ความกดอากาศในรถต่ำมาก โดยมีหนานกงเยี่ยเป็นจุดศูนย์กลาง รังสีความเย็นยะเยือกของเขาแผ่ออกไปจนแทบจะก่อตัวเป็นน้ำแข็ง
เหลิ่งรั่วปิงเคยพบเจอสถานการณ์น่ากลัวมาทุกรูปแบบ แต่เธอไม่สามารถที่จะเอาชนะความกลัวที่มีต่อหนานกงเยี่ยได้ เวลาที่เขาเย็นชาขึ้นมาความเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาจากตัวของเขาสามารถแช่ฟรีซกระดูกของคนได้
เหลิ่งรั่วปิงกำมือแล้วคลายมือ คลายมือแล้วกำมืออีกครั้ง ในที่สุดเธอก็รวบรวมความกล้าแล้วพูดเสียงค่อย “คุณหนานกง ฉัน…”
“ตอนนี้ผมไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น!” หนานกงเยี่ยพูดขัดจังหวะเธอด้วยความโมโห
จากนั้น ภายในรถก็กลับมาเงียบสงัดเหมือนป่าช้าอีกครั้ง และหนาวเย็นเหมือนกับน้ำแข็ง
ก่วนอวี้ปรับอุณหภูมิในรถยนต์ให้สูงที่สุด แต่ก็ไม่สามารถทำให้ตัวของเขาหยุดสั่นได้
รถเคลื่อนตัวไปจนถึงวิลล่าหย่าเก๋อ เวลานี้หนานกงเยี่ยยังคงหลับตา ตลอดทางที่ขับรถกลับมานั้นท่านั่งและสีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย เขาไม่ลงจากรถยนต์ ทำให้เหลิ่งรั่วปิงก็ไม่กล้าลงจากรถยนต์ ส่วนก่วนอวี้เองก็ยิ่งไม่กล้าเร่งเร้าพวกเขา ตอนนี้รู้สึกเหมือนถูกความเย็นยะเยือกกดทับจนไม่สามารถทนต่อไปได้อีก ก่วนอวี้จึงลงจากรถเพียงลำพัง จากนั้นยืนอยู่ข้างรถยนต์เพื่อรอฟังคำสั่ง
ภายในรถยนต์มีแค่หนานกงเยี่ยและเหลิ่งรั่วปิง ทำให้เหลิ่งรั่วปิงยิ่งรู้สึกว่าความกดอากาศภายในรถมีมากขึ้น และยังหนาวเป็นอย่างมาก
เพราะถึงยังไงเธอก็เป็นคนที่เคยผ่านความเป็นความตายมาแล้ว จึงไม่สามารถที่จะทนอยู่เฉยๆ ได้ ดังนั้นผ่านไปนานครู่หนึ่ง เธอก็เริ่มพูดขึ้น “คุณหนานกง ถ้าหากว่าคุณให้โอกาสฉันในการอธิบาย ฉันคิดว่าฉันมีเรื่องอยากจะบอกกับคุณ”
“…” หนานกงเยี่ยเงียบอยู่นาน จากนั้นพูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ “กลับไปที่ห้องของคุณ” ตั้งแต่ต้นจนจบเขายังคงไม่ลืมตา และไม่เปลี่ยนท่านั่งแม้แต่น้อย
เหลิ่งรั่วปิงรู้ดี ตอนนี้เขากำลังปรับอารมณ์ของตนเอง เขากำลังระงับความโมโหของตนเอง เวลานี้เธอไม่ควรที่จะไปยุ่งกับเขา ดังนั้นเธอจึงลงจากรถยนต์อย่างว่าง่ายแล้วกลับไปที่ห้องของตนเอง
หลังจากกลับมาที่ห้อง เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอะไร และเดาไม่ออกว่าหนานกงเยี่ยจะตัดสินใจยังไงกันแน่ ตอนนี้เธอทำได้แค่รอ แต่ถึงยังไงเธอก็ไม่ใช่ลูกแกะที่จะรอคอยความตาย ถ้าหากว่าเขาตัดสินใจที่จะไม่เก็บเธอเอาไว้ เธอจะทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้ออกไปจากวิลล่าหย่าเก๋อ
อาวุธที่เธอเชี่ยวชาญที่สุดคือปืนและมีดบิน เวลานี้เธอไม่สามารถหาปืนมาจากที่ไหนได้ ดังนั้นเธอก็เลยเตรียมมีดปลอกผลไม้เอาไว้ให้ตนเอง เธอวางมีดเอาไว้บนมุมโต๊ะ เพราะตำแหน่งนี้เธอสามารถคว้าจับมันได้อย่างรวดเร็ว
นับตั้งแต่แยกกันที่รถ หนานกงเยี่ยยังคงไม่ไปหาเธอที่ห้อง แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็ยังคงไม่ออกไปจากวิลล่าหย๋าเก๋อ เธอไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ห้องไหนกันแน่ เธอจึงรอเขาอย่างเงียบๆ
จนถึงกลางดึก
หนานกงเยี่ยนั่งอยู่ตรงโซฟาในห้องรับแขกมาโดยตลอด เขาหลับตาลงแล้วครุ่นคิด มือขวาของเขาเคาะโต๊ะอย่างเป็นจังหวะ สีหน้าของเขาในตอนนี้เรียบเฉย ทำให้ไม่สามารถเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไร และยิ่งไม่สามารถเดาได้ว่าเขาจะทำอะไรต่อ
ก่วนอวี้ยืนอยู่ข้างเขาอย่างเงียบๆ เขาไม่กล้าขยับตัวเลยสักนิด เขารู้ดีว่าตอนที่คุณชายเยี่ยกำลังใช้ความคิดนั้นไม่ชอบให้ใครไปรบกวน ก่วนอวี้จึงยืนรอแบบนี้จนถึงเช้าตรู่ของอีกวัน
ในที่สุด หนานกงเยี่ยก็ลืมตาขึ้น วินาทีที่เขาลืมตาขึ้นมานั้น ก่วนอวี้เห็นดวงตาของเขานิ่งงันเหมือนน้ำในบ่อบาดาล ไม่มีคลื่นไม่มีการเคลื่อนไหว ลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง
จากนั้น หนานกงเยี่ยจึงหยิบปืนสีดำที่วางอยู่ตรงโต๊ะ เขาเหยียดตัวลุกขึ้น แล้วเดินขึ้นบันไดไป
ก่วนอวี้ตกใจเป็นอย่างมาก คุณชายเยี่ยจะฆ่าคุณเหลิ่งจริงๆ หรอ
ถึงแม้ว่าการกระทำของเหลิ่งรั่วปิงเมื่อคืน ทำให้คนรู้สึกว่าเธอเป็นคนที่อันตราย การที่หนานกงเยี่ยฆ่าเธอเพื่อตัดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตถือเป็นเรื่องไม่ผิด แต่ก่วนอวี้รู้สึกเสียดาย เพราะผู้หญิงที่วิเศษแบบนี้ ไม่ง่ายเลยที่จะได้เจออีกสักครั้ง
ทางด้านเหลิ่งรั่วปิงก็ไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน หูของเธอเอาแต่ฟังสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอก ตอนที่เธอได้ยินเสียงฝีเท้าของหนานกงเยี่ย เหลิ่งรั่วปิงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอหันหน้าไปที่ประตูและเวลานี้มือขวาของเธอก็อยู่ใกล้กับมีดปลอกผลไม้เป็นอย่างมาก