เหล่าบุรุษชุดรัดกุมที่ตอนนี้กำลังยืนล้อมวงดู ‘ฉากที่คุณชายรองตระกูลอู๋ลงมือสั่งสอนคุณหนูไร้ค่าตระกูลฉิน’ อย่างสนอกสนใจต่างก็ต้องชะงักค้างไปทันทีเมื่อได้เห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า
เมื่อเห็นว่าฉินอวี้โม่สามารถจับคว้าข้อมือของอู๋ชื่อได้ทันและยังหยุดยั้งการโจมตีของเขาได้ด้วย ชื่อเซียวผู้ที่เกือบจะพุ่งเข้าไปขวางก็รีบหยุดตัวเองเอาไว้
เขารู้ได้ในตอนนั้นเองว่าคุณหนูฉินอวี้โม่ผู้นี้ไม่ธรรมดา
“คุณชายอู๋ ไม่พูดว่าข้าเป็นขยะไร้ค่าแล้วหรือ? เฉยอยู่ทำไมเล่าเจ้าคะ แสดงพลังสั่งสอนข้าซี้ ข้าเป็นแค่สตรีไร้ค่าจะไปสู้อะไรท่านได้! ลงมือสิ! *รังแกสตรีอ่อนแอท่านถนัดนักไม่ใช่หรือ?*ทำไมหยุดเคลื่อนไหวไปเสียได้ล่ะ?”
ฉินอวี้โม่กล่าววาจาเย้ยหยัน นางปล่อยมือจากข้อมือของอีกฝ่ายพลางสาดสายตาดูแคลนจ้องมองเขา
ในตอนนี้ นางได้ทำลายกระดูกข้อมือบางส่วนของอู๋ชื่อไปเรียบร้อยแล้ว และต่อให้ตอนนี้เขารีบหาคนมารักษาในทันทีก็คงไม่มีทางที่จะใช้การได้ดีเหมือนเดิมอีกแล้ว
นี่คือหนึ่งในกระบวนท่าจากวิชาการต่อสู้ของยุคโบราณที่เรียกกันว่า——กรงเล็บหักกระดูกนักฆ่าสาวฉินอวี้โม่ได้เรียนรู้ศาสตร์นี้มาเมื่อครั้งยังอยู่ในศตวรรษที่ 21 ยิ่งกว่านั้นในตอนที่ใช้กระบวนท่านี้กับอู๋ชื่อนางยังได้ใส่ปราณมายาเพิ่มเข้าไปทำให้พลังทำลายล้างของมันทวีความรุนแรงขึ้นด้วย
อู๋ชื่อเป็นเพียงผู้ที่อยู่ในขอบเขตจิตมายาสี่ดารา ซึ่งเป็นขอบเขตพลังมายาที่ต่ำที่สุด ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ระดับดวงดาราในขั้นอ่อนสุดแต่ก็นับว่าไม่ใช่ระดับที่สูงแต่อย่างใด ดังนั้นก็ย่อมแน่นอนว่าเขาไม่มีทางจะต่อต้านการโจมตีนี้ของฉินอวี้โม่ได้เลย
ในเวลานี้อู๋ชื่อหวาดกลัวเกินกว่าจะกล่าวอะไรได้ เขาก้าวถอยห่างจากนางไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว คุณชายรองตระกูลอู๋หน้าซีดเผือดในขณะที่ร่างกายของเขาก็กำลังสั่นน้อยๆ
ฉินอวี้โม่มองดูใบหน้าไร้สีเลือดของอีกฝ่ายด้วยความสะใจ ริมฝีปากแดงระเรื่อปรากฏยิ้มเยาะเย้ย นางค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปหาคุณชายหน้าด้านอีกครั้งอย่างช้าๆ
“แม่นางฉินอวี้โม่ โปรดยั้งมือสักครั้ง!”
ในตอนนั้นเองเสียงร้องห้ามของชื่อเซียวก็ดังขึ้น เขารีบก้าวเข้ามาเอาตัวบังร่างอู๋ชื่อไว้
“แม่นางฉิน โปรดเห็นแก่หน้าข้า อย่าถือสาเขาเลย”
แม้ว่าชื่อเซียวเองจะไม่ชอบการกระทำของอู๋ชื่อ แต่ถึงอย่างไรกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนก็เคยติดค้างตระกูลอู๋มาก่อน แถมครั้งนี้พวกเขายังถูกตระกูลอู๋ว่าจ้างมา ในครั้งนี้ที่พวกเขาต้องมาเยือนเมืองหลิงซีและร่วมมือกับอู๋ชื่อก็เพื่อปฏิบัติภารกิจ ถ้าหากเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับคุณชายอู๋ในขณะที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขา ชื่อเซียวเกรงว่าเขาเองก็คงจะรับผิดชอบไม่ไหว
“หน้าท่าน? ทำไมข้าต้องเห็นแก่หน้าท่านด้วยล่ะ?”
เมื่อได้ยินสิ่งที่หัวหน้ากองทหารรับจ้างกล่าว ฉินอวี้โม่ก็เริ่มขุ่นเคือง นางกล่าววาจาท้าทายออกไปทันทีพร้อมกับจ้องหน้าเขาด้วยสายตาดุดัน
“ในตอนที่ข้าถูกเขาจู่โจม ท่านมัวทำอะไรอยู่? เหตุใดถึงไม่เสนอหน้าออกมายืนอยู่ตรงหน้าข้าเหมือนตอนนี้บ้าง?”
เมื่อได้ยินวาจาเหน็บแนมของฉินอวี้โม่ ชื่อเซียวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอับอาย เขาไม่สามารถโต้แย้งสิ่งที่นางกล่าวได้แม้แต่น้อย
“จองหองเกินไปแล้ว กล้าดียังไงมาพูดกับหัวหน้าของพวกเราแบบนี้?!”
หนึ่งในทหารแห่งกองทหารรับจ้างอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแทรกขึ้นมา
“หุบปาก!”
ฉินอวี้โม่หันหน้าไปตวัดสายตามองพวกเขาอย่างเย็นชา “มาตอนนี้พวกเจ้าเพิ่งจะรู้ตัวว่ามีชีวิตกันรึไง?”
“ตอนเห็นบุรุษอกสามศอกที่อยู่ในขอบเขตจิตมายาสี่ดารารังแกสตรีตัวเล็กๆ ไร้ทางสู้ ไม่ใช่พวกเจ้าหรือที่เอาแต่นิ่งเฉยเป็นตอไม้ แถมยังดูชมอย่างสนใจ หัวเราะชอบใจเหมือนได้ดูการแสดงสนุกสนาน นี่พวกเจ้ายังกล้าเรียกตัวเองว่าทหารรับจ้างได้อีกหรือ? เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าสิ่งที่พวกเจ้าทำไม่ต่างจากคนถ่อยน่ารังเกียจเลยสักนิด”
“ทหารรับจ้างควรจะเป็นอาชีพที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ผู้ที่เป็นทหารรับจ้างจะต้องเป็นสุภาพบุรุษเพิ่อดำรงเกียรติยศของตน พวกเขาล้วนเป็นอิสระ เรียบง่าย และไม่เคยดูถูกเหยียดหยามผู้ใดเพราะข่าวลือโง่งมเหลวไหล ทหารรับจ้างเคารพผู้แข็งแกร่ง อ่อนโยนกับผู้อ่อนแอ หัวใจของพวกเขาหนักแน่นดั่งขุนเขา พวกเขาไม่เคยย่อท้อต่ออุปสวรรค์ ไม่เคยเกียจคร้านที่จะพัฒนาตนเอง”
“แค่เพราะฉินอวี้โม่เป็นขยะไร้ค่าที่ผู้คนร่ำลือ พวกเจ้าถึงได้ยืนมองนางถูกรังแกกันเป็นเรื่องสนุกสนาน ในสายตาของข้า พวกเจ้าก็ไม่มีคุณสมบัติเป็นทหารรับจ้างแม้แต่ข้อเดียว!”
“จริงอยู่ที่ครั้งหนึ่งฉินอวี้โม่เคยเป็นขยะไร้ค่าที่ไม่อาจจะฝึกยุทธ์ได้ แต่แล้วมันอย่างไรเล่า นางเกิดมามีชีวิตมีจิตใจเหมือนเช่นคนทั่วไป จิตใจของนางยังนับว่าแข็งแกร่งกว่าคนอีกมากมายเสียด้วยซ้ำ นางอดทนมีชีวิตอยู่มาหลายต่อหลายปีแม้จะไม่มีพรสวรรค์ไร้หนทางฝึกฝน ถูกเหยียดหยามกลั่นแกล้ง แต่นางก็ไม่เคยมีหัวใจที่ตกต่ำ ฉินอวี้โม่ไม่เคยดูถูกดูแคลนผู้ใด ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นยาจกหรือขอทาน นางไม่เคยเกรงกลัวผู้อื่นแค่เพราะว่าพวกเขาแข็งแกร่งกว่า ในความคิดข้า ถ้าอย่างนางเรียกว่าขยะ พวกเจ้าก็ไม่ได้ดีไปกว่ากองอุจจาระแล้ว!”
ครั้งนี้ฉินอวี้โม่รู้สึกโกรธขึ้นมาจริงๆ ในความคิดของนาง ในเมื่อพวกเขาเป็นทหารรับจ้างก็ควรจะมีจิตใจที่เป็นสุภาพบุรุษ นางไม่คิดเลยว่าตัวจริงของพวกเขาที่นางได้พบเจอจะเป็นเพียงกลุ่มคนที่ไม่ได้เรื่องเช่นนี้
พวกเขาก็ไม่ต่างจากคนธรรมดาที่เชื่อข่าวลือ และบางทีอาจจะเชื่อยิ่งกว่าคนทั่วไปเสียด้วยซ้ำ
ในตอนที่อู๋ชื่อก้าวออกมาและเอ่ยวาจาดูถูกดูแคลนนาง ฉินอวี้โม่มองเห็นแววแห่งความสนุกสนานในสายตาของพวกเขา กลุ่มทหารรับจ้างตรงหน้านางนี้ขาดคุณสมบัติด้วยประการทั้งปวง
แปะ แปะ แปะ!
ทันทีที่ฉินอวี้โม่กล่าว *‘สุนทรพจน์’*จบ เสียงปรบมือชื่นชมของหลินจิ้งหงก็ดังขึ้นมาทันที
“พูดได้ดี พวกเจ้าทุกคนทำให้เกียรติของทหารรับจ้างต้องมัวหมอง”
หลินจิ้งหงเดินไปหยุดอยู่ข้างๆ ฉินอวี้โม่อย่างช้าๆ และยกนิ้วโป้งให้นาง เขาชื่นชมหญิงสาวตรงหน้าจากใจจริง
เขาไม่คิดเลยว่าสตรีผู้หนึ่งจะสามารถกล่าวสิ่งที่น่าตกใจเช่นนี้ขึ้นมาได้
ใช่แล้ว ทหารรับจ้างเป็นสุภาพบุรุษและเข้มแข็ง พวกเขามีหัวใจที่ไม่ย่อท้อ!