ในช่วงแรกคำพูดของฉินอวี้โม่ทำให้เหล่าสมาชิกกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนโกรธเคือง อย่างไรก็ตามเมื่อนางกล่าวจนจบ ร่องรอยแห่งความเกรี้ยวกราดบนใบหน้าของพวกเขาก็จางหายไปหมดสิ้น พวกเขาเริ่มครุ่นคิดบางอย่าง

พวกเขาคือสมาชิกแห่งกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนซึ่งเป็นกลุ่มทหารรับจ้างที่มีชื่อเสียงในดินแดนนี้แห่งนี้ พวกเขาทุกคนล้วนภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม

…แต่แล้วพวกเขาทำสิ่งใดลงไป?…

ยืนมองดูสตรีผู้หนึ่งถูกรังแกได้อย่างไม่ทุกข์ร้อน อีกทั้งยังหัวเราะครื้นเครงเห็นเป็นเรื่องสนุกสนาน แม้ว่านางจะเป็นขยะไร้ค่าในตำนาน แต่นางก็ไม่เคยทำอะไรผิด ไม่เคยก่อความเดือดร้อนหรือสร้างความเคียดแค้นชิงชังใดๆ ให้พวกเขา

ในตอนนั้นเอง เหล่าบุรุษชุดรัดกุมแห่งกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนก็บังเกิดความอับอายขึ้นมา

“แม่นางฉิน ข้าต้องขออภัยด้วย”

หลังจากได้ยินคำกล่าวของฉินอวี้โม่ ชื่อเซียวก็รู้สึกอึ้งไม่น้อย

เขาเองก็เป็นผู้หนึ่งที่รักในเกียรติและศักดิ์ศรี  ถึงแม้เขาจะเป็นผู้มีพรสวรรค์สูงส่งตั้งแต่เด็ก เป็นผู้ที่เกิดมามีชีวิตสมบูรณ์แบบและเพียบพร้อมในทุกอย่าง  แต่ทว่าเขาก็เป็นคนอ่อนโยนและสุภาพไม่เคยคิดข่มเหงรังแกผู้ใด

ชื่อเซียวเติบโตขึ้นมาในกลุ่มทหารรับจ้าง เขาติดตามเหล่าทหารรับจ้างไปทำภารกิจในที่ต่างๆ ทั้งง่ายและยาก พบเจอผู้คนมากมายหลายรูปแบบ  บุกป่าฝ่าดงผจญภัยมาทั่วทุกสารทิศในดินแดนหวนหลิง

ทว่าเขาไม่เคยได้ยินนิยามเกี่ยวกับทหารรับจ้างที่เฉียบคมอย่างในวันนี้มาก่อน

….หัวใจของทหารรับจ้างหนักแน่นดั่งขุนเขา พวกเขาไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรค….

ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธ์หรือทหารรับจ้างก็ควรจะเป็นเช่นนั้น

คนเราจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งได้อย่างไร หากไร้ซึ่งหัวใจที่เข้มแข็ง?

แม้จะเห็นว่านางรับมือกับอู๋ชื่อได้ แต่ในฐานะบุรุษผู้ดำรงเกียรติแห่งทหารรับจ้างเขาก็ไม่ควรเพิกเฉยเมื่อเห็นสตรีถูกรังแกไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกแต่เขากลับหยุดยั้งตนเองไม่เข้าช่วยเหลือ

ชื่อเซียวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกละอายใจในความลังเลของตนเองเมื่อครู่นี้ เขาจึงกล่าวขออภัยฉินอวี้โม่ออกไปด้วยความรู้สึกผิด

“แม่นางฉิน พวกเราขออภัย!”

เสียงของกลุ่มบุรุษชุดรัดกุมแห่งกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง  ดูเหมือนว่าคำกล่าวของฉินอวี้โม่จะทำให้พวกเขาสำนึกได้เช่นกัน

วาจาของฉินอวี้โม่ถูกต้องแล้ว หากพวกเขายังเป็นเหมือนอย่างวันนี้ พวกเขาก็ไม่คู่ควรจะเป็นทหารรับจ้าง

เมื่อได้ยินคำขอโทษอย่างจริงใจจากคนในกองกำลังทหารรับจ้างชื่อเหยียน รวมถึงเห็นชื่อเซียวหัวหน้ากลุ่มโค้งคำนับเป็นการขออภัยจากใจจริง  อดีตนักฆ่าสาวแห่งศตวรรษที่ 21 ก็นิ่งไปเธอพูดอะไรไม่ออกอยู่ชั่วขณะ*…ไม่นึกไม่ฝันว่าคำพูดของเธอจะเปลี่ยนแปลงความคิดใคร หรือแม้แต่ทำให้ใครเชื่อได้มากมายขนาดนี้*

ในชีวิตของการเป็นนักฆ่า การเจรจาไม่ใช่สิ่งจำเป็น เธอต่อว่าคนพวกนี้เพราะเธอไม่พอใจกับการกระทำของพวกเขา เธอปฏิญาณกับตัวเองแล้วว่าจะเอาคืนคนที่ทำร้ายคุณหนูสี่คนเดิม และเธอก็โกรธมากขึ้นเมื่อลองคิดว่าจะเป็นอย่างไรถ้าคนที่ยืนอยู่ตรงนี้เวลานี้คือคุณหนูผู้อ่อนแอคนนั้น ไม่ใช่เธอ

ในตอนนี้ดูเหมือนว่าอดีตคุณหนูสี่แห่งตระกูลฉินจะเป็นผู้เรียกสติของพวกเขาทุกคนให้กลับมา กองทหารรับจ้างชื่อเหยียนกลับมามีหัวใจที่บริสุทธิ์และเข้มแข็งอีกครั้งหนึ่งแล้ว

พวกเขาจะปกปักรักษาเกียรติของทหารรับจ้างและยึดมั่นในความเชื่อเดิมของพวกเขา

“ไม่เป็นไร ข้าแค่หวังว่าเมื่อพวกท่านเป็นทหารรับจ้างก็ควรจะแสดงให้ทั้งโลกได้เห็นถึงเกียรติของทหารรับจ้าง แทนที่จะกระทำในสิ่งที่เป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรีของตัวเองอย่างเช่นที่ผ่านๆ มา”

ฉินอวี้โม่พูดอย่างแผ่วเบา กล่าวจบนางก็เดินไปอยู่ข้างๆ หานโม่ฉือและไม่พูดอะไรอีก และไม่เข้าไปใกล้อู๋ชื่ออีก

ตอนนี้อู๋ชื่อไม่ต่างจากกุ้งเน่าๆ ที่ไม่คู่ควรที่จะให้มือฉินอวี้โม่ต้องแปดเปื้อน

เมื่อได้ฟังคำพูดที่เฉียบขาดและทรงพลังของฉินอวี้โม่ เหล่าทหารรับจ้างแห่งกองกำลังทหารรับจ้างชื่อเหยียนก็หันมามองหน้ากันก่อนจะพยักหน้า

ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็เกิดความรู้สึกอับอายและกระอักกระอ่วนกับสิ่งที่เพิ่งจะทำลงไป

ฉินอวี้โม่เป็นขยะไร้ค่าแล้วอย่างไร ฉินอวี้โม่ก็ยังเป็นมนุษย์คนหนึ่ง  แม้จะฝึกฝนไม่ได้แต่แล้วจะอย่างไร?

นางคู่ควรที่จะได้รับคำสรรเสริญจากพวกเขา

แม้ว่าสีหน้าของหานโม่ฉือจะไม่เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย ทว่าในตอนที่สตรีตัวน้อยผู้เข้มแข็งผู้ซึ่งเพิ่งจะเรียกสติเหล่าทหารรับจ้างทั้งกลุ่มได้เดินมาหยุดอยู่ข้างเขา มันก็ทำให้หัวใจมนุษย์น้ำแข็งสั่นไหวเล็กน้อย

เมื่อครั้งพบกันครั้งแรก นางสังหารเหล่าคนถ่อยนับสิบที่คิดจะย่ำยีนางอย่างไม่กลัวเกรง   เวลานั้น ด้วยรูปโฉมที่งดงามไร้ที่ติและการกระทำอันเด็ดเดี่ยวนั้นมันทำให้เขาคิดว่านางไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาเหมือนผู้อื่น

อีกครั้ง ในสมาคมทหารรับจ้าง เมื่อต้องเจอเผชิญกับคำวิพากษ์วิจารณ์จากคนจำนวนมาก ทว่านางก็สามารถตอกกลับไปได้อย่างเฉียบขาด ‘ไร้ค่าแล้วอย่างไร’ คำพูดประโยคนั้นยังวนเวียนอยู่ในหัวของเขาจนถึงตอนนี้

แล้ววันนี้ยังได้เห็นหญิงสาวผู้นี้กล่าวในสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของเขาอีกครั้ง  ถึงแม้จะเป็นวาจาเสียดสีและน้ำเสียงดูหมิ่นแต่ทั้งหมดก็ล้วนเป็นความจริงที่ไม่อาจโต้แย้ง  นางทำให้บุรุษอกสามศอกหลายสิบชีวิตต้องก้มหัวขออภัย ฉินอวี้โม่ทำให้ทุกคนสัมผัสได้ถึงความองอาจและพลังอำนาจจากวาจาของสตรีตัวเล็กๆ ผู้หนึ่ง

…ในตอนนั้นเองที่มนุษย์น้ำแข็งหานโม่ฉือรู้สึกได้ว่าหัวใจที่เย็นชาของตนเองกำลังเกิดความรู้สึกแสนประหลาด….

….เขารู้สึกว่าสตรีผู้นี้พิเศษ….นางพิเศษกว่าผู้ใด…และมันก็ทำให้เขาเกิดความคิดประหลาดบางอย่างขึ้น….เขากำลังอยากถอดวางหน้ากากแสนเย็นชาเพื่อทำความรู้จักกับแม่นางผู้นี้ให้ลึกซึ้ง….

หลินจิ้งหงเองก็เกิดความรู้สึกที่ซับซ้อน เขาคิดว่าตัวเขาเองเคยเห็นสตรีมามากมายทั้งที่เก่งกาจในเชิงยุทธ์และผู้ที่เก่งด้านการบ้านการเรือน แต่ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นหญิงสาวที่เด็ดเดี่ยว หยิ่งทะนงและไม่หวั่นเกรงสิ่งใดถึงเพียงนี้

ที่เขาอยากจะเป็นเพื่อนกับนางก็เพียงเพราะว่าเขาเกิดความอยากรู้และสงสัยว่าเหตุใด สตรีตัวเล็กๆ ดูแสนบอบบางจึงสามารถสังหารชายร่างใหญ่จำนวนมากที่อยู่ในขอบเขตพลังเหนือกว่านางได้

และด้วยคำกล่าวของฉินอวี้โม่จึงทำให้สถานที่เล็กๆ แห่งนี้ปกคลุมไปด้วยความเงียบสงัดจนถึงขั้นที่ทุกคนสามารถได้ยินเสียงของสัตว์มายาที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลได้ชัดเจน

ทุกคนล้วนตกอยู่ในภวังค์แห่งความนึกคิดของตน จนกระทั่ง

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

ผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ๆ หลินจิ้งหงก็หัวเราะขึ้นอย่างครื้นเครงทำลายบรรยากาศแห่งความเงียบสงบและซาบซึ้งใจไปหมดสิ้น