ตอนที่ 44 : หนอนเงา

เขตลับที่นี่ดูสวยงามจนเด็ก ๆ คิดว่ามาเที่ยวเล่นกัน แต่หวังเย่ารู้ดีว่าที่นี่ไม่ใช่ที่เที่ยว

แน่นอนว่าตอนที่เด็กทุกคนมากันครบแล้ว ครูก็ได้ปล่อยให้ทุกคนไปพักผ่อน

20 นาทีต่อมา ครูแต่ละคนก็พาเด็กของตัวเองเดินทางออกไปชมรอบ ๆ

ระหว่างทางครูประจำชั้นก็ได้พูดขึ้นว่า “สัตว์อสูรในมิติภายนอกถูกกำจัดเกือบหมดแล้ว มันไม่มีอันตรายต่อพวกนาย แต่ก็ไม่อาจจะประมาทได้ ยังไงซะมันก็ต้องมีช่องโหว่ ถึงทหารจะทำการเคลียร์พื้นที่ไปแล้ว แต่ก็ไม่อาจจะรับรองได้ว่าอันตรายทั้งหมดจะถูกกำจัดไป”

“เป้าหมายของเราในครั้งนี้คือจับสัตว์อสูรที่เรียกว่าหนอนเงา ทุกคนคงรู้จัก”

หวังเย่าและคนอื่น ๆ พากันพยักหน้า หนอนเงานั้นคือสัตว์อสูรที่อยู่ในภูเขาแห่งนี้ ตัวของมันไม่ได้ใหญ่นัก ตัวหนาประมาณแขนและระดับก็ไม่ได้สูงมาก โดยทั่วไปแล้วมันมีเลเวลแค่หลัก 10 ต้น ๆ เลเวลสูงสุดก็ไม่เกิน 20  มันกินพืชเป็นอาหาร และมักจะอยู่ตามต้นไม้หรือไม่ก็รู มันมีความสามารถในการกระโดด และสิ่งนี้จะทำให้พวกเด็ก ๆ ยากที่จะจับมันได้

หนอนเงานี้มีคุณค่าในทางการแพทย์ มันใช้เป็นส่วนผสมของยาต่าง ๆ ที่ขายได้กว่าหลายร้อยเครดิต  หนอนเงาจากภูเขาแห่งนี้มีราคาสูงถึง 300 เครดิต

แน่นอนหากมันตายก็จะทำให้คุณค่าของมันลดลงอย่างมาก มันถึงกับไม่มีใครรับซื้อซากหนอนเงาก็มี

ตอนนั้นเอง ที่นักเรียนคนหนึ่งได้ถามขึ้นมา “อาจารย์ การจับหนอนเงานี่นับเป็นผลงานรายบุคคลรึเปล่า ? ”

คำถามนี้ทำให้หลายคนสงสัยขึ้นมาทันที ยังไงซะมันก็หมายถึงเงินจำนวนมาก

ครูประจำชั้นส่ายหน้า “เขตลับของภูเขาแห่งนี้เป็นของผู้ตรวจสอบขั้น 4  แต่ก่อนมันยังไม่เปิดให้ใครเข้า แต่ข้อตกลงในปีนี้เปลี่ยนไปและแค่ปีนี้เท่านั้น พวกนายก็เห็นว่าที่นี่ไม่ได้อันตรายเท่าไหร่และยังดูสวยงาม ทางโรงเรียนของเราก็ได้ขอยืมใช้สถานที่นี้มาฟรี ๆ เพื่อให้ทุกคนมาจับหนอนเงาที่นี่ พวกเขาจะขอรับซื้อหนอนเงาที่พวกนายหามาได้ในราคา 150 เครดิตต่อตัว หวังว่าพวกนายจะไม่ทิ้งโอกาสดี ๆ แบบนี้ไป”

ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เด็ก ๆ ก็พากันยิ้มกว้างออกมา ผู้ตรวจสอบขั้น 4 นี่เป็นคนดีจริง ๆ

สำหรับที่ว่าผู้ตรวจสอบคนนี้จะเป็นใครนั้นพวกเขาไม่ได้สนใจ ยังไงซะฐานะของอีกฝ่ายก็ต่างกับพวกเขาอย่างมาก

หวังเย่ารู้สึกคุ้นหูขึ้นมา คำว่าผู้ตรวจสอบนี้เหมือนเขาจะเคยได้ยินมา แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก

จ้าวเมิ่งซีเข้าใจในทันที เธอมองไปที่หวังเย่าและเมื่อเห็นสีหน้าไม่มั่นใจของเขา เธอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

ทุกคนเดินหน้าไปกว่า 10 นาทีก่อนจะมาถึงแม่น้ำหยก มันกว้างประมาณ 3 ฟุต แม่น้ำแห่งนี้ตื้นและมีลมพัดผ่านอยู่บ้าง

ที่นี่มีเต่าปลาตัวยาวกว่า 8 ฟุตว่ายไปมาอยู่ในแม่น้ำ

บนแม่น้ำมีสะพานเชือกที่กว้างกว่า 2 เมตร มันทำขึ้นด้วยเชือกสลิง เมื่อผู้คนเดินขึ้นไปก็ทำให้สะพานสั่นไหวอยู่บ้าง

หลังจากข้ามสะพานมาแล้ว ทุกคนก็ได้เข้าไปในภูเขา ที่ตีนเขากว่าครึ่งมีหิมะปกคลุมอยู่ มันถึงกับมีร่องรอยของสัตว์อสูรอยู่ด้วย

เดินทางมาได้ไม่นานพวกเขาก็พบกับหนอนเงาตัวหนึ่งที่เพิ่งจะกระโดดหนีออกมาจากต้นไม้ เมื่อมันเห็นพวกเขา

แน่นอนว่าสัตว์อสูรพวกนี้ยากที่จะจับได้

ต้องไล่ตามไปนานกว่า 30 นาที ถึงจะจับมันได้

ครูประจำชั้นได้พูดขึ้นมา “เราจะตั้งเต็นท์กันที่นี่ จำไว้ว่าอย่าออกห่างจากที่นี่มากนัก ถ้าพบอันตรายก็ให้ทำการส่งสัญญาณทันที เข้าใจไหม ? ”

เด็ก ๆ พากันพยักหน้า และเลือกตำแหน่งเพื่อตั้งเต็นท์ของตัวเองทันที

หวังเย่าเลือกที่ที่มองเห็นท้องฟ้าได้ ตอนนั้นเองจ้าวเมิ่งซีก็เดินเข้ามาหาและพูดขึ้น“นายช่วยตั้งเต็นท์ให้ฉันที”

หวังเย่าเบะปากและพูดว่า “ทำไมเธอถึงต้องมาอยู่ใกล้ฉันนัก ? ก็ได้ ฉันช่วยเธอก็ได้ ฉันคิดครั้งละ 100 เครดิต”

“นายนี่มันใจดำจริง ๆ ราคาเต็นท์นี่ไม่ถึง 500 เครดิตด้วยซ้ำ” จ้าวเมิ่งซีบ่นออกมา

“งั้นเธอก็ตั้งเองสิ ทำไมต้องให้ฉันช่วย ? ” หวังเย่ายิ้มออกมา  “ใครให้เธอเป็นคนรวยทำอะไรไม่เป็นจนต้องใช้เงินมาซื้อบริการจากฉันกัน”

“ก็ได้ ก็ได้…งั้นนายก็ขายตัวให้ฉันสินะ” จ้าวเมิ่งซียิ้มออกมา

“เธอหมายถึงอะไรที่ว่าขายตัว ? ความคิดเธอนี่ประหลาดจริง ๆ ”

ถึงจะบ่นแต่เขาก็ตั้งเต็นท์ 2 อันจนเสร็จ

การทดสอบในเขตลับนี้คิดตามจำนวนหนอนเงาที่จับได้ ยิ่งได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะถูกมหาวิทยาลัยเลือกตัวมากเท่านั้น

ครูประจำชั้นได้ปล่อยเด็ก ๆ ไปโดยที่คอยดูแลความปลอดภัยของที่ตั้งเต็นท์ เขาเอาโทรศัพท์ออกมาเล่นเพื่อฆ่าเวลา

มันเป็นโอกาศที่หาได้ยากที่เขาจะมีเวลาพักผ่อนเช่นนี้ได้ ในอดีตตอนที่เขานำทีมก็ยากลำบากเหมือนอย่างครั้งนี้เช่นกัน

หวังเย่าและจ้าวเมิ่งซีมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองอย่างมาก ทั้งสองแยกกันลงมือ แน่นอนว่าพวกเขาต่างก็ใช้อสูรของตัวเองออกมาช่วยด้วย

หวังเย่าเลือกทางหนึ่งโดยมีหงอคงอยู่ข้างกาย แม้ว่ามันจะเลเวลแค่ 10 แต่มันก็ว่องไวอย่างมาก มันกระโดดข้ามต้นไม้ได้อย่างว่องไว

ไม่นานหวังเย่าก็เจอกับหนอนเงาที่นอนอยู่ที่กิ่งไม้ใหญ่กิ่งหนึ่ง

หวังเย่าลดความเร็วลงและอ้อมเข้าไปหามันอย่างเงียบ ๆ

แม้ว่าการ์ฟิลด์จะไม่อยู่ แต่เขาก็ยังใช้สกิลของการ์ฟิลด์ได้เพราะความภักดีที่สูงของมัน

ดังนั้นเขาจึงเข้าไปหาตัวหนอนเงาได้อย่างเงียบ ๆ เมื่ออยู่ในระยะ 10 ฟุต เขาก็ยกตาข่ายจับแมลงขึ้นมา ก่อนจะเหวี่ยงใส่หนอนเงา

แต่หนอนเงานี้ระวังตัวอย่างมาก เมื่อเห็นว่ามีคนเข้าใกล้ มันก็ร้องออกมาก่อนจะกระโดดหนี

หวังเย่าจะปล่อยให้มันหนีไปได้ง่าย ๆ ได้ยังไง ?

แต่เพราะคนจำนวนมากและสภาพแวดล้อมที่จำกัด เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะไล่ตามมันไป

“ ฉัน….ระวังขนาดนี้แต่มันก็ยังไหวตัวทัน”

งั้นก็หมายความว่าถึงมีการ์ฟิลด์อยู่ด้วย แต่ก็ยากที่จะจับมันได้ไม่ใช่รึไง ?

เขาอดไม่ได้ที่จะเดาความรู้สึกของนักเรียนคนอื่น ๆ เขาเดาว่าพวกนั้นคงต้องหงุดหงิดไม่ต่างจากเขาที่เป็นตอนนี้อย่างแน่นอน

แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้ที่เด็ก ๆ จะรวมตัวกันเป็นทีม ซึ่งจะลดความยากลงมาอย่างมากเพื่อทำการล้อมจับหนอนเงา

ตอนที่คิดอยู่นั้น หงอคงก็ได้กระโดดมาอยู่ข้าง ๆ เขา ตอนนั้นหนังตาของหวังเย่ากลับกระตุกเพราะเห็นว่าในมือของมันกลับมีหนอนเงาอยู่