บทที่ 51 เพื่อนบ้าน

“เจ้าอยากจะไปมาหาสู่กับนางข้าก็ไม่ขัดหรอก แต่วันหลังเจ้าอย่าไปที่บ้านผีสิงดีกว่า ถ้ามีอะไรติดกลับมาจะทำอย่างไร?” แม่หวังเอ่ย

จวี๋ฮวารีบพยักหน้า “ข้ารู้เจ้าค่ะ”

โหย่วซวนมองจวี๋ฮวาอย่างอ่อนโยนและเอ่ยขึ้น “ยังไม่รีบขอบคุณท่านแม่อีก ท่านแม่ที่ใจกว้างรู้แจ้งขนาดนี้จะไปหาที่ไหนได้อีกละ?”

คำพูดยกยอของโหย่วซวนทำให้แม่หวังมีใบหน้าเปื้อนยิ้ม

จวี๋ฮวาเอ่ยเสียงแผ่ว “ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ”

คำขอบคุณนี้มาจากใจ ถึงแม้แม่หวังจะดุและเข้มงวดกับนาง แต่ส่วนใหญ่แล้วนางเมตตามาก

อย่างงานในบ้าน แม่หวังมักจะเลือกทำที่เป็นงานหนัก แล้วเหลือให้นางทำนิดหน่อย

นี่ถ้าอยู่บ้านคนอื่น นางแทบจะจินตนาการไม่ออกเลย

แม่สามีอย่างแม่หวังหาได้ไม่มากจริง ๆ! จวี๋ฮวารู้สึกปิติจากใจจริง

เมื่อท่านหมอเมิ่งกินข้าวที่บ้านจางซิ่วเอ๋อเสร็จ เขาก็เก็บของและเอ่ยลา รับปากว่าอีก 2 วันจะมาดูอาการชุนเถาใหม่

จางซิ่วเอ๋อเก็บของเสร็จก็เอาไส้หมูยัดเข้าไปในแผ่นแป้งข้าวโพด และใส่หมูสามชั้นเข้าไป 2 ชิ้น แล้วก็เอาไข่ต้มให้จางซานหยาอีก 2 ฟอง

กินคืนนี้ชิ้นนึง อีกชิ้นหนึ่งซ่อนไว้ให้แม่โจวกินเป็นอาหารเช้า

ส่วนจางซานหยาต้องผ่านบ้านผีสิงก่อนขึ้นเขาอยู่แล้ว กินตอนร้อน ๆ ได้ จางซิ่วเอ๋อจึงไม่ได้เอาของกินให้จางซานหยา

หลังจากจางซานหยากลับไป ฟ้าก็เกือบมืด

จางซิ่วเอ๋อมองจางชุนเถาที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสายตากังวล นางพักอยู่ครู่นึง ก่อนจะหยิบมีดปังตอแล้วเดินออกจากบ้านผีสิง

เมื่อครู่เป็นเพราะห่วงชุนเถา และให้การต้อนรับท่านหมอเมิ่งด้วย นางจึงยังไม่ทันไปชำระแค้นกับหลีฮวาและแม่หลิน

แต่เรื่องนี้จะปล่อยไปแบบนี้เหรอ?

จางซิ่วเอ๋อพูดในใจว่า ‘ไม่’ อย่างหนักแน่น! เรื่องนี้จะปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้!

ไม่อย่างนั้นวันนี้มีแม่หลินกับหลีฮวารังแกพวกนาง พรุ่งนี้ก็จะมีคนอื่นที่ได้คืบจะเอาศอก!

นางเองก็รู้ว่าในสมัยโบราณหญิงสาวที่มีชื่อเสียงในด้านดุร้ายจะมีภาพลักษณ์ไม่ค่อยดีนัก แต่ตอนนี้นางไม่สนเรื่องพวกนี้แล้ว! ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องเอาคืนให้ได้! เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ชุนเถา

จนถึงตอนนี้จางซิ่วเอ๋อก็ยังไม่ลืมสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงของจางชุนเถาในวันนั้นที่นางตื่นมา นางเห็นชุนเถาเป็นน้องสาวอย่างแท้จริง

น้องสาวของนางจางซิ่วเอ๋อ จะไม่ยอมให้คนอื่นมารังแกเด็ดขาด

ต่อให้จางชุนเถาไม่พูด จางซิ่วเอ๋อก็คิดได้ว่าที่ชุนเถาทะเลาะกับหลีฮวาและแม่หลินต้องเป็นเพราะนางแน่ ๆ

ตระกูลสวี่มีชีวิตที่ไม่เลวจริง ๆ ในบ้านอิฐมีห้องถึง 5 ห้อง นี่แหละตระกูลสวี่

ครั้นจางซิ่วเอ๋อมาถึงหน้าประตูตระกูลสวี่ นางก็ตะโกนลั่น “พวกคนตระกูลสวี่ทั้งหลาย! ออกมานี่!”

“สวี่หลีฮวา! สวี่หลิน! พวกเจ้าไสหัวออกมาหาข้านี่!” เสียงของจางซิ่วเอ๋อเย็นยะเยือก เปี่ยมด้วยแรงอาฆาตแรงกล้า

ไม่นานนัก ก็มีคนหลายคนออกมาจากบ้านตระกูลสวี่

แน่นอนว่าแม่หลินและหลีฮวาก็อยู่ รวมถึงสวี่อวิ๋นซานด้วย พร้อมกับชายวัยกลางคนที่ดูท่าทางซื่อ ๆ นี่ก็คือสวี่เมิ่งหลิน พ่อของสวี่อวิ๋นซาน

ช่วงนี้สวี่อวิ๋นซานดูโทรมขึ้นไม่น้อย ความมีชีวิตชีวาของวัยหนุ่มหายไปส่วนนึง ให้ความรู้สึกอึมครึมหงอยเหงามากขึ้น

มันก็เป็นเพราะเขาบอกที่บ้านว่าจะแต่งงานกับจางซิ่วเอ๋อ แต่ทางบ้านไม่ยอม เขาจึงมีไฟโทสะสุมอยู่เต็มอก

แต่ตอนนี้ปฏิกิริยาแรกที่สวี่อวิ๋นซานเห็นจางซิ่วเอ๋อก็ยังเป็นดีใจมากอยู่ “ซิ่วเอ๋อ เจ้ามาได้อย่างไร?”

จางซิ่วเอ๋อเหลือบมองสวี่อวิ๋นซาน สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร นางไม่ชอบหลีฮวากับแม่หลิน แต่เกลียดสวี่อวิ๋นซานไม่ลงจริง ๆ

นี่อาจจะเป็นสิ่งที่เขาว่ากันว่า กินของเขาก็ต้องยอมเขา

สวี่อวิ๋นซานกวาดตาผ่านจางซิ่วเอ๋อก็เห็นมีดปังตอสะท้อนแสงเย็นเยียบในมือของนาง “ซิ่วเอ๋อ! นี่เจ้ามาทำอะไร?”

สวี่อวิ๋นซานเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าวันนี้จางซิ่วเอ่อดูไม่ค่อยปกติ

หน้าเหี่ยว ๆ ของแม่หลินก็ไม่สบอารมณ์เช่นกัน “จางซิ่วเอ๋อ เจ้ามาทำอะไรที่ตระกูลสวี่ของเรา? ข้าจะบอกให้นะ! เจ้าอย่าหวังว่าจะได้แต่งงานกับลูกชายข้าเลย!”

แม่หลินเกลียดจางซิ่วเอ๋อเป็นทุนเดิมอยู่ ก่อนหน้านี้ก็โดนจางซิ่วเอ๋อใส่ร้ายอีก ถือว่าผูกความแค้นกันแล้ว อีกทั้งเมื่อก่อนนางก็เป็นคนพูดอะไรไม่เกรงใจอยู่แล้ว เวลานี้จะพูดดีได้อย่างไร?

สวี่อวิ๋นซานมองแม่หลินอย่างตะลึง เขาคิดไม่ถึงเลยว่าแม่หลินจะพูดออกไปแบบนี้ต่อหน้าจางซิ่วเอ๋อ

เขาตะโกนอย่างโมโห “ท่านแม่!”

สวี่อวิ๋นซานไม่ตะโกนถือว่าเป็นเรื่องดี แต่พอตะโกนแล้วก็เหมือนราดน้ำมันบนกองเพลิง

แม่หลินนึกโมโหในใจ ลูกชายแสนดีของนางเมื่อก่อนเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายมาก แต่พอเป็นเรื่องของจางซิ่วเอ๋อ นอกจากลูกชายของนางจะไม่เชื่อฟังแล้ว ยังต่อต้านนางด้วย

แม่หลินเอ่ยเสียงเย็น “เรื่องแต่งงานของเจ้าข้ายังจัดการได้ จางซิ่วเอ๋อ ถ้าเจ้ายังมียางอายอยู่บ้านก็รีบไสหัวไปซะตอนนี้ ตระกูลสวี่ของเราไม่ต้อนรับเจ้า!”

วันนี้หลีฮวาใส่ชุดสีขาวชมพู พอดูตอนกลางคืนก็ให้ความรู้สึกงดงามอยู่บ้าง แต่ตอนนี้นางเองก็มองจางซิ่วเอ๋อตาขวาง อย่างกับว่าอีกฝ่ายทำอะไรนางอย่างไรอย่างนั้น

จางซิ่วเอ๋อคลี่ยิ้มเย็น “แม่หลิน ข้าว่าท่านสำคัญตัวเองไปรึเปล่า? ท่านคิดว่าข้าจางซิ่วเอ๋ออยากแต่งเข้าบ้านตระกูลสวี่ของพวกท่านเหรอ? ท่านนึกว่าบ้านตระกูลสวี่ของพวกท่านเป็นหมั่นโถวสุดหอมที่ใคร ๆ ก็ชอบเหรอ? ข้าจะบอกให้นะ! ต่อให้คนตระกูลสวี่ของท่านคุกเข่าขอร้องให้ข้าแต่งเข้ามา ข้าก็ไม่แต่ง!”

สวี่อวิ๋นซานได้ยินสิ่งที่จางซิ่วเอ๋อพูดแล้วก็ตะลึง ซิ่วเอ๋อพูดแบบนี้ได้อย่างไร? เขากำลังทำทุกวิถีทางเพื่อต่อรองกับแม่ของเขาอยู่นะ

เขานึกว่าหลังจากที่เขาคุยกับแม่ได้ ปลอบหลีฮวาได้ ก็จะแต่งงานกับจางซิ่วเอ๋อ แต่เวลานี้คำพูดของจางซิ่วเอ๋อเป็นเหมือนไม้ที่ตีแสกหน้าสวี่อวิ๋นซานอย่างไม่ต้องสงสัย

“ที่ข้ามาวันนี้ ก็เพื่อสะสางเรื่องชุนเถากับพวกท่าน!” จางซิ่วเอ๋อบอกจุดประสงค์ที่ตัวเองมาในครั้งนี้

สีหน้าของแม่หลินและหลีฮวาเปลี่ยนไปเล็กน้อย

โดยเฉพาะหลีฮวานั้นมีหน้าซีดไปเล็กน้อย ดูท่านางจะหวาดกลัว

แต่แม่หลินกลับยืนเท้าเอวด้วยมือทั้งสอง สีหน้าแสดงออกว่าไม่ยินยอม “ชุนเถาอะไร พวกเราไม่รู้! เจ้ารีบกลับไปเถอะ อย่ามาวุ่นวายที่หน้าบ้านข้าเลย สุดท้ายชื่อเสียงเจ้าจะเสียซะเอง”

จางซิ่วเอ๋อเอ่ยเสียงเย็น “วันนี้ต่อให้ข้ายอมละทิ้งชื่อเสียง ยอมเสี่ยงโดนจับเข้าคุก ข้าก็จะสะสางเรื่องนี้กับพวกท่านให้สิ้น!”

ที่นี่เสียงดังขนาดนี้ บ้านอื่น ๆ จะไม่ได้ยินได้อย่างไร?

มีคนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นมายืนมองบนถนนแล้ว

ตอนแรกก็แค่มองจากที่ไกล ๆ หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ขยับเข้าใกล้ทีละนิด

ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อกำลังกวัดแกว่งปังตอในมือ ฟันประตูไม้ที่ตระกูลสวี่ลงกลอนไว้จนหลุดออก

นางถือมีดปังตอ มองแม่หลินและหลีฮวาพลางเอ่ยขึ้น “ชุนเถาบ้านข้าไปทำอะไรให้พวกเจ้า? พวกเจ้าถึงต้องทำกันโหดร้ายขนาดนี้?”

…………………………………