ตอนที่ 42 : อำเภอไนลอน

โลกได้เปลี่ยนไปมาก จักรวาลนั้นมีพลังที่แปลกประหลาดที่ทำให้ต้นไม้และสัตว์บนโลก หรือแม้กระทั่งจุลินทรีย์เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

พวกที่เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ถูกเรียกว่าสัตว์อสูร

สัตว์อสูรที่ทำสัญญากับมนุษย์จะถูกเรียกว่าอสูร ส่วนมนุษย์ที่ทำสัญญาคือผู้ใช้อสูร ทั้งความคิดและจิตใจของทั้งสองจะผูกมัดกัน เป็นธรรมดาที่ผู้ใช้อสูรจะรับรู้ได้ถึงความคิดและความรู้สึกของสัตว์อสูรได้

เมื่อหวังเย่าปล่อยอสูรของเขาไป ทุกคนก็คิดว่าเขาเชื่อในความคิดของอสูรเกินไปและใสซื่อเกินไป

หากเรื่องนี้เกิดขึ้นที่เมืองอรุณ ทุกคนในเมืองก็คงจะหัวเราะเยาะเขา

หวังเย่าไม่สนใจท่าทีของผู้คนรอบตัว ยิ่งพวกนี้หัวเราะเขามากเท่าไหร่ พวกนี้ก็ต้องเสียหน้ามากเท่านั้น

เขาจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกเขาฟรี ๆ มันต้องมีการเอาคืนบ้าง

เขาได้ชี้ไปที่พื้นและพูดขึ้นมา “หงอคง การ์ฟิลด์ไม่อยู่แล้ว นายออกมาอยู่กับฉัน”

เมื่อพูดจบ หงอคงก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมา สายตาของมันสะท้อนความฉลาดออกมาพร้อมกับแววตาที่เป็นประกายสีทอง

แม้ว่ามันจะเลเวลแค่ 10 แต่พรสวรรค์ของมันนั้นสูงและโดดเด่นอย่างมาก จนทำให้ทุกคนในที่นั่นถึงกับตาเบิกกว้างในทันที

“ระดับทองอีกแล้ว ถึงจะอยู่แค่เลเวล 10 แต่มันก็ดูเหมือนจะมีความสามารถที่สูง เป็นแบบนี้ได้ยังไง ? ”

กลุ่มนักเรียนพากันเบิกตากว้างด้วยความเหลือเชื่อ ครูประจำชั้นเองก็อดไม่ได้ที่จะเม้มปาก เขาถึงกับใจเต้นรัว

เหลิ่งจื่อมู่ฮึดฮัดออกมาด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเงียบไป

จ้าวซื่อเผยสายตาอาฆาตออกมา เป็นเพราะเขาเองก็คาดไม่ถึงเช่นกัน

นี่มันอะไร ?

ก็แค่คนโง่ ๆคนหนึ่ง แต่กลับโชคดีที่มีอสูรระดับทองถึง 2 ตัว ถึงจะปล่อยไปแล้ว 1 ตัว แต่ก็ดูเหมือนว่าจะมีอสูรอีกตัวที่แข็งแกร่งกว่าออกมา

“อสูรระดับทองอีกตัว….แกมันทำฉันแปลกใจได้ทุกครั้งเลย” จ้าวซื่อแอบคิดในใจ แต่ทันทีที่คิดถึงพนันและพบว่าลิงนี่แค่เลเวล 10 การที่จะขึ้นไปถึงเลเวล 30 และแซงหน้าอสูรของเขากับเหลิ่งจื่อมู่นั้นแทบไม่ต่างจากฝัน มันแทบเป็นไปไม่ได้

ตอนนั้นถ้าหวังเย่าไม่อาจจะใช้หนี้พนันของทั้งสองได้ งั้นหวังเย่าก็ต้องมารับใช้พวกเขา

“ฮ่าฮ่า ปล่อยให้มันได้ใจไปก่อน”

ไม่นานบนท้องฟ้าก็เริ่มสว่าง พระอาทิตย์เริ่มส่องแสงออกมา

ทุกคนพากันกินข้าวเช้าก่อนจะมุ่งหน้าไปสู่อำเภอไนลอนที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ไมล์

ก่อนที่โลกจะเปลี่ยนไป สถานการณ์ของโลกนั้นก็คล้ายกับโลกที่หวังเย่าจากมา เป็นประเทศที่มีพื้นที่ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก มียี่สิบกว่ามณฑล ในมณฑลแต่ละมณฑลก็จะมีเมืองต่าง ๆ ต่ำกว่าเมืองก็จะเป็นอำเภอ ถัดจากนั้นก็จะเป็นตำบลและหมู่บ้าน

ตามแผนที่ก่อนหน้านี้แล้วอำเภอไนลอนโด่งดังมาจนถึงวันนี้ได้ก็เพราะเป็นอำเภอที่มีขนาดใหญ่

สำหรับเหตุผลว่าทำไมมันถึงได้กลายเป็นจุดทดสอบ  เหตุผลง่าย ๆ นั้นก็เพราะอำเภอไนลอนอยู่ห่างออกมาจากเมืองไม่ไกลมากนัก อีกทั้งยังมีภูเขาที่สูงหลายหมื่นเมตร มีสัตว์อสูรไม่ถึง 20 สายพันธุ์ สัตว์อสูรที่แกร่งที่สุดคือหมีขาวที่มักจะออกหาอาหารเฉพาะฤดูหนาว

และเป็นเพราะมันอยู่ใกล้กับเมืองอรุณ ดังนั้นพื้นที่โดยรอบที่เชื่อมต่อกับอำเภอไนลอนจึงถูกผู้ใช้อสูรเก็บกวาดจนกลายเป็นฐานที่มั่นของมนุษย์

แน่นอนว่ามันยังพอมีสัตว์อสูรอยู่บ้างแต่ความแข็งแกร่งไม่มากนัก จึงเหมาะแก่การเป็นสถานที่ในการทดสอบ เพราะอันตรายนั้นไม่ได้มากนัก

ในตอนที่เดินทาง หวังเย่าและคนอื่น ๆ ก็เห็นตึกมากมายที่ถูกทำลายและรู้ว่าพวกเขาได้มาถึงซากเมืองเก่าแล้ว

แน่นอนว่าเมืองนั้นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นป่าเหล็ก มันมีภูมิประเทศที่ซับซ้อน

ยิ่งสภาพแวดล้อมซับซ้อนเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีอันตรายแฝงอยู่มากเท่านั้น แม้ว่าจะทำการกำจัดสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งไปแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีสัตว์อสูรถูกทิ้งไว้ในเมืองจำนวนมากอยู่ดี

มันยังเหลือสัตว์อสูรกว่า 10 สายพันธุ์ เช่น มดคานิรบาล, ตั๊กแตนดำ, แมลงสาบเลือด, งูพิษจำนวนมาก, แมงมุมและแมวป่า

หวังเย่ามองไปรอบ ๆ ด้วยความสงสัย ก่อนจะพบกับสัตว์อสูรเหล่านั้นอย่างแมงมุมหน้ามนุษย์, แมงป่องแดงที่ตัวขนาดเท่ากับรถที่ดูแล้วมันคงทำลายตึกได้อย่างง่ายดาย

“ระวังตัวดัวย ถึงเราจะมีคนเยอะแต่ก็ยากที่จะมั่นใจได้ว่ามันจะไม่โจมตี สัตว์อสูรเหล่านี้แม้ว่าจะไม่แข็งแกร่ง แต่การโจมตีของมันก็ไม่อาจจะประมาทได้”

เมื่อครูประจำชั้นพูดจบ ตะขาบดำที่ตัวยาวกว่า 5 เมตรก็อ้าปากของมันแล้วพุ่งเข้าใส่พวกเขา ตอนที่มันยืดตัวออกนั้น แม้ว่าจะดูช้าแต่อันที่จริงแล้วก็ไม่ได้ช้าเลย

สีหน้าของครูประจำชั้นแสดงความโกรธออกมา เขาสั่งการเม่นของเขาให้รีบขดตัวและพุ่งเข้าชนกับตะขาบ ทำให้ร่างของตะขาบแตกออกพร้อมกับของเหลวสีเขียวปนเหลืองกระจายออกมา เมื่อน้ำเหล่านั้นหยดลงไปที่พื้นก็เกิดควันลอยขึ้นมา

มันเป็นกรด

ทุกคนพากันเดินหลบออกไป หวังเย่าเองก็แปลกใจ เขาอดไม่ได้ที่จะทึ่ง ตะขาบจากโลกที่เขาจากมาไม่ได้ดูอันตรายแบบนี้

โชคดีที่ตะขาบนี้ไม่ได้แข็งแกร่งนัก แค่เม่นชนไม่กี่ทีก็ทำให้มันตายได้แล้ว

เมื่อเห็นแบบนั้น ทุกคนก็ได้เรียกอสูรของตัวเองมาอยู่ข้างกายเพื่อกันไม่ให้โดนโจมตี

ระหว่างทางพวกเขาก็พบกับสัตว์อสูรอยู่บ้าง หนึ่งในพวกนั้นก็มีหอยที่พวกเขาไม่อาจจะทำอะไรได้ เพราะมันมีเปลือกที่หนาและเลเวลมากกว่า 30  ตัวของมันแข็งจนพวกเขาทำอันตรายมันไม่ได้เลย

หอยทำการดูดดินรอบ ๆ ก่อนจะยิงออกมาใส่บรรดานักเรียน

ดินที่รวมตัวกันเป็นลูกบอลถูกยิงเข้าใส่เด็ก ๆ

แล้วพวกเขาจะทนได้หรือ ?

มันทำให้ทุกคนโกรธขึ้นมา พวกเด็กที่ฐานะร่ำรวย ๆ ต่างพากันเอาอาวุธระยะไกลออกมาโจมตี

เหลิ่งจื่อมู่ดึงเอาปืนออกมาและเริ่มทำการยิงทันที

แม้แต่จ้าวเมิ่งซีเองก็มีสีหน้าเครียด เธอเอาปืนของตัวเองออกมาพาดไว้ที่ไหล่ก่อนจะเริ่มทำการยิง

ไม่ต้องอธิบายก็รู้ว่าหอยนี่น่ารำคาญแค่ไหน

มันไม่ใช่แค่ขวางทางพวกเขาแต่ยังทำการยิงดินใส่พวกเขาอีกด้วย