บทที่ 50 กินข้าวด้วยกัน

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน

บทที่ 50 กินข้าวด้วยกัน

จางซิ่วเอ๋อจัดการเรื่องที่นั่งให้ท่านหมอเมิ่งและเอ่ยขึ้น “ท่านอาเมิ่ง ที่บ้านเราก็ไม่ค่อยมีอาหารอะไรดี ๆ นัก ท่านกินไปก่อนนะ”

เวลานี้ จู่ ๆ ก็มีเสียงเรียกเบา ๆ ดังมาจากด้านนอก “ซิ่วเอ๋อ?”

เสียงนั้นแผ่วเบาอย่างยิ่ง แต่จางซิ่วเอ๋อก็ได้ยิน

“เหมือนจะมีคนมา ข้าออกไปดูหน่อยนะ” นางพูดอย่างสงสัย

จากนั้นนางจึงออกไปดู แล้วก็เห็นจวี๋ฮวากำลังหิ้วตะกร้ายืนอยู่หน้าประตูบ้านที่ถูกลงกลอนไว้ ไม่กล้าเดินเข้ามาข้างใน

“จวี๋ฮวา!” จางซิ่วเอ๋อเรียกด้วยความตื่นเต้นดีใจนิดหน่อย

วินาทีที่จวี๋ฮวาเห็นจางซิ่วเอ๋อ นางก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่และเอ่ยขึ้น “ซิ่วเอ๋อ ในที่สุดข้าก็เจอเจ้า”

“เจ้ามาได้อย่างไรน่ะ?” จางซิ่วเอ๋อแปลกใจนิดหน่อย

จวี๋ฮวายื่นตะกร้าใส่มือจางซิ่วเอ๋อและเอ่ยขึ้น “ข้าได้ยินว่าเกิดเรื่องกับชุนเถาอีกแล้ว ก็เลยเอาของกินมาให้ ไม่ได้เป็นของดีอะไรหรอก เจ้าอย่ารังเกียจกันนะ”

จางซิ่วเอ๋อได้ยินก็ยิ้ม ในหมู่บ้านนี้ไม่มีความลับจริง ๆ เพิ่งจะผ่านไปครู่เดียวจวี๋ฮวาก็รู้เรื่องนี้แล้ว

“มาสิ เข้ามานั่ง” จางซิ่วเอ๋อรับแขก ในเมื่ออีกฝ่ายมาถึงหน้าประตูแล้ว จะไม่รับแขกก็ไม่ได้

จวี๋ฮวาส่ายหัว “ข้าขี้กลัว ไม่เข้าไปดูดีกว่า”

“งั้นเจ้ารออยู่นี่ก่อนนะ” จางซิ่วเอ๋อก็ไม่ฝืนจะให้จวี๋ฮวาเข้ามา

หนึ่งคือจวี๋ฮวากลัวบ้านผีสิงนี่ สองคือท่านหมอเมิ่งยังอยู่ ถ้ามีใครเห็นท่านหมอเมิ่งมากินข้าวที่นี่จะดูไม่ค่อยดีเท่าไรนัก

แม้จะเป็นผู้หญิงยุคปัจจุบัน ไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่ชายหญิงต้องไม่อยู่ใกล้กันนัก แต่คนโบราณมีกฎระเบียบเยอะมาก จะว่าไปจางซิ่วเอ๋อก็อึ้งมากเหมือนกันที่ท่านหมอเมิ่งตกลงกินข้าวที่นี่

แต่พอคิดดูแล้ว ท่านหมอเมิ่งคงเห็นนางเหมือนลูกเหมือนหลาน จึงไม่ถือเรื่องพวกนี้มาก

จางซิ่วเอ๋อมาที่ส่วนครัว เลิกผ้าลายดอกไม้บนตะกร้าออก ถึงได้พบว่าด้านในมีเนื้อสามชั้นตุ๋นมันย่องหนึ่งถ้วย นอกจากนั้นยังมีไข่ไก่ต้ม 5 ฟอง

ในหมู่บ้านชิงสือถือว่าของเหล่านี้เป็นของขวัญชิ้นใหญ่ จางซิ่วเอ๋อจึงอุ่นใจขึ้นมา

นางเทกับข้าวในถ้วยใส่ถ้วยบ้านตัวเอง ก่อนจะตักไส้หมูเต็มถ้วย

ปลานั่นนางไม่คิดจะเอาให้จวี๋ฮวาแล้ว แต่นางเอาแผ่นแป้งข้าวโพดใส่ตะกร้าหลายอัน แล้วจึงปิดตะกร้าด้วยผ้าลายดอกไม้ก่อนจะรีบเอาออกไปให้

จวี๋ฮวาไม่ได้สังเกตว่าในนั้นใส่อะไรมา นางคิดว่าจางซิ่วเอ๋อแค่คืนถ้วยให้

นางเอ่ยยิ้ม ๆ “เจ้ารีบเข้าไปกินเถอะ ข้าไปก่อนนะ”

พูดเสร็จจวี๋ฮวาก็ไป ไม่ให้แม้กระทั่งโอกาสให้จางซิ่วเอ๋อส่งนาง

จางซิ่วเอ๋อมองแผ่นหลังของจวี๋ฮวาแล้วก็นึกอุ่นใจ ยิ่งมั่นใจกับความคิดตัวเองที่จะไปมาหาสู่กับจวี๋ฮวาบ่อย ๆ

นางยกเนื้อและไข่ไก่ไปที่โต๊ะด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “คราวนี้มีกับข้าวเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่างล่ะเจ้าค่ะ”

ท่านหมอเมิ่งไม่ได้ถามว่าใครเอากับข้าวนี่มาให้ เพียงแต่เริ่มลงมือกิน

เขาเห็นจางซานหยากินไส้หมูคำโต ก็นึกในใจว่าไส้หมูคงจะไม่อร่อย จางซานหยาจึงกินแต่กับข้าวจานนั้นเพื่อเหลือกับข้าวจานอื่นให้เขากิน

หารู้ไม่ว่าตอนแรกจางซานหยาก็คิดแบบนี้ แต่ใครจะรู้ว่าจางซิ่วเอ๋อจะทำไส้หมูได้อร่อยขนาดนี้

นางกินไปคำเดียวก็ติดใจ และก็คิดว่าพี่ใหญ่ตัวเองทำไว้หม้อนึงเต็ม ๆ จึงไม่กดดันอะไรตอนกิน และไม่ยอมกินอย่างอื่นอีก

ปกติของแบบนี้ถ้าอยู่ต่อหน้าท่านหมอเมิ่ง เขาคงไม่ยอมกินหรอก แต่ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกผิด จึงชิมเข้าไปคำหนึ่ง

เขากลับทึ่งที่พบว่าไส้หมูนี่อร่อยกว่าในโรงเตี๊ยมอีก

ต้องรู้ไว้ว่าไส้หมูในโรงเตี๊ยมล้างด้วยแป้งและเกลือบด

แต่ที่จางซิ่วเอ๋อทำนั้นเห็นได้ชัดว่าอร่อยกว่าของพวกนั้น!

หารู้ไม่ว่าจริง ๆ แล้วเป็นเพราะผงเครื่องเทศ จางซิ่วเอ๋อยอมกัดฟันใส่เครื่องเทศที่ตัวเองบดเป็นผงลงไป กลิ่นประหลาดของไส้หมูจึงน้อยลง

ท่านหมอเมิ่งกินไส้หมู แล้วก็กินปลาตุ๋นบ้าง

เขาก็พบว่าปลานี่ไม่เหม็นคาว ปรุงรสได้อร่อยมาก!

ท่านหมอเมิ่งมั่นใจว่าตัวเองไม่ใช่คนตะกละ แต่เวลานี้ก็กินเยอะอย่างอดไม่ได้

ส่วนไข่ต้มกับสามชั้นตุ๋นกลับไม่มีคนสนใจ

อีกด้านหนึ่งจวี๋ฮวาก็เอาของกลับไป

แม่สามีของจวี๋ฮวาดีกับจวี๋ฮวาอยู่ แต่เวลานี้เห็นจวี๋ฮวาเอาเนื้อออกไปถ้วยนึงแล้วแลกไส้หมูที่ไม่มีราคากลับมาถ้วยนึงก็มีสีหน้าไม่ดีนัก

จวี๋ฮวาไม่กล้าบอกแม่สามีตัวเองว่าไปไหนมา บอกแค่ว่าจะเอาไปให้เพื่อนตัวเอง

แม่หวังผู้เป็นแม่สามีของจวี๋ฮวาคิดว่าจวี๋ฮวาเพิ่งแต่งเข้ามาได้ไม่นานควรจะไปมาหาสู่กับคนอื่นบ่อย ๆ ถึงจะปวดใจอยู่มาก แต่ก็ยอมให้จวี๋ฮวาเอาไปให้คนอื่น

ทางบ้านของจวี๋ฮวากำลังกินข้าวกันอยู่ นางยกไส้หมูไปวางบนโต๊ะ ในเมื่อมีเนื้อกินแล้วใครจะกินของแบบนี้กันล่ะ?

ที่ขายในโรงเตี๊ยมน่ะอร่อย แต่ที่ชาวบ้านทำนั้นคนละรสชาติ ไม่มีใครกล้าใช้แป้งและเกลือบดล้างมันหรอก

ครั้นรู้สึกได้ว่าสีหน้าแม่หวังไม่ดีนัก สามีของจวี๋ฮวาที่ชื่อว่าโหย่วซวนก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอาตะเกียบคีบและเอ่ยขึ้น “ข้าชอบกินนี่”

เขาเป็นคนรักภรรยา ไม่อยากให้ภรรยาตนต้องกระอักกระอ่วน

หารู้ไม่ พอเขากินไปคำหนึ่ง สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะคีบอีกคำใหญ่ “จวี๋ฮวา บ้านไหนทำน่ะ? อร่อยจริง ๆ !”

แม่หวังถลึงตาใส่โหย่วซวน “ไส้หมูนี่จะอร่อยเหรอ?”

โหย่วซวนจึงคีบใส่ถ้วยแม่หวัง

อย่างไรเสียแม่หวังก็รักลูกชาย และรู้ตัวว่าไม่ถูกนักที่จะทำสีหน้าไม่ดีใส่ลูกสะใภ้ จึงกินลงไป

ของนี่ใครได้กินก็ติดใจ!

รวมถึงพ่อของโหย่วซวนด้วย สี่คนในบ้านล้วนกินกันใหญ่

กินข้าวเสร็จ แม่หวังก็เอ่ย “ของที่ให้กลับครั้งนี้ไม่แย่เลยนะ ล้างไส้หมูได้ขนาดนี้ต้องใช้แป้งและเกลือบดไม่น้อย”

“ฝีมือก็ดีเลิศ อร่อยกว่าพ่อครัวชื่อดังในเมืองทำอีก” โหย่วซวนเอ่ยขึ้นเช่นกัน

“จวี๋ฮวา เจ้ายังไม่บอกเลยว่าบ้านไหนทำ” แม่หวังถามอีก

จวี๋ฮวาลังเล ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว “ซิ่วเอ๋อเป็นคนทำเจ้าค่ะ”

ที่จริงนางก็ไม่ได้คิดจะปิดบังคนอื่น แค่กังวลว่าถ้าตัวเองบอกก่อนที่จะเอาของไปให้ แม่สามีจะไม่ให้นางไป

พอนางบอก สีหน้าแม่หวังก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ซิ่วเอ๋อตระกูลจางเหรอ?”

จวี๋ฮวาไม่ได้พูดอะไร ในหมู่บ้านนี้มีซิ่วเอ๋อแค่คนเดียว

โหย่วซวนมองจวี๋ฮวาอย่างเป็นห่วง “จวี๋ฮวา เจ้าไปบ้านผีสิงมาเหรอ?”

จวี๋ฮวารีบบอก “เปล่า ข้าไม่ได้เข้าไป ข้าเอาของให้ซิ่วเอ๋อด้านนอก”

พูดมาถึงตรงนี้ จวี๋ฮวาเอ่ยเสียงเบา “พวกท่านอย่ามองในเรื่องที่คนนอกว่าซิ่วเอ๋อแบบนั้นเลยเจ้าค่ะ นางเป็นคนดีมาก…..”

ทุกคนเพิ่งจะกินของที่จางซิ่วเอ๋อให้มา จึงรู้สึกดีกับนางขึ้นมาบ้าง เวลานี้ก็พูดอะไรที่เป็นการว่าร้ายจางซิ่วเอ๋อไม่ออก

…………………………………………