บทที่ 20

 

 

แคลอฮันที่กำลังตึงเครียดนั่งอยู่ในห้องทำงานหัวหน้ากลุ่มการค้าของกิจการลอมบาร์เดีย ซึ่งตั้งอยู่ในอาณาเขตใต้การปกครองของจักรพรรดิโดยตรง

 

เขาประสานมือทั้งสองข้างเอาไว้แน่นจนข้อนิ้วกลายเป็นสีซีดขาว มือคู่นั้นสั่นเทาบ้างเป็นครั้งคราว

 

“เฮ้อ…”

 

เสียงถอนหายใจหนักหน่วงดังลอดออกมา

 

เขาพยายามหาทุกวิถีทางผ่อนคลายความกระวนกระวาย แต่ยิ่งเวลาผ่านไป ความตึงเครียดก็ยิ่งมีแต่จะเพิ่มมากขึ้นแต่แล้วในตอนที่สุดท้ายแคลอฮันก็ลุกขึ้นพรวดจากที่นั่งด้วยไม่อาจอดทนรอได้อีกต่อไป

 

ประตูห้องทำงานของหัวหน้ากลุ่มการค้าก็ถูกเปิดออกโดยมีหัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรักวิ่งเข้ามา

 

“ดะ…ได้แล้ว!”

 

ดูเหมือนจะวิ่งมาตลอดทาง หัวหน้ากลุ่มการค้าถึงได้หอบหายใจแฮก รอยยิ้มกว้างเบ่งบานอยู่ทั่วใบหน้า สองมือยกขึ้นสูง

 

“คำสั่งซื้อจำนวนมากถูกสั่งเข้ามา ราวกับกลัวพวกเราจะรีบเริ่มทำการค้าอย่างไรอย่างนั้น จำนวนมหาศาลเลยทีเดียวเชียว! ”

 

น้ำเสียงโอ้อวดนั้นสั่นระริก ไม่อาจเก็บซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้ได้

 

หัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรักเดินเข้ามาใกล้ราวกับจะกระโดดกอดแคลอฮันด้วยความดีใจ แต่แคลอฮันไม่อาจตอบรับเขาได้

 

“เฮ้อ”

 

แคลอฮันถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทรุดกายนั่งลงบนโซฟา ใช้ผ้าแห้งเช็ดใบหน้าหยาบกร้าน

 

“โล่งอกไปทีนะครับ” น้ำเสียงเหนื่อยล้าไม่มีพละกำลังเหลือแม้แต่เศษเสี้ยว

 

“ฮ่าฮ่า! เพื่อนคนนี้นี่ เห็นตอนนี้ถึงเพิ่งจะรู้เลยนะว่าเป็นเด็กขี้แย!”

 

หัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรักมองแคลอฮันที่เป็นเช่นนั้น ในขณะที่ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น

 

“ถ้าหากต่อไปยังคิดที่จะทำงานใหญ่ เจ้าต้องใจกล้าให้มากกว่านี้หน่อย!”

 

คำแทนตัวที่เคยเริ่มจากการเรียกว่า ‘ท่านชายลอมบาร์เดีย’ ในตอนแรก กลับกลายเป็นคำพูดกันเองมากขึ้นเรื่อยๆ อย่าง ‘เพื่อน’ หรือ ‘เจ้า’ ไปเสียแล้ว

 

เพราะอายุของหัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรักค่อนข้างมากกว่าอยู่มาก แคลอฮันจึงมักบอกอยู่เสมอว่าขอให้พูดตามสบายอยู่หลายครั้ง แต่ตอนที่แคลอฮันขอให้เขาทำเช่นนั้น ดิวรักก็ยังรักษาเส้นระยะห่างเอาไว้จนถึงที่สุดอยู่เลย

 

ดูเหมือนหัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรักเองก็จะคลายความกังวลต่างๆ นานาลงไปได้เช่นกัน

 

ในตอนนั้นเองแคลอฮันถึงค่อยยิ้มออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง พยักหน้าตอบรับ

 

ไอเดียของเทียประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม

 

หลังจากวันที่เลิกงานเร็วและวิ่งออกมาจากห้องทำงานของเจ้าตระกูลด้วยความรวดเร็ว ก็มีอยู่หลายครั้งหลายคราที่เขาไม่สามารถกลับบ้านได้ มุ่งมั่นอยู่กับการทำสินค้าตัวอย่างด้วยความบ้าคลั่ง

 

ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ได้มีเพียงแค่ผ้าเช็ดหน้าที่คิดได้เมื่อตอนแรกเท่านั้น ยังมีกระโปรงซับในสำหรับผู้หญิงไปจนถึงปลอกหมอนดีไซน์เรียบง่าย พวกเขาสามารถผลิตมันออกมาได้ทันเวลา

 

เป็นเพราะความช่วยเหลือของเหล่านายช่างที่ลำบากตลอดทั้งวันทั้งคืนราวกับเป็นเรื่องของตัวเอง

 

และกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียกับกลุ่มการค้าดิวรักก็ได้รวบรวมคอนเน็กชั่นของพวกเขามอบสินค้าตัวอย่างเหล่านั้นให้กับชนชั้นสูงที่อาศัยอยู่ในเขตการปกครองของจักรพรรดิ หรือละแวกใกล้เคียงเป็นของขวัญ

 

ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ก่อนจะมาถึงวันนี้ที่เป็นวันเริ่มเปิดขายผ้าฝ้ายโคโรอีอย่างเป็นทางการ แคลอฮันไม่อาจวางใจได้เลยเพราะความกังวล เนื่องจากการผลิตสินค้าตัวอย่างเป็นงานที่ใช้เงินทองมากกว่าที่คิดไว้ แต่โล่งอกที่วัตถุดิบที่ใช้ในการทอผ้าอย่างหญ้าโคโรอีนั้น ขอเพียงแค่มีแรงงานคนก็สามารถหาได้ง่ายไม่ว่าจะที่ใดก็ตาม

 

พวกเขาเกือบจะล้มละลายก่อนที่จะได้เริ่มวางจำหน่ายสินค้าเสียแล้ว

 

หลังจากที่กลั้นหายใจใช้ชีวิตอยู่แบบนั้นมาหลายวัน วันนี้ในที่สุดก็สามารถรู้ผลลัพธ์ที่แน่นอนได้เสียที

 

“เอาละๆ มาดื่มกันสักแก้ว”

 

หัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรักถึงแม้จะเร่งรีบมากแค่ไหน ก็ยังอุตส่าห์พกเหล้ามาด้วย เขาเปิดมันออกเทใส่แก้วส่งให้แคลอฮันเพื่อดื่มฉลอง

 

เดิมทีแคลอฮันไม่ใช่คนคอแข็งหรือชอบดื่มเหล้านัก แต่วันดีๆ อย่างวันนี้เขาย่อมยินดีรับแก้วมาด้วยรอยยิ้ม

 

“เพื่อการเริ่มต้นอย่างประสบความสำเร็จ!”

 

หัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรักตะโกนเสียงดัง ดื่มเหล้าฤทธิ์แรงพอตัวลงคอรวดเดียว

 

แคลอฮันดื่มลงไปครึ่งแก้วในครั้งเดียว หลังจากนั้นก็นิ่วหน้าเพราะรสชาติขมปร่าที่ตีตื้นขึ้นมา

 

“เพิ่งจะมาถามเอาป่านนี้ก็จริง แต่ทำไมถึงได้เปลี่ยนแผนล่ะ แค่ผลิตผ้าเช็ดหน้าก็น่าจะเพียงพอที่จะได้รับกระแสตอบรับที่ดีแล้วนี่”

 

ตอนแรกที่แคลอฮันบอกแผนการ ‘ผลิตผ้าเช็ดหน้า มอบให้พวกชนชั้นสูงเป็นของขวัญ’ แก่หัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรัก หัวหน้ากลุ่มการค้ายังชื่นชมอยู่เลยว่าแคลอฮันเป็นอัจฉริยะตัวจริง

 

แต่แคลอฮันกลับไม่หยุดอยู่แค่นั้น

 

เขาดึงเงินของตัวเองออกมาลงทุนเพิ่ม จ้างนายช่างมากฝีมือ เริ่มผลิตสินค้าตัวอย่างแบบอื่นขึ้นมาเพิ่ม

 

มันเป็นการท้าทายที่กล้าหาญและดุเดือด ซึ่งไม่ได้เข้ากับนิสัยปกติของแคลอฮันเลยแม้แต่น้อย

 

“เรื่องนั้น…”

 

แคลอฮันหัวเราะขวยเขิน เอ่ยตอบคำถามของหัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรัก

 

“ต้องลงทุนให้มากขึ้น ถึงจะได้ผลเจริญงอกงามไม่ใช่หรือครับ”

 

แคลอฮันมองดูผ้าเช็ดหน้าที่ถูกตัดเย็บอย่างประณีตก่อนจะพบว่าตัวเองรู้สึกพึงพอใจขึ้นมาอีกครั้งเหมือนติดเป็นนิสัยเสียแล้ว

 

“ทิ้งความคิดโง่ๆ ว่าถ้าหากแค่โค้งกายลงต่ำอยู่นิ่งๆ แล้วจะหลบเลี่ยงพายุได้ไปเสียเถอะ”

 

เสียงของชานาเนสยังคงดังก้องอยู่ในแก้วหูอย่างชัดเจน

 

เพราะฉะนั้นเขาถึงได้ผลักดันงานที่ตนเป็นผู้รับผิดชอบนี่ราวกับต้องมนตร์สะกด

 

พยายามดึงรั้งตัวเองที่ตั้งใจจะยอมแพ้อยู่หลายครั้งด้วยความคิดที่ว่า ‘นี่มันไม่เกินไปหรือ’ ‘แบบนี้จะไม่เสียใจทีหลังหรือ’

 

‘เพื่อเทีย เขาจะต้องสร้างอำนาจขึ้นมา’

 

แค่ความคิดดังกล่าวเท่านั้น

 

ระหว่างที่ผลิตสินค้าตัวอย่าง แคลอฮันก็กลายเป็นผู้ลงทุนอย่างเป็นทางการของกิจการนี้ ทำให้เขาได้รับผลกำไรส่วนตัวที่ต่อไปจะได้คืนกลับมา

 

ธุรกิจนี้ไม่ได้ร่วมมือกับเฉพาะกลุ่มการค้าและธนาคารลอมบาร์เดียเท่านั้น แต่ยังมีทรัพย์สินส่วนตัวของแคลอฮันเสริมเข้าไปอีกด้วย

 

“ว่าแล้วเชียว สมกับเป็นคนของลอมบาร์เดียจริงๆ”

 

หัวหน้ากลุ่มการค้าตบลงบนไหล่ของแคลอฮันเสียงดังปุ ปุ ก่อนจะเอ่ยพูดต่อ

 

“นี่เป็นการดื่มฉลองก็จริง แต่ตั้งแต่ตอนนี้ถึงจะเป็นการเริ่มต้นที่แท้จริงสินะ คงจะต้องใส่ใจให้การผลิตเป็นไปได้อย่างราบรื่นเพียงพอที่จะวางจำหน่าย”

 

“ที่จริงแล้วมีเรื่องอยากจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนั้นอยู่พอดีครับ”

 

“อะไรหรือ”

 

แคลอฮันลูบขอบแก้วเหล้าไปพลางเอ่ยพูด

 

“ถ้าหากการผลิตผ้าทอดำเนินการไปได้อย่างทรงตัวแล้วข้าตั้งใจว่าจะถอนตัวจากกิจการครับ”

 

“ไม่สิ! ทำไมล่ะ!”

 

หัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรักเอ่ยถามด้วยความตกใจไม่น้อย

 

“ตอนนี้เรื่องยากๆ ก็เสร็จหมดแล้ว มันก็ต้องดื่มด่ำกับดอกผลไม่ใช่หรือ!”

 

ถูกต้องแล้ว

 

คำสั่งซื้อมหาศาลเข้ามาเป็นการตอบแทนความลำบากและความเหน็ดเหนื่อยที่พวกเขาทุ่มแรงทำลงไป ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ดื่มด่ำกับผลลัพธ์อันแสนหอมหวานเท่านั้นเอง แต่จู่ๆ กลับบอกจะวางมือ โดยทั่วไปแล้วย่อมเป็นเรื่องที่ไม่อาจเข้าใจได้

 

แต่แคลอฮันกลับส่ายหน้ายิ้มๆ

 

“มีกิจการที่อยากทำน่ะครับ”

 

“กิจการที่อยากทำ?”

 

“ครับ และกิจการครั้งนี้จะไม่ใช่การค้าของลอมบาร์เดีย แต่ตั้งใจจะลงทุนมันด้วยเงินส่วนตัวของข้าเองครับ”

 

การเพิ่มเงินลงทุนเข้าไปในกิจการเพราะการผลิตสินค้าตัวอย่าง มันกลับกลายเป็นโชคร้ายที่นำพาโชคดีมาสู่ตน

 

ยิ่งธุรกิจผ้าฝ้ายโคโรอีประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ เงินที่จะกลับคืนสู่แคลอฮันเองก็จะเพิ่มมากขึ้นไปตามๆ กัน

 

ถ้าหากรวมเงินที่ว่านั่นเข้ากับเงินที่ออมไว้ในธนาคารลอมบาร์เดีย ก็มีงานที่เขาอยากจะลงมือทำด้วยตัวเอง

 

“จริงๆ เลย คนหนุ่มนี่เป็นแบบนี้กันหมดหรือไร สปิริตสูงกันจริงๆ เข้าใจแล้ว ถ้าหากมั่นคงไปได้สักระดับ ก็บอกข้าด้วยแล้วกันนะว่าจะทำกิจการใด หากเป็นกิจการที่เจ้าเป็นคนผลักดัน ข้าเองก็อยากจะลงทุนด้วยเหมือนกัน”

 

หัวหน้ากลุ่มการค้าดิวรักมองแคลอฮันด้วยนัยน์ตาเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น

 

ใครว่าบุตรชายของรูลลักเป็นพวกไร้ประโยชน์กันทั้งนั้น ผิดแล้ว

 

แคลอฮันคนที่เขาได้เฝ้ามองอยู่ข้างกายในระหว่างที่ทำงานร่วมกันในครั้งนี้นั้น อาจจะมีด้านที่ระมัดระวังเกินไปบ้าง แต่ก็เป็นคนหนุ่มที่ได้รับความมุ่งมั่นอันอันแสนดุเดือดมาจากรูลลักผู้เป็นบิดา

 

บางทีถ้าหากเป็นเจ้าหนุ่มคนนี้ วันหนึ่งอาจจะทำเรื่องใหญ่โตขึ้นมาได้สำเร็จก็เป็นได้

 

หัวหน้ากลุ่มการค้าคิดเช่นนั้น ในขณะที่เติมเหล้าเพิ่มลงในแก้วว่างเปล่าของตน