ตอนที่ 45 : หงอคง
หวังเย่าแปลกใจอย่างมาก เขาไม่คิดว่าหงอคงจะจับหนอนเงาได้
เขารับหนอนเงามาเก็บใส่ถุงมิติที่ครูประจำชั้นแจกให้กับเด็กทุกคน เพื่อเอาไว้เก็บหนอนเงา
“หงอคง ทำให้ฉันดูทีว่าแกจับมันยังไง” หวังเย่าสั่งการหงอคงทันที
หงอคงได้ยินคำสั่งก็รีบกระโดดไปที่ต้นไม้อีกต้นโดยใช้ทั้งมือและเท้าของตัวเอง มันว่องไวอย่างมาก
แม้ว่าภูเขาเขาวัวจะเล็กแต่ก็มีต้นไม้อยู่เป็นจำนวนมาก มันมีต้นไม้สูงหลายร้อยต้น ความสูงของมันสูงยิ่งกว่าคนยืนต่อกัน12 คนเสียอีก
เนื่องจากหวังเย่าไม่ได้มีสกิลแบบหงอคง งั้นมันก็ยากที่จะโดดข้ามต้นไม้แบบนี้ได้
ตาของหงอคงเป็นประกายขึ้นมา ไม่นานมันก็พบบางอย่างและพุ่งออกไปในทิศทางที่หวังเย่าชี้ไป มันกระโดดขึ้นพร้อมกับอาศัยแรงเหวี่ยงพุ่งออกไปข้างหน้า
หวังเย่ารีบตามไป ก่อนจะพบว่าหงอคงกระโดดไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่งพร้อมกับหนอนเงาที่กำลังจะพุ่งหนีไป แต่สุดท้ายกลับโดนหงอคงจับเอาไว้ได้
หวังเย่าอ้าปากค้าง เขาไม่คิดว่าหงอคงจะว่องไวแบบนี้ สิ่งนี้มันทำให้เขายิ้มกว้างออกมาทันที
เป้าหมายของการทดสอบนี้คือการทดสอบสำหรับนักเรียน แต่การที่มีหงอคงอยู่ด้วยจะทำให้เขาจับหนอนเงาได้อย่างง่ายดาย
แต่หวังเย่าไม่คิดพึ่งหงอคงมากนัก ในเมื่อมันเป็นการทดสอบ งั้นเขาก็ต้องจริงจังกับมันเพื่อจะได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองด้วย
แม้ว่าเขาจะจับหนอนเงาไม่ได้ แต่ส่วนที่สำคัญคือเขาต้องลงมือด้วยตัวเอง
ตอนแรกเขาไม่รู้ว่าต้องทำยังไง แต่เมื่อเห็นวิธีจับของหงอคงแล้ว หวังเย่าก็ได้ความคิดขึ้นมา ไม่ต้องเดาเลยว่าในป่านี้ หงอคงได้เปรียบอย่างมาก เขาจึงต้องเรียนรู้จากมัน
หลังจากที่คิดได้แบบนั้น เขาก็เก็บหนอนเงาใส่ถุงมิติก่อนจะสั่งการให้หงอคงสอนการเคลื่อนไหวให้กับเขา
แน่นอนว่ามันไม่มีปัญหาที่หงอคงจะสอนเรื่องนี้ให้กับหวังเย่า
แต่ตอนที่หงอคงไปถึงต้นไม้ใหญ่ที่เต็มไปด้วยผลไม้ มันก็ตาเป็นประกายและไม่สนใจหวังเย่าเลยแม้แต่น้อย จากนั้นมันก็โยนผลไม้ให้กับหวังเย่า โดยหวังให้เขาเก็บผลไม้ไว้ให้
หวังเย่าถือว่านี่คือการฝึกฝน เขารับผลไม้ขนาดเท่ากับแตงโมที่หงอคงโยนมาให้ด้วยวิธีต่าง ๆ เท่าที่เขามี
จากนั้นการเคลื่อนไหวของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว โดยที่เขาใช้การเคลื่อนไหวของหงอคงเป็นต้นแบบ
…
ผลไม้บนต้นไม้นี้มีจำนวนมาก หวังเย่าคิดว่ากินยังไงก็คงกินไม่หมด เขาลองชิมดูและรับรู้ได้ถึงน้ำผลไม้ที่สดชื่น และทำให้เขาฟื้นฟูแรงกายขึ้นมาได้อีกครั้ง
ตลอดทั้งบ่าย หงอคงไม่ทำอะไรอื่นนอกจากเก็บผลไม้
สุดท้าย หวังเย่าก็หมดทางเลือกนอกจากสั่งให้มันหยุด ไม่อย่างงั้นกระเป๋ามิติของเขาคงไม่มีที่ว่างเหลืออีกแล้ว
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหงอคงก็แสดงท่าทีเสียดายออกมา แต่ไม่นานมันก็ได้สติกลับมา เพราะตอนนี้มันกินผลไม้จนท้องป่องแล้ว
หวังเย่าเห็นแบบนั้นก็ตรวจสอบสถานะของหงอคงทันที
****
แจ้งเตือน : หงอคง ได้กินผลหยวน ได้ค่าประสบการณ์ 1,000 หน่วย
แจ้งเตือน : หงอคง ได้กินผลหยวน ได้ค่าประสบการณ์ 1,000 หน่วย
แจ้งเตือน : หงอคง มีความสุขอย่างมาก ค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้น 50 หน่วย
แจ้งเตือน : หงอคง เพิ่มความภักดีเป็น 6 หน่วย
****
หวังเย่าเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นี่คือเรื่องปกติงั้นหรือ ?
เขาแปลกใจที่หงอคงได้ค่าประสบการณ์กับแค่การกินผลไม้เหล่านี้….มันแปลกจริง ๆ
หวังเย่าได้ทำการสื่อสารกับหงอคงและเข้าใจทันที หงอคงเป็นอสูรที่แปลกอยู่แล้ว มันไม่กินเนื้อ มันกินแค่อาหารที่มีพลังงานอย่างผลไม้, น้ำ, และน้ำยาพลัง
“ฮ่าฮ่า ไม่คิดเลยว่าแกจะเป็นหงอคงแบบที่ฉันคิดไว้จริง ๆ ” หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาด้วยความพอใจ
“ เมื่อแกมีค่าประสบการณ์มากพอแล้ว แกก็เพิ่มเลเวลได้แล้ว”
เมื่อพูดจบ ตอนนั้นเองตัวของหงอคงก็ได้มีแสงสีทองส่องประกายออกมาถึง 3 ครั้ง บ่งบอกว่ามันขึ้นเป็นเลเวล 13 ขนาดตัวของมันใหญ่ขึ้น และท้องของมันก็แฟบลงไปด้วย
หวังเย่าเงยหน้าขึ้นมองฟ้า ที่นี่ไม่มีดวงอาทิตย์รึดวงจันทร์ ดังนั้นจึงแยกไม่ออกว่ามันเป็นเวลากลางวันรึกลางคืน
แต่หวังเย่ามีนาฬิกาที่สายรัดข้อมืออยู่ เมื่อได้เวลา 6 โมงเย็น เขาก็ได้กลับไปยังแคมป์พร้อมกับหงอคง
ตอนนั้นเด็กคนอื่น ๆ ก็ได้กลับมาแล้ว
เนื่องจากคนส่วนมากได้จับทีมกัน อย่างเหลิ่งจื่อมู่ที่เป็นลูกคนรวยก็มีลูกน้องอยู่หลายคน ดังนั้นเขาจึงจับหนอนเงาได้ถึง 9 ตัว
จ้าวเมิ่งซีได้ที่สอง เสื้อผ้าของเธอดูสกปรกและยับยู่ยี่ เธอจับหนอนเงาไปได้ 6 ตัว
จ้าวซื่อลงมือเพียงลำพัง เขาโชคดีที่ยังจับได้ 1 ตัว
ตอนนั้นเมื่อเห็นหวังเย่ากลับมา หลายคนก็พากันมองไปที่ถุงมิติของเขา เมื่อเห็นว่าถุงนั้นว่างเปล่า ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยออกมา
เหลิ่งจื่อมู่พูดขึ้นอย่างภูมิใจ “หวังเย่า แกไม่คิดจับทีมกับใครและลงมือเพียงลำพัง แกคงนึกว่าตัวเองแข็งแกร่งแต่กลับจับหนอนเงาไม่ได้สักตัว น่าตลกจริง ๆ ”
แม้แต่จ้าวซื่อที่จับหนอนเงาได้แค่ตัวเดียวก็เยาะเย้ยออกมา “พวกไม่รู้จักประมาณตน แกคิดว่าจะจับหนอนเงาได้ง่าย ๆ รึไง ? แกไม่ต้องมาทดสอบให้เสียเวลาหรอก ฉันว่าแกไปรอพวกเราด้านนอกดีกว่า”
หวังเย่ามองไปรอบ ๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเดินไปหาจ้าวเมิ่งซีและพูดขึ้น “เธอแบ่งหนอนเงาให้ฉันหน่อยสิ คนอื่นจะได้ไม่ว่าฉัน”
จ้าวเมิ่งซีพูดว่า “นายคิดว่าฉันเป็นนางฟ้าใจดีรึไง”
หวังเย่าถอนหายใจอออกมาและพูดขึ้น “นางฟ้าที่กลับสวรรค์ไม่ได้ เธอคงได้แต่อยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต”
จ้าวเมิ่งซีหน้าแดงขึ้นมา เธอได้ดึงเอาหนอนเงาออกมา 3 ตัว ก่อนจะกรอกตาใส่หวังเย่า “ฉันให้นายก็ได้”
หวังเย่ายิ้มออกมาและรับมันไว้ เขาไม่ได้สนใจสีหน้าที่ไม่พอใจของเหลิ่งจื่อมู่และจ้าวซื่อเลยแม้แต่น้อย จากนั้นเขาก็บ่นออกมา “เฮ้อ เหนื่อยจริง ๆ ”
ประโยคนี้ทำให้หลายคนแทบกระอักเลือดออกมา แม้แต่ครูประจำชั้นก็ยังต้องเบือนหน้าหนีกับพฤติกรรมของเขา
หวังเย่าไปขอหนอนเงาจากจ้าวเมิ่งซี แต่เขากลับบอกว่าตัวเองเหนื่อยเนี่ยนะ ? น่าตลกสิ้นดี