บทที่ 48 ชุนเถาบาดเจ็บ

เนินเขาตรงนี้ชันมาก ทำให้จางซิ่วเอ๋อไม่สามารถเดินตัวตรงลงไป ได้แต่ปีนลงโดยใช้มือกับเท้าทั้งคู่เท่านั้น

แล้วยังต้องจับหญ้าไว้ให้แน่นด้วย ไม่อย่างนั้นนางเองก็ลื่นตกลงไปได้ง่าย ๆ

ผ่านไปสักพัก จางซิ่วเอ๋อถึงได้เห็นจางชุนเถาที่อยู่ในโพรงหญ้า

จางชุนเถามีสีหน้าซีดเผือด อาการไม่ค่อยดีนัก

จางซิ่วเอ๋อเห็นแล้วเจ็บหัวใจแปลบ รีบเดินเข้าไปทันที “ชุนเถา ชุนเถา เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

จางชุนเถาขยับตัวเล็กน้อย ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น “เจ็บ….”

จางซิ่วเอ๋อโล่งอกที่เห็นว่าอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่ นางกังวลจริง ๆ ว่าตัวเองจะเสียน้องสาวคนนี้ไป

แต่หลังจากนั้นนางก็เครียดขึ้นมา และเอ่ยขึ้น “ชุนเถา ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวพี่พาเจ้ากลับแล้วจะหาหมอมาดูอาการเจ้า”

“พี่! ระวัง!” จู่ ๆ จางชุนเถาก็ตะโกนร้องหน้าตาตื่น

จางซิ่วเอ๋อมองตามสายตาจางชุนเถา ก็เห็นงูสีเทาตัวหนึ่ง ที่ขณะนี้ยืดตัวตรงตั้งท่าจะโจมตีนาง

สงสัยตอนนางลงมาคงทำเสียงดังเกินไป จึงทำให้งูตัวนี้ถูกรบกวน

มองหัวรูปสามเหลี่ยมของมันแล้ว จางซิ่วเอ๋อก็รู้ว่างูตัวนี้มีพิษ

นางมองงูตัวนี้ด้วยความตึงเครียดเล็กน้อย ถ้าโดนงูนี่กัดแล้วนางจะรอดไหม?

ต่อให้ฉลาดขนาดไหน รู้มากกว่าคนโบราณมากแค่ไหน แต่เมื่อเผชิญกับงูพิษแบบนี้ นางก็ทำอะไรไม่ได้

จางซิ่วเอ๋อเริ่มมีเหงื่อผุดบนหน้าผาก นางไม่กล้าขยับ กลัวว่าถ้าขยับแล้วงูตัวนั้นจะพุ่งเข้ามา

และนางยิ่งไม่กล้าโจมตีงูตัวนั้น งูว่องไวขนาดไหน? แล้วนางล่ะขยับตัวได้ไวแค่ไหน? ต่อให้นางจับงูได้ สุดท้ายก็ต้องโดนกัดอยู่ดี!

จางซิ่วเอ๋อมองงูตัวนั้นอย่างเคร่งเครียด ไม่รู้ว่าในตอนนี้จะทำอย่างไรดี

แต่ไม่ว่าคนหรืองู ความอดทนก็มีขีดจำกัด

จู่ ๆ งูนั่นก็ขยับ พุ่งเข้ามาตรงหน้าจางซิ่วเอ๋อ

จางซิ่วเอ๋อจะยอมให้งูนั่นกัดหน้าตัวเองได้อย่างไร นางจึงเอามือบังงูตัวนั้นไว้ และในตอนนั้นเองจางชุนเถาก็มีสีหน้าอำมหิต กระชากหางงูแล้วเหวี่ยงออกไปอย่างแรง

งูนั่นจึงฉกไม่ถูกจางซิ่วเอ๋อ แต่ตอนนี้มันเอี้ยวตัวกลับไปหาจางชุนเถา

เวลานี้จางซิ่วเอ๋อก็มีสีหน้าเหี้ยมเกรียมขึ้น นางจับตัวงูไว้ด้วยมือข้างเดียว และหยุดงูตัวนั้นได้อีกครั้ง

ส่วนมืออีกข้างฉวยโอกาสนี้บีบไปที่หัวใจของงู

เวลานี้งูขยับตัวไม่ได้ แต่ก็พยายามบิดตัวดิ้นรนสุดชีวิต

จางซิ่วเอ๋อมองแล้วก็รู้สึกชาวาบที่หนังศีรษะ นางกลัวงูจริง ๆ สัมผัสเย็นยะเยือกนั่นทำให้นางขนลุกไปทั้งตัว

แต่จางซิ่วเอ๋อไม่กล้าปล่อยมือ นางกลัวว่าถ้าตัวเองปล่อยมือแล้วงูที่โกรธจัดตัวนี้จะจู่โจมพวกนาง

นางแทบจะใช้แรงทั้งหมดที่มีในการบีบมือแน่น ไม่นานนักงูตัวนั้นก็แน่นิ่งไป

เพราะโดนจางซิ่วเอ๋อบีบมันจนตาย

จางซิ่วเอ๋อกลัวว่างูนี่จะฟื้นขึ้นมาอีก จึงโยนร่างของมันไปไว้ข้าง ๆ

จางชุนเถาเห็นแบบนั้นก็เอ่ยขึ้น “พี่ งูนี่ขายได้เงินไม่น้อย อย่าทิ้งนะ”

จางซิ่วเอ๋อเองก็ตกใจอยู่ นางมองงูตัวนั้นด้วยหน้าซีดเผือด และเพิ่งจะค้นพบในเวลานี้เองว่างูตัวนี้ยาวเกือบ 1 จั้ง*

*1 จั้ง ประมาณ 3.33 เมตร

นางลังเล แต่สุดท้ายก็เก็บงูตัวนั้นขึ้นมา หยิบผ้าหยาบผืนนึงออกจากอกเสื้อตัวเอง ห่อหัวงูไว้แน่นแล้วถึงได้วางใจ

นางแบกจางชุนเถาขึ้นหลังพร้อมกับหยิบงูตัวนั้น ปีนไต่เซไปมาจนถึงด้านบน

ใบหน้าเล็ก ๆ ของจางซานหยาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ดูท่านางคงรออยู่อย่างร้อนใจ

หลังจากกลับมาถึงบ้าน จางซิ่วเอ๋อก็จับจางชุนเถานอนให้ดี แล้วรีบไปหาหมอ

จะว่าไปก็ถือว่าบังเอิญนัก เพราะเวลานี้ท่านหมอเมิ่งอยู่ในหมู่บ้านชิงสือพอดี แล้วก็เจอกับจางซิ่วเอ๋อโดยบังเอิญใต้ต้นหวายฉู่ใหญ่

จางซิ่วเอ๋อมองท่านหมอเมิ่งอย่างเคร่งครียด “ท่านอาเมิ่ง ชุนเถาบาดเจ็บ ท่านรีบตามข้าไปดูนางหน่อยเถอะเจ้าค่ะ”

ตอนนี้ท่านหมอเมิ่งเพิ่งจะรักษาคนอีกคนหนึ่งเสร็จ ด้วยความเป็นห่วงเด็กสองคนนี้ จึงพยักหน้าและเอ่ยขึ้น “ไปสิ”

ใต้ต้นหวายฉู่ไม่เคยไร้ผู้คน เวลานี้แม่นางชุดสีชมพูอายุสามสิบต้น ๆ คนหนึ่งก็เอ่ยขึ้น “ท่านหมอเมิ่ง ข้าว่าท่านอย่าไปดีกว่านะเจ้าคะ”

สตรีผู้นี้สวมเสื้อผ้าบางมากจนแทบจะมองเห็นเอี๊ยมสีแดงด้านใน ชุดนี้อวดหุ่นหน้านูนหลังกระดกของนางอย่างหมดจด

ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อก็รู้จักคนในหมู่บ้านบ้างแล้วไม่น้อย นางฉงนอยู่ครู่หนึ่งก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าคือใคร

นี่มันแม่ม่ายหลิวผู้เลื่องชื่อของหมู่บ้านชิงสือนี่

ช่างเสเพลเหลือเกิน คอยแต่จะเกี่ยวพันกับคนมากหน้าหลายตา ต่อให้เป็นคนที่ไม่ได้เล่นด้วย นางก็ต้องยั่วยวนเย้าแหย่

ทำไมแม่ม่ายหลิวถึงพูดขึ้นในเวลานี้น่ะหรือ?

ต้องเริ่มต้นอธิบายจากตัวท่านหมอเมิ่ง ตอนนี้เขาเพิ่งจะอายุ 30 ปี เมื่อก่อนเคยมีภรรยาคนหนึ่ง แต่ภรรยาเสียไปแล้ว และไม่มีลูกเต้ากับเขาเลยสักคน

พูดง่าย ๆ ก็คือ ตอนนี้ท่านหมอเมิ่งถือเป็นพ่อม่ายคนหนึ่ง

การเป็นพ่อม่ายไม่ใช่ชื่อเสียงที่ดี แต่ไม่มีใครดูถูกท่านหมอเมิ่งเพราะเขามีฐานะประมาณหนึ่งในรัศมีสิบลี้แปดหมู่บ้านด้วยฝีมือแพทย์ของตัวเอง

แม้แต่เด็กสาวบางจำพวกยังอยากแต่งงานกับเขา

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแม่ม่ายหลิวเลย ถึงแม้แม่ม่ายหลิวจะเสเพล แต่ก็อยากหาที่พึ่งพิงให้ตัวเองในครึ่งชีวิตที่เหลือ

ดังนั้นท่านหมอเมิ่งนี่แหละคือตัวเลือกที่ดีที่สุดของนาง

แต่ไม่ว่านางจะยั่วยวนอย่างไร ท่านหมอเมิ่งก็ไม่โดนตก

นางถึงขั้นแกล้งป่วยเพื่อเป็นเหตุให้ท่านหมอเมิ่งมาที่บ้านตัวเอง แล้วเข้าไปออเซาะในอ้อมอกของเขา แต่ท่านหมอเมิ่งก็ไม่หวั่นไหว

ตอนนี้นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าท่านหมอเมิ่งปฏิบัติกับจางซิ่วเอ๋อแตกต่างกับนาง ครั้นจางซิ่วเอ๋อมาถึงอย่างปุบปับและบอกว่าน้องสาวตัวเองบาดเจ็บ เขาก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงและทำท่าจะตามไปทันที

แม่ม่ายหลิวคิดในใจ หรือว่าแม่ม่ายเด็กอย่างจางซิ่วเอ๋อนี่ก็หมายตาท่านหมอเมิ่งเช่นกัน? จึงคิดจะล่อลวงท่านหมอเมิ่งไป?

ถึงแม้อายุของท่านหมอเมิ่งจะมากกว่าจางซิ่วเอ๋อหลายปี แต่ท่านหมอเมิ่งก็มีคุณสมบัติดีนี่ เป็นไปได้ที่จางซิ่วเอ๋อจะหมายตาเขา

ส่วนท่านหมอเมิ่ง ไม่แน่อาจจะเป็นเพราะจางซิ่วเอ๋อนั้นอายุน้อย และยังบริสุทธิ์ จึงนึกอยากได้……

แม่ม่ายหลิวคิดมาถึงตรงนี้ นางจะยอมปล่อยให้จางซิ่วเอ๋อและท่านหมอเมิ่งเกี้ยวพาราสีกันต่อหน้าต่อตาตัวเองได้อย่างไร

นางจึงเอ่ยขึ้นต่อ “ท่านพี่เมิ่ง ข้าหวังดีกับท่านนะ บ้านที่จางซิ่วเอ๋ออยู่เพิ่งจะมีผีอาละวาดไป ได้ข่าวว่าจางชุนเถาโดนผีสิงด้วย ขืนท่านไปตอนนี้ ต่อให้จะมีฝีมือเทวดาขนาดไหนก็เปล่าประโยชน์….หรือท่านไล่ผีสางได้เจ้าคะ?”

นัยน์ตาของแม่ม่ายหลิวเปี่ยมล้นด้วยแววรักใคร่ “ข้าก็แค่เป็นห่วงท่านพี่น่ะเจ้าค่ะ ถ้าท่านไปครั้งนี้แล้วไปทำให้ผีผูกคอตายโมโหเข้า เอาตัวไปเปรอะเปื้อนกับของไม่ดีเข้าจะทำอย่างไร?”

……………………………………………