บทที่ 49 ซื้องู
พอเห็นแม่ม่ายหลิวจะทำตัวเองเสียเรื่อง จางซิ่วเอ๋อก็โมโห มองท่านหมอเมิ่งอย่างวิงวอน “ท่านอาเมิ่ง ข้าขอร้อง ชุนเถากลิ้งตกเนินเขาลงไป อาแค่ดูแผลภายนอกให้นางหน่อยก็พอ…..”
พูดมาถึงตรงนี้ จางซิ่วเอ๋อก็ร้อนใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา
นางกลัวจริง ๆ ว่าท่านหมอเมิ่งจะไม่ยอมไปกับตัวเองเพราะสิ่งที่แม่ม่ายหลิวพูด
ถึงแม้นางเองรู้ดีว่าบ้านผีสิงนั่นจริง ๆ แล้วไม่มีผี นางกับจางชุนเถาอยู่ที่นั่นเป็นปกติมาระยะหนึ่งแล้ว
แต่เรื่องเล่าขานของบ้านผีสิงมีมากเกินไป วันนี้พวกนางก็เพิ่งสร้างเรื่องผีหลอกไป ยิ่งเพิ่มความหวาดกลัวของคนอื่นที่มีต่อบ้านผีสิงเข้าไปอีก
ท่านหมอเมิ่งเป็นคนดี แต่นางก็ไม่กล้ารับประกันว่าเขาจะยอมเสียสละตัวเองแล้วตามนางไปที่บ้านผีสิงด้วย
“ยังไม่นำทางไปอีก” ท่านหมอเมิ่งเอ่ย
จางซิ่วเอ๋อชะงักไปเล็กน้อย และเข้าใจความหมายของท่านหมอเมิ่งทันที ว่าเขาตกลงจะไปรักษาให้จางชุนเถา
นางมีหน้าตาปิติยินดี รีบเดินนำไปด้านหน้า
ส่วนแม่ม่ายหลิวนั้นตะโกนอย่างร้อนรน “ท่านพี่เมิ่ง! ท่านอย่าไปนะ!”
แต่ท่านหมอเมิ่งคล้ายจะไม่ได้ยินสิ่งที่แม่ม่ายหลิวพูด เขาเดินตามจางซิ่วเอ๋อไปอย่างฉับไว
แม่ม่ายหลิวเห็นภาพนี้ก็พิงตัวกับต้นไม้ด้วยท่าทางเย้ายวน แต่ในใจนางกำลังสาปแช่งจางซิ่วเอ๋อด้วยความโมโห
นังจางซิ่วเอ๋อเดนตาย เป็นแม่ม่ายเหมือนกันแท้ ๆ เจ้าก็แค่อายุอ่อนกว่าข้านิดหน่อย หน้าตาไม่ได้หนึ่งในสิบของข้าด้วยซ้ำ เอาอะไรมาผยอง?
ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อไม่มีอารมณ์ทะเลาะกับแม่ม่ายหลิว ใจนางอยู่ที่จางชุนเถาทั้งหมดแล้ว ดังนั้นถึงจะสัมผัสความเป็นปรปักษ์จากแม่ม่ายหลิวได้ จางซิ่วเอ๋อก็ข่มอารมณ์ตัวเอง
ครั้นท่านหมอเมิ่งมาถึงบ้านผีสิง เขาก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง รักษาจางชุนเถาทันที
ผ่านไปครู่หนึ่ง ท่านหมอเมิ่งก็จัดกระดูกขาให้จางชุนเถาและรีบทำแผลที่ขาให้ จากนั้นจึงมองจางซิ่วเอ๋อ
“ชุนเถาไม่เป็นอะไรมากแล้ว แต่หนึ่งร้อยวันหลังจากที่บาดเจ็บถึงข้อกระดูก ชุนเถาต้องรักษาตัวดี ๆ อย่าทำงานหนักอะไร” ท่านหมอเมิ่งบอกเสียงนุ่ม
จางซิ่วเอ๋อรีบพยักหน้า ต่อให้จางชุนเถายังมีสภาพดีอยู่ นางก็ไม่ให้จางชุนเถาทำงานหนักอะไรหรอก
“ท่านอาเมิ่ง ต้องขอบคุณท่านมากจริง ๆ เจ้าค่ะ! ถ้าวันนี้ไม่มีท่าน ข้าก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร” จางซิ่วเอ๋อมองท่านหมอเมิ่งอย่างซาบซึ้ง
ท่านหมอเมิ่งพูดดังนี้แล้วนางถึงสบายใจขึ้นมาได้
ถ้าชุนเถาเป็นอะไรไปจริง ๆ นางต้องเสียใจขนาดไหน
จางซิ่วเอ๋อมองท่านหมอเมิ่ง ลังเลนิดหน่อยก่อนจะเอ่ยขึ้น “ท่านอาเมิ่ง ตอนนี้ก็ถึงเวลากินข้าวแล้ว ถ้าท่านไม่รังเกียจก็กินที่นี่เถอะ”
ไม่รู้ทำไม ท่านหมอเมิ่งกลับไม่กล้าปฏิเสธ เขามองจางซิ่วเอ๋อและพยักหน้า “งั้นก็รบกวนด้วย”
ท่านหมอเมิ่งนั่งลงในลานสวน จางซานหยาวิ่งหน้าวิ่งหลังเอาน้ำมาให้
สายตาท่านหมอเมิ่งทอดมองไปที่ศพงูที่ถูกโยนทิ้งไว้บนพื้น
เขาเดินเข้าไปพลิกดู มองจางซานหยาและถาม “ซานหยา นี่พวกเจ้าตีตายเหรอ?”
จางซานหยามองแล้วเอ่ย “พี่ใหญ่กับพี่รองข้าตีตาย”
พอดีกับที่จางซิ่วเอ๋อเดินออกจากส่วนครัว ท่านหมอเมิ่งจึงเอ่ยถามยิ้ม ๆ “ซิ่วเอ๋อ งูตัวนี้เจ้าขายไหม?”
จางซิ่วเอ๋อชะงักฝีเท้าและเอ่ย “ขายอยู่แล้วเจ้าค่ะ”
“งั้นเจ้าขายให้ข้าได้ไหม?” ท่านหมอเมิ่งเอ่ย
จางซิ่วเอ๋อเห็นดังนั้นก็รีบบอก “ท่านอาเมิ่งช่วยพวกเราตั้งเยอะ ถ้าท่านอยากได้งูนี่ก็เอาไปเลย ไม่ต้องให้เงิน”
ท่านหมอเมิ่งกลับบอกยิ้ม ๆ “เรื่องนั้นไม่ได้ เราต้องแยกกัน ค่ารักษาชุนเถาเมื่อกี้เจ้าต้องให้นะ แต่ค่างูนี่ข้าก็ต้องให้เหมือนกัน”
“ข้าซื้องูนี่ด้วย 10 ตำลึงเงิน แต่วันนี้ข้าไม่ได้เอาเงินมาเยอะขนาดนั้น พรุ่งนี้ข้าเอามาให้ได้ไหม?”
จางซิ่วเอ๋อได้ฟังก็ตกใจ งูนี่ราคา 10 ตำลึงเงินเลยเหรอ? จางซิ่วเอ๋อไม่เชื่อเด็ดขาด นางรีบเอ่ย “ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”
ท่านหมอเมิ่งได้ฟังก็มีแววตาไม่เข้าใจ “งั้นพรุ่งนี้ข้าเอาตำลึงมาให้แล้วค่อยเอางูไป หรือว่า 10 ตำลึงนี่น้อยไป?”
จางซิ่วเอ๋อโบกมืออย่างรีบร้อน “ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้นเจ้าค่ะ ข้าเชื่อใจท่านอาเมิ่งอยู่แล้ว ข้าหมายความว่าราคางูนี่สูงเกินไป จะทำแบบนั้นได้อย่างไร?”
นางรู้สึกได้ว่าท่านหมอเมิ่งเหมือนอยากจะให้ผลประโยชน์กับพวกนาง แต่นางไม่อาจรับไว้ได้จริง ๆ
ตำลึงเงินของท่านหมอเมิ่งก็ใช่ว่าได้จากพายุพัดมา เขาก็ต้องเทียวมาเทียวไปเพื่อรักษาคนไข้ ถึงแม้จะมีชีวิตที่ไม่เลวแต่ก็เหนื่อยมาก นางจะยอมรับตำลึงเงินพวกนี้ได้อย่างไร?
จางซิ่วเอ๋อคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ท่านอาเมิ่ง ถ้าท่านอยากได้งูนี่จริง ๆ ก็ให้ราคากลางกับข้า ไม่อย่างนั้นข้ายอมเอาไปขายแบบโดนกดราคาในเมืองโดยที่ไม่ขายให้ท่านดีกว่า”
ท่านหมอเมิ่งมองจางซิ่วเอ๋ออย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยยิ้ม ๆ “งั้น 7 ตำลึงเงิน งูพิษแบบนี้หายากมาก ข้าเอากลับไปดองเป็นเหล้าขายได้ไม่น้อย”
สุดท้ายท่านหมอเมิ่งก็ให้ราคาปกติ เพราะเขาสัมผัสได้ว่าถึงแม้จางซิ่วเอ๋อภายนอกจะแลดูผอมแห้งราวกับล้มได้เพียงลมพัด แต่ภายในแข็งแกร่งมาก
เขาไม่กล้ายืนกรานจะให้ตำลึงเงินเกินราคาจริงกับจางซิ่วเอ๋อ
จางซิ่วเอ๋อเห็นสีหน้าท่านหมอเมิ่งดูผ่าเผยขึ้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้า “งั้นก็ได้เจ้าค่ะ งูนี่จัดการตอนยังสดดีกว่า ท่านเอาไปเถอะ ส่วนเรื่องตำลึงไม่ต้องรีบ สะดวกเมื่อไหร่ค่อยให้ข้าก็ได้”
“เจ้าไม่กลัวข้าเอาของไปแล้วไม่ยอมให้เงินเหรอ?” ท่านหมอเมิ่งถามยิ้ม ๆ
จางซิ่วเอ๋อมองท่านหมอเมิ่งอย่างนึกขำ “ท่านอาเมิ่งไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกเจ้าค่ะ”
ท่านหมอเมิ่งได้ยินก็ยิ้มอ่อนโยน
จากนั้นจางซิ่วเอ๋อก็ไปที่ส่วนครัว เสียดายที่นางนำปลาที่ขนาดใหญ่หน่อยในบ้านไปขายแล้ว เหลือแค่ปลาตัวเล็ก จางซิ่วเอ๋อจึงเริ่มจัดการปลาเล็กพวกนี้ ตั้งใจจะทำอาหารจานปลากิน
ถ้าเป็นคนอื่นนางไม่มีทางเอาปลานี่ออกมากินหรอก พวกเขาจะรู้ได้ง่าย ๆ ว่านางจับปลาได้
แต่ท่านหมอเมิ่งช่วยพวกนางไว้เยอะมากจริง ๆ จางซิ่วเอ๋อจึงเต็มใจจะเอาของดีทุกอย่างในบ้านออกมารับแขกหมอเมิ่ง
นอกจากพวกนี้มีกุ้งอีกจำนวนหนึ่ง ครั้งนี้จางซิ่วเอ๋อไม่ได้หยิบพวกกุ้งตัวเล็ก ๆ ออกมา แต่เอากุ้งตัวใหญ่หน่อยที่เก็บไว้ออกมา ตั้งใจจะทำอาหารให้เต็มจาน
นอกจากของพวกนี้แล้ว แน่นอนว่ายังมีผัดไส้หมู
แต่จะผัดแค่ไส้หมูอย่างเดียวไม่ได้ จางซิ่วเอ๋อจึงบอกให้ซานหยาไปถอนผักกาดขาวในสวนมา ตั้งใจจะผัดรวมกับมัน
หลังจากทำกับข้าวเสร็จ จางซิ่วเอ๋อก็เก็บส่วนของชุนเถาไว้ แล้วตั้งโต๊ะในสวน
ท่านหมอเมิ่งมองจางซานหยาที่ยกของกินมาตั้งโต๊ะครั้งแล้วครั้งเล่าแล้วอึ้งนิดหน่อย
ในสายตาท่านหมอเมิ่ง ของพวกนี้เป็นของที่กินได้บ่อย ๆ แต่เขาคิดไม่ถึงว่าตอนนี้จางซิ่วเอ๋อจะมีชีวิตที่ดีขนาดนี้ และรู้ว่าที่จางซิ่วเอ๋อทำของอร่อยเยอะขนาดนี้ก็เพื่อต้อนรับเขา
………………………………………………