บทที่ 17 สอบสวน
“ได้ตัวทดลองที่เหมาะมือมาแล้วหรือ ?” ผ้าเท่อลั่วเค่อถาม ตอนนี้เขาอยู่ในห้องเขียนหนังสือแล้ว
เมื่ออีกฝ่ายมาถามเรื่องการเร่งการเจริญเติบโต เขาคาดเดาได้ทันทีว่าซูเฉินคิดจะทำอะไร
“ถูกต้อง มาทักทายถึงหน้าประตูเลยทีเดียว” ซูเฉินตอบ
จากนั้นเขาจึงอธิบายเรื่องต่าง ๆ ให้ฟังคร่าว ๆ
เมื่อได้ยินว่าซูเฉินจับตัวคุณหนูและคุณชายจากตระกูลเหลียนและตระกูลหลงมาเท่านั้น ผ้าเท่อลั่วเค่อก็หัวเราะ “เจ้ากล้าล่วงเกินสิบตระกูลสายเลือดชั้นสูงด้วยตัวคนเดียวเลยหรือ ? นับถือเจ้าจริง ๆ”
“ประการแรก ข้าเพียงทำตามกฎบ้านเมืองอย่างเป็นธรรม ไม่คิดจะล่วงเกินใครอื่น พวกเขามาหาเรื่องข้าเอง ประการที่สอง เรื่องอาจจะไม่แย่อย่างที่ท่านคิดก็ได้ หากข้าลงมือ ข้าย่อมมั่นใจว่าจะสำเร็จ”
“ก็ได้ ๆ นั่นก็เรื่องของเจ้า ข้าไม่ใส่ใจหรอก ข้ามีวิชาที่ใช้เร่งการเติบโตอยู่ แต่ข้าจะเตือนไว้ก่อนว่าทารกที่ได้จากวิธีนี้อย่างไรก็จะตายในครรภ์ ไม่อาจรอดชีวิตได้”
ซูเฉินหัวเราะ “น่าแปลกจริง ทารกจากตระกูลหลี่ก็ตายในครรภ์ทั้งหมด ไม่รู้ว่าตายกับตายมาเจอกันจะส่งผลตรงกันข้าม กลายเป็นรอดชีวิตบ้างหรือไม่ ?”
“……”
“……”
ในเมื่อซูเฉินเอ่ยถึงขนาดนี้ ผ้าเท่อลั่วเค่อจึงไม่เปลืองเวลาอีก สอนวิชาเร่งการเจริญเติบโตให้ซูเฉินทันที
เมื่อกลับมายังห้องทดลอง ซูเฉินก็ใช้มันกับเหลียนเจี่ยว
ไม่นาน เหลียนเจี่ยวก็สัมผัสได้ว่าสถานการณ์ของนางไม่ปกติ
นางจ้องมองท้องตนด้วยความตื่นตระหนก ใช้เพียงเวลาไม่นานมันก็นูนขึ้นมาจนเห็นได้นิดหนึ่งแล้ว
“เจ้า…… เจ้าทำอะไรข้า !?” เหลียนเจี่ยวร้องขึ้นด้วยความหวาดกลัว
“ก็อย่างที่เจ้าเห็น” ซูเฉินตอบ
เขาวางมือลงบนท้องเหลียนเจี่ยว สัมผัสได้ถึงทุกสิ่งอย่างที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปในท้องของนาง
ตอนแรกเขายังสัมผัสได้ถึงพลังชีวิต แต่ไม่นานพลังชีวิตนั่นก็สลายหายไป
เหลียนเจี่ยวเองก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
พริบตานั้นเอง ใบหน้านางก็บิดเบี้ยว หน้าตาดูคล้ายกับจะแก่ลงหลายปีด้วยกัน
ซูเฉินจดบันทึก “ตัวอ่อนที่ใช้วิชาเร่งโตจะมีชีวิตอยู่ถึงอายุราว 3-4 เดือนเท่านั้น และเพราะขาดสารอาหาร ตัวอ่อนจึงดูดสารอาหารมาจากมารดา เกิดเป็นภาระหนักให้ร่างกายมารดา สูญเสียปราณโลหิตไปเป็นจำนวนมาก……”
หลังจากบันทึกสภาพร่างกายของเหลียนเจี่ยวโดยละเอียดแล้ว ซูเฉินก็ใช้พลังต้นกำเนิด พลังไร้รูปร่างเคลื่อนตัวเข้าไปในร่างเหลียนเจี่ยวแล้วดึงตัวอ่อนที่ตายในครรภ์ออกมาจากช่วงล่างของนาง
“อ๊ากกก !” เหลียนเจี่ยวกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว
โชคดีที่นางไม่ใช่สตรีบริสุทธิ์ อีกทั้งตัวอ่อนยังมีอายุเพียง 3-4 เดือน ดังนั้นจึงหลุดออกมาจากร่างนางได้ไม่ยาก
ซูเฉินถือตัวอ่อนขนาดเท่าหนึ่งฝ่ามือไว้ในมือแล้วทำการวิเคราะห์ ใช้นัยน์ตามองเห็นพลังของตนสอดส่องไปทั่วร่างของตัวอ่อน ส่วนเหลียนเจี่ยวก็ส่งเสียงก่นด่าเขาไปพลาง “ปีศาจ ! เจ้าต้องไม่ตายดีแน่นอน ล่วงเกินตระกูลเหลียนเช่นนี้ !”
“ไม่ใช่มนุษย์จริงด้วย” ซูเฉินพึมพำ
จากนั้นในมือเขาพลันมีลูกไฟผุดขึ้น เผาตัวอ่อนในมือจนมอดไหม้ไม่เหลือซาก
เหลียนเจี่ยวยังสบถด่าเขาไม่หยุด
“ยังเหลือแรงอีกเยอะเลยนี่ ? เช่นนั้นก็ทำการทดลองอีกสักหน่อยก็แล้วกัน” ซูเฉินว่า
“เจ้าคิดจะทำอะไรอีก ?”
ซูเฉินหยิบก้อนโลหะออกมาอีกครั้ง “ครั้งนี้ข้าอยากรู้ว่าสตรีที่คลอดลูกไปแล้วยังจะสามารถคลอดออกมาได้อีกหรือไม่ เพราะอย่างไรสตรีทั้งหลายที่ปีศาจส่งเด็กมาให้ก็ยังบริสุทธิ์อยู่ทั้งสิ้น ครั้งนี้เจ้าอาจจะไม่ตั้งครรภ์ก็เป็นได้ แต่อย่ากังวลเลย……”
เขาหยุดไปเล็กน้อย “เพราะไม่แน่ว่าข้าอาจหาทางทำลายข้อจำกัดนั้น ทำให้คนที่คลอดเด็กออกมาแล้วสามารถตั้งครรภ์จากมันได้อีกก็เป็นได้”
กังวลบ้านเจ้าสิ !
เหลียนเจี่ยวตาเหลือกกลับ ก่อนจะสิ้นสติไปในที่สุด
————————————————————
ซูเฉินออกมาจากห้องทดลอง ปาดเลือดบนหน้าออก ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่หลงเฉ่าโหยวถูกจับขังไว้
เทียบกับเหลียนเจี่ยวแล้ว สภาพหลงเฉ่าโหยวนนั้นดีกว่ามาก
เขาไม่ถูกจับมัดไว้บนเตียงแล้วถูกบังคับให้ต้องทำการทดลองการตั้งครรภ์เช่นนาง แต่กลับถูกจับให้นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง จากนั้นถูกกรอกยาจนไร้เรี่ยวแรง
เมื่อซูเฉินมาถึง เขาก็ยังคงนั่นอยู่เช่นนั้น ยังมีแรงก่นด่าอยู่
“ข้าเป็นคุณชายตระกูลหลง ! เจ้ากล้าจับตัวข้าไว้หรือ !? รอการแก้แค้นจากตระกูลหลงได้เลย ! ข้าจะทำลายคฆหาสน์นี่ให้ราบเลย !”
เมื่อเห็นซูเฉินมาถึง หลี่ชู่ก็เดินเข้ามา “เขาสบถด่าไม่หยุดเลยขอรับ เอาแต่ด่าคนวนไปวนมาเช่นนี้”
“เขาไม่มีสมอง” ซูเฉินประเมิน
เขาเดินไปตรงหน้าหลงเฉ่าโหยว ดึงเข็มทดลองออกมา จากนั้นทิ่มมันเข้าร่างหลงเฉ่าโหยวไป
“อ๊ากกก !” หลงเฉ่าโหยวร้องเสียงดังออกมาราวกับถูกแล่เนื้อเถือหนังออกช้า ๆ
หลังจากทำการค้นคว้ามายาวนาน ซูเฉินก็เรียนรู้ว่าจุดเจ็บของมนุษย์อยู่ที่ส่วนใดบ้าง บางครั้งการหักแขนคนอาจไม่ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บหนักได้ เพราะคนแขนหักยังทำการต่อสู้ได้อยู่ แต่หากร่างกายบางส่วนถูกซัดเข้าละก็ คนผู้นั้นจะไม่อาจต่อสู้ได้อีกเลย
อย่างน้อยที่สุด เรื่องเช่นนี้ก็สามารถใช้ได้กับคนทุกคนที่มีพลังไม่เกินด่านทะลวงลมปราณ มีเพียงผู้ที่ทะลวงสู่ด่านสู่พิสดารเท่านั้นที่ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวยาใดด้วยร่างกายแข็งแกร่งเกินบรรยาย
ซูเฉินปักแข็มลงบนจุดชีพจรของหลงเฉ่าโหยว ที่แม้จะเป็นคนที่แข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้าก็ยังไม่อ่านทนได้ ดังนั้นไม่ต้องกล่าวถึงผู้สืบทอดรุ่นสองอย่างหลงเฉ่าโหยวเลย
เมื่อหลงเฉ่าโหยวร้องจนคอแห้งไปแล้ว ซูเฉินจึงค่อยดึงเข็มออก “หากยอมร่วมมือดีตอนนี้ ก็ไม่ต้องลงเข็มอีก”
“ข้าร่วมมือ ข้าร่วมมือแล้ว !” หลงเฉ่าโหยวรีบร้องออกมา
“ใครเป็นคนสั่งให้เจ้าซื้อคฤกาสน์ตระกูลหลี่ ?” ซูเฉินถาม
หลงเฉ่าโหยวชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่คิดว่าซูเฉินจะถามเช่นนี้ออกมา
“ข้า…… ข้าอยากได้มันก็เท่านั้น……”
“เป็นไปไม่ได้” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ ทิ่มเข็มเข้าร่างหลงเฉ่าโหยวอีกครั้ง
“อ๊ากกก !” หลงเฉ่าโหยวร้องลั่นออกมา
เข็มถูกดึงออกมาอีกครา
เสียงร้องโหยหวนหยุดชะงักลง
ซูเฉินกล่าว “เจ้าไม่ได้อยากได้มันเป็นของตนเองแน่ หากเจ้าอยาก ด้วยนิสัยคุณชายเช่นเจ้า หากมีคนสู้ราคาเจ้าก็คงสู้ราคากลับ ไม่ใช่ถอยไปเช่นนี้ ในเมื่อเจ้าถอยไปแล้ว ก็หมายความว่าเจ้าไม่ได้ปักใจอยากซื้อมันเท่าไร”
“ทว่ามันต้องหมายความว่าเจ้าไม่มั่นใจว่าสถานการณ์ของมันเป็นอย่างไรกันแน่ แต่ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าเพียงอยากได้มันโดยไร้เหตุผล มันบังเอิญเกินไป ข้าไม่เชื่อเรื่องบังเอิญเช่นนี้ ดังนั้นต้องมีคนสั่งให้เจ้าลงมือทำเช่นนี้เป็นแน่ อาจฐานะไม่สูงส่งมาก ดังนั้นจึงไม่อาจสั่งเจ้าได้ถึงที่สุด สุดท้ายเจ้าจึงได้ยอมแพ้ไป อาจเป็นคนสนิท ท่าจะเป็นทหารรับจ้างหรือทหารรักษาความปลอดภัยส่วนตัวของเจ้า เจ้าลองคิดดูดี ๆ มีใครที่เกลี้ยกล่อมเจ้า ให้เจ้าคิดซื้อคฤหาสน์นั่นบ้างหรือไม่ ?”
“ข้า…… ข้าจำได้แล้ว…… มีคนผู้หนึ่งบอกกับข้าว่าในสถานที่ที่เกิดเหตุประหลาดขึ้นมักจะมีสมบัติซ่อนอยู่ พอข้าได้ยินดังนั้น ข้าจึงเริ่มสนใจคฤหาสน์ตระกูลหลี่ จึงอยากซื้อมันมาลองดูภายใน แต่เจ้าก็สู้ราคา ข้าจึงคิดว่าใช้เงินมากขนาดนั้นคงไม่คุ้มค่า หลังจากนั้นข้าก็ได้ยอนมาว่าเจ้าเป็นผู้จัดการความรู้คนใหม่ที่นี่ ในเมื่อหลิ่วอู๋หยาอยู่ในความควบคุมของตระกูลข้า ข้าจึงวางแผนรอให้เจ้าเดินทางมาที่นี่แล้วบีบให้เจ้ายอมส่งคฤหาสน์มาให้ข้าเสีย” หลงเฉ่าโหยวเอ่นก่อนจะพะงาบเอาอากาศเข้าไป
“คนคนนั้นเป็นใคร ?”
“เขามีนามว่าเว่ยเหลียนเฉิง หนึ่งในทหารของข้า”
“เขาได้อยู่เมื่อตอนต่อสู้ที่ถนนหนานอันหรือไม่ ?”
“ไม่ เขาถูกส่งไปคุ้มกันสินค้า ไม่ได้อยู่ที่เมืองธารน้ำใส เขาเป็นคนลึกลับนัก ข้าไม่ชอบเขาเท่าไร ดังนั้นข้าจึงส่งเขาไปทำงานจิปาถะ ข้าผิดไปแล้ว ผู้จัดการความรู้ซู ปล่อยข้าไปเถอะ ! ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่มาระรานเจ้าอีก !”
“ให้บิดาเจ้าเป็นคนเอ่ยคำสัญญาออกมาจะดีกว่า” ซูเฉินหมุนตัวแล้วเดินจากไป