดไม่ได้ที่จะหลุดเสียงหัวเราะเบาๆ อย่างขบขัน หากไม่ใช่เพราะอู๋ชื่อมาในนามตัวแทนของผู้ว่าจ้าง พวกเขาก็คงฮาครืนเสียงดังอย่างไม่เกรงใจไปแล้ว   แม้แต่ชื่อเซียวเองก็ยังอดไม่ได้ที่ยกมุมปากปรากฏเป็นรอยยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา…ดูก็รู้ว่าเขากำลังข่มรอยยิ้มไว้อย่างถึงที่สุด

หลินจิ้งหงที่อยู่ข้างๆ ฉินอวี้โม่หัวเราะร่าเสียงดังลั่นอย่างชอบอกชอบใจไปตั้งแต่ชื่อคุณชายหน้าด้านหลุดจากปากฉินอวี้โม่แล้ว

มีเพียงแค่หานโม่ฉือผู้เดียวเท่านั้นที่ยังยืนนิ่งอยู่ด้วยสีหน้าเย็นชาเหมือนเช่นเคย

“สตรีไร้ค่า เจ้าหาที่ตายแล้ว!”

เมื่อได้ยินวาจาถากถางของฉินอวี้โม่ อู๋ชื่อก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาพุ่งตรงเข้าใส่สตรีเพียงหนึ่งเดียวในที่แห่งนั้นทันที

หลินจิ้งหงเห็นการกระทำของอู๋ชื่อก็คิดจะก้าวเข้าไปขัดขวาง ทว่าเขากลับถูกหานโม่ฉือที่อยู่ข้างหลังคว้าจับแขนไว้เสียก่อน สหายมนุษย์น้ำแข็งส่ายศีรษะอย่างต้องการจะห้าม

หลินจิ้งหงพยักหน้าเข้าใจในทันที เขาเองก็เกือบจะลืมไปว่าฉินอวี้โม่ไม่ใช่กระต่ายขาวตัวน้อยที่ผู้ใดจะเข้ามารังแกได้ง่ายๆ

ใบหน้าของอู๋ชื่อบิดเบี้ยวและมืดมนเป็นอย่างมาก  ร่องรอยความโกรธแค้นรุนแรงและเจตนาสังหารเข้มข้นปรากฏให้เห็นจากทั้งแววตาและบรรยากาศที่ร่างกายของเขาปลดปล่อยออกมา

ในหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าเขาจะรังแกฉินอวี้โม่อยู่เป็นประจำ แต่เนื่องจากกลัวว่าจะมีปัญหากับทางตระกูลฉิน เขาจึงไม่เคยลงมือหนักหรือทำให้เห็นอย่างโจ่งแจ้งเลยสักครั้ง  แต่เวลานี้ฉินอวี้โม่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลฉินแล้ว  เขาจึงไม่ต้องกังวลในเรื่องนั้นอีก

สตรีไร้ค่า ขยะน่ารังเกียจผู้นี้กล้ามาเหยียดหยามเขาต่อหน้าผู้คนมากมาย  ถ้าวันนี้เขาไม่ได้สั่งสอนนางให้รู้สำนึก  เขาก็คงไม่สมควรใช้นามอู๋ชื่ออีกต่อไปแล้ว

— หมับ! —

เสียงเบาๆ เสียงหนึ่งดังขึ้น อู๋ชื่อรู้สึกได้ว่าข้อมือของเขาถูกคว้าจับเอาไว้ ฝ่ามือที่หมายจะซัดเข้าใส่ฉินอวี้โม่ถูกใครบางคนหยุดไว้ได้เสียก่อน

ทว่าเมื่อได้มองดูชัดๆ คุณชายตระกูลอู๋จึงได้รู้ว่า ผู้ที่จับยึดข้อมือของเขาไว้มิใช่ใครอื่น แต่ก็คือฉินอวี้โม่สตรีไร้ค่าที่เขากล่าวหา  นางมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเขาได้อย่างไรไม่อาจทราบ!  สตรีผู้เคลื่อนไหวราวภูตผีกำลังมีรอยยิ้มเย้ยหยันเต็มใบหน้า

— กร็อบ! —

เกิดเสียง *กร็อบ* เบาๆ ขึ้นครั้งหนึ่ง มันเบาเสียจนหากไม่อยู่ใกล้ในระยะหนึ่งจั้งก็ยากที่จะได้ยิน  อู๋ชื่อไม่แม้แต่จะรู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆ  เขารู้สึกเพียงแค่คล้ายกับว่าถูกฉินอวี้โม่หยิกเอาเท่านั้น  ทว่าข้อมือข้างที่ถูกจับยึดเอาไว้นั้นกลับสูญเสียการควบคุมไปอย่างสมบูรณ์แล้ว

“คุณชายอู๋ ทำไมหยุดเสียล่ะ? ต่อเลยซิ”

ฉินอวี้โม่มองดูอู๋ชื่อ ดวงตาและใบหน้างดงามฉายแววสนุกสนานอย่างปิดไม่มิด พร้อมกันนั้นริมฝีปากอวบอิ่มก็ขยับ นางเอื้อนเอ่ยวาจาแสนเยือกเย็นด้วยเสียงหวานใส

เมื่อได้ยินเสียงหวานหยดและมองเห็นรอยยิ้มแสนสนุกของฉินอวี้โม่  รวมถึงมือที่ไร้ความรู้สึกไปแล้วของตัวเอง ใบหน้าของอู๋ชื่อก็ปรากฏความตื่นตระหนกขึ้นมาทันที!