ฉิวฉิวพอได้ยินเสี่ยวเชี่ยนถามแบบนั้นก็แสดงสีหน้าเศร้าๆ เขามองไปยังร้านขายเสื้อผ้าหน้าร้อนที่อยู่ไม่ไกลพลางถามเสี่ยวเชี่ยน
“เธอสามารถทำเสร็จก่อนจะถึงฤดูที่เขาจะใส่กระโปรงให้ฉันดูได้หรือเปล่า?”
ก่อนหน้านี้ตอนที่ออกไปเดินเล่น ฉิวฉิวได้ซื้อกระโปรงน่ารักๆให้จิงจิง ฉิวฉิวหวังแค่ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนจะสามารถดำเนินไปจนถึงฤดูที่ดอกไม้เบ่งบาน
เสี่ยวเชี่ยนไม่อยากจะทำร้ายจิตใจฉิวฉิว แต่จะไม่ให้พูดความจริงก็ไม่ได้
“อาจจะเร็วกว่านั้นมาก นับตั้งแต่ปลายเดือนนี้เป็นต้นไป นายจะต้องค่อยๆถอยห่างจากเขาจนกระทั่งเขาลืมนาย หลังจากที่ฉันกรอกข้อมูลตัวตนใหม่ใส่สมองเขาแล้ว นายจะมาปรากฏตัวในโลกของเขาอีกก็ได้ แล้วแสร้งทำเป็นคนแปลกหน้า ทำความรู้จักกับเขาอีกครั้ง เพียงแต่เขาในตัวตนใหม่จะยังมีความรู้สึกแบบในตอนนี้กับนายหรือเปล่าไม่มีใครรู้”
ก็เหมือนกับหูเหม่ยจิ้งคู่หมั้นของโลนวูล์ฟ ตอนที่รักใครคนหนึ่งก็คิดว่านั่นคือทั้งชีวิต แต่หลังจากผ่านเรื่องราวมากมายถึงได้พบว่า คนที่เคยรักพอมาถึงวันหนึ่งสุดท้ายก็จะกลายเป็นคนที่ผ่านมาแล้วผ่านไป
เนื่องจากมีเรื่องของหูเหม่ยจิ้งให้เห็นก่อนหน้านี้ ดังนั้นตอนที่เสี่ยวเชี่ยนพูดกับฉิวฉิวในใจจึงยิ่งเข้าใจ
ไม่ว่าจิงจิงจะรู้สึกอย่างไรกับฉิวฉิว ติดฉิวฉิว เป็นสิ่งกระตุ้นที่เกิดจากความไม่ไว้ใจผู้ชายหลังจากป่วย หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ฉิวฉิวคงมีใจให้จิงจิงไปแล้ว เมื่อกี้ตอนกินข้าว เสี่ยวเชี่ยนมองเห็นท่าทีของทั้งสองคนที่มีต่อกัน ดังนั้นตอนที่ถามเรื่องพวกนี้เธอจึงต้องพูดตรงๆ
“ก่อนปลายเดือนเหรอ งั้นฉันก็ยังมีเวลาพาเขาไปดูดอกไห่ถัง” ฉิวฉิวโบกมือให้จิงจิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลกำลังมองมาทางเขา
เสี่ยวเชี่ยนเข้าใจความหมายของฉิวฉิว เขาต้องการใช้ช่วงเวลาที่เหลือเพื่อสร้างความทรงจำครั้งสุดท้าย
“ประธานเชี่ยนไม่คุยละ ไปก่อนนะ” ฉิวฉิวโบกมือให้เสี่ยวเชี่ยนแล้วยิ้มสดใสดังเคยให้ พออยู่ในบรรยากาศแบบนี้ยิ่งทำให้เสี่ยวเชี่ยนเกิดความรู้สึกเศร้ามากกว่าเดิม
ระหว่างทางกลับเสี่ยวเชี่ยนเอาแต่คิดเรื่องที่เกิดขึ้นของคนรอบตัวเธอ สืออวี้ที่ปกติพูดจ้อไม่หยุดก็เอาแต่เงียบ
“สืออวี้เป็นอะไรไป?” เสี่ยวเชี่ยนสังเกตเห็นว่าสืออวี้ดูแปลกๆตั้งแต่กินข้าวเสร็จ
สืออวี้ถอนหายใจ “ก่อนหน้านี้ฉันกลุ้มเรื่องไม่รู้จะเอ่ยปากบอกพ่อกับแม่เรื่องฉันกับพี่ยังไง แต่พอเห็นฉิวฉิวก็รู้สึกว่าฉันยังไม่ใช่คนที่น่าสงสารที่สุด อย่างน้อยฉันกับพี่อาจจะโดนลงไม้ลงมือบ้างแต่สุดท้ายก็ยังได้อยู่ด้วยกัน”
ความกลัดกลุ้มทั้งหมดล้วนมีตอนที่ไม่มีใครมาให้เปรียบเทียบ
เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้า “ฉันจะเล่าเคสที่เกี่ยวกับงานของฉันให้ฟัง มีคนๆหนึ่งกลุ้มใจกับชีวิตมาก รู้สึกว่าตัวเองเจอกับเรื่องที่แย่ที่สุด วันๆได้แต่นั่งเศร้า เขาเลยไปหานักปรัชญาชื่อดังเพื่อขอวิธีแก้ไข เธอเดาดูว่านักปรัชญาพูดว่าไง?”
“อ่อ กลุ้มมากก็ไปตะกายกำแพงสิ?”
เสี่ยวเชี่ยนมองบน “ถ้าใช้วิธีรักษาคนแบบเธอ พวกเราฆ่าคนตายไปเท่าไรแล้ว หา? นักปรัชญาบอกเขาว่า ให้เขาไปที่หมู่บ้านแล้วไล่เคาะประตูทุกบ้านแล้วถาม…”
“เธอเคยได้ยินเรื่องแอมXไหม?”
อยู่ๆสืออวี้ก็พูดแทรกขึ้นมา ช่วงสองปีมานี้บริษัทขายตรงผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด มีทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย หลังจากที่มีการแก้ระบบรัฐวิสาหกิจ หลายคนต่างคิดว่าวิธีทำธุรกิจแนวใหม่สามารถเปลี่ยนชีวิตได้ แต่กลับพบว่าคนที่เดินไปจนถึงจุดสูงสุดจริงๆมีน้อยมาก มีคนจำนวนมากเข้าไปแล้วก็ต้องถอยออกมา กฎ80/20นั้นเหมาะที่จะใช้ในทุกวงการ
เสี่ยวเชี่ยนเหล่มองสืออวี้ สืออวี้ส่งยิ้มแหยๆกลับมา “ก็ฉันได้ยินว่าไล่เคาะประตูตามบ้านก็เลยนึกถึงเรื่องนี้ไง เธอพูดต่อสิ ฉันอยากรู้ว่านักปรัชญาบอกเขาว่าอะไร”
“เขาบอกกับคนที่คิดว่าตัวเองกลุ้มใจจนใกล้เป็นโรคซึมเศร้าคนนั้นให้ไปไล่เคาะประตูตามบ้านเพื่อหาดูว่าใครบ้างไม่มีเรื่องกลุ้มใจ พอเขาไปเคาะทั้งหมู่บ้านแล้วอารมณ์ก็ดีขึ้น ไม่คิดว่าตัวเองกลุ้มใจอยู่คนเดียวอีกต่อไป เพราะต่อให้เป็นครอบครัวที่เราคิดว่าเขาจะต้องมีชีวิตที่ดี แต่พอปิดประตูทุกคนต่างมีความกลุ้มใจที่แตกต่างกันออกไป”
สิ่งที่แสดงออกให้คนอื่นเห็นล้วนมีแต่ด้านดี ส่วนความกลัดกลุ้มมีแค่ตัวเองที่เข้าใจ
“ประธานเชี่ยน ทำไมวันนี้ดูเซ้นซิทีฟจัง? ไปอยู่กับหัวหน้าอวี๋มาทั้งคืนดูเป็นผู้หญิงมากขึ้นเรื่อยๆเลยนะ ฉันว่าเธอดูต่างจากตอนที่เพิ่งเจอกันมาก”
เสี่ยวเชี่ยนยิ้ม ต้องยอมรับเลยว่าลูกสาวเศรษฐีจอมติงต๊องเซ้นส์แรงกับบางเรื่องจริงๆ มีเซ้นส์ของพวกศิลปิน
“ฉันชอบเธอในตอนนี้ ฉันว่าจิตวิญญาณของเธอไม่ได้ดูล่องลอยบ่อยๆแล้ว บางช่วงเธอเจอคนที่เธอสนใจ จิตวิญญาณของเธอก็จะลงมา ทำให้เธอกลายเป็นคนจริงๆ แต่หลายครั้งที่เธอดูล่องลอยอยู่ในอากาศ มองคนที่เธอเธอไม่อยากจะสนใจ…เวลาเธอพูดถึงหัวหน้าอวี๋จิตวิญญาณของเธอก็จะลงมา เมื่อกี้ไม่รู้ทำไม พอเธอพูดกับฉิวฉิวเสร็จฉันว่าเธอก็ลงมาเหมือนกัน เธอดูใส่ใจ”
สืออวี้พูดได้เห็นภาพ เสี่ยวเชี่ยนคิดสักพักแล้วพยักหน้า
“อืม เธอพูดถูก พอเธอพูดแบบนี้ฉันถึงได้พบว่า ตอนที่ฉันรักษาคนอื่นฉันเองก็กำลังหาทางช่วยเหลือตัวเองไปด้วย ถ้าใช้คำพูดของเธอก็คงเป็น จิตวิญญาณของฉันถ้าลงมาได้ทั้งหมดแล้ว โรคย้ำคิดย้ำทำที่ติดการล้างมือของฉันก็จะหาย”
ช่องโหว่ในจิตใจที่มีเลือดไหลได้ถูกซ่อมแซมทีละนิดตั้งแต่เธอคบกับอวี๋หมิงหลาง หลังจากที่เธอกลับมา ก็ได้ไปเจอกับคนไข้เมื่อชาติก่อนมีทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ หลังจากที่ได้ไปเจออีกครั้ง แต่ละครั้งก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ความรู้สึกเหล่านี้ได้เพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ อาการของเสี่ยวเชี่ยนก็ค่อยๆดีขึ้น ตอนนี้โรคย้ำคิดย้ำทำของเธออาการเบาลงไปมากแล้ว
“เจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆบ้างก็ดีเหมือนกันนะ เพราะเธอไม่สมบูรณ์แบบถึงได้น่ารัก ฉลาดขนาดนี้แล้ว ถ้าเอาสิ่งๆให้เธอไปหมดคนอื่นได้หมั่นไส้เธอพอดี ดูอย่างเทพวีนัสแห่งวงการศิลปะสิ เพราะเขาแขนขาดถึงได้สวย จริงสิประธานเชี่ยน เธอกลับไปที่หอกับฉันหน่อยสิ ฉันจะไปเอากระดาษ ที่เอามาใช้หมดแล้ว”
เสี่ยวเชี่ยนรอสืออวี้อยู่หน้ามหาวิทยาลัย แสงไฟสาดส่องไปที่ป้ายมหาวิทยาลัย นึกถึงเวลานี้ของเมื่อวาน เธอกับเสี่ยวเฉียงกำลังเล่นผีผ้าห่มกันอยู่ แต่ตอนนี้ต่างแยกย้ายกันแล้ว
“หมอเฉิน”
“นาย?”
เสี่ยวเชี่ยนเห็นหวางย่าเฟยที่อยู่ไม่ไกล เธอรู้สึกตกใจเล็กน้อย
เมื่อคืนนายคนนี้แข่งยิงปืนกับเสี่ยวเฉียง ถูกเสี่ยวเฉียงเอาชนะแบบราบคาบ แล้ววันนี้มาที่มหาวิทยาลัยเธอทำไม?
แถมสายตาที่หวางย่าเฟยมองเธอก็ไม่เหมือนเมื่อก่อน หลังจากที่เธอเข้าไปยุ่งเรื่องการทดสอบของเขา เขาก็แค้นเธอมาตลอด แต่ในเวลานี้เสี่ยวเชี่ยนกับมองเห็นแววตาที่สำนึกผิดของเขา ชั่วเวลาแค่คืนเดียวเปลี่ยนทัศนคติคนได้เลยเหรอ?
“ผมเอง ผมมีเรื่องจะคุยด้วย คุณสะดวกไหม?”