Chaotic Sword God ตอนที่ 29 พบกับเถี่ยต้าอีกครั้ง
เฉิงหมิงเซียงเริ่มที่จะยิ้ม ข้าจะพลาดการต่อสู้ครั้งนี้ไปได้อย่างไร เขาจ้องมองเจี้ยนเฉินด้วยความรังเกียจก่อนที่จะพูดว่า นั่นคงเป็นเจียงหยางเซียงเทียน?
ถูกต้อง นายน้อยเฉิง แน่นอนว่าเขาคือเจียงหยางเซียงเทียนที่ทำร้ายสหายของเรา ลั่วเจี้ยนกล่าวในขณะที่เขายืนอยู่ข้างหลังคาร์ล
เฉิงหมิงเซียงพยักหน้าของเขาและเอ่ยขึ้นมาอย่างช้า ๆ ว่า เจียงหยางเซียงเทียน เจ้าทำได้ไม่เลวเลยทีเดียว กล้าทำร้ายสหายสนิทของข้า ! เสียงของเขาดุดันขึ้นไปในแต่ละคำที่เปล่งออกมา
เจี้ยนเฉินเข้าใจว่าคนกลุ่มนี้ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่ไร้เหตุผลซึ่งมาจากตระกูลที่ร่ำรวย ดังนั้นหากโต้เถียงกับพวกเขาไปก็ไร้ประโยชน์ พวกเขาเพียงใช้แต่กำลัง ดังนั้นเจี้ยนเฉินจึงไม่ได้สนใจ ทิ้งคำพูดลงไปในถังขยะแทน เขากล่าวอย่างเย็นชา ถ้าเช่นนั้น ทำไมเราไม่สู้กันล่ะ ถ้าเจ้าไม่สบายใจก็เข้ามาก่อน แทนที่จะพ่นคำพูดงี่เง่าเช่นนั้น
ได้ยินคำพูดของเจี้ยนเฉิน ใบหน้าของเฉิงหมิงเซียงค่อย ๆ ซีด ดี ดี ดี ถึงเวลาที่เจ้าจะเห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริง ด้วยร่างกายของเขาที่เรืองแสงขยายออกไป 10 เมตร พุ่งตรงไปยังเจี้ยนเฉิน โผเข้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว กำปั้นของเขาชกไปยังจมูกของเจี้ยนเฉิน กับคนที่เป็นศัตรู ผู้ซึ่งไม่ถึงระดับเซียน เขาจะไม่ใช้อาวุธเซียน
แม้เจี้ยนเฉินจะรู้ว่าความแข็งแรงของเฉิงหมิงเซียงไกลเกินกว่ากาดิยุน ความแตกต่างของพลังเซียนนั้นก็ต่างกันมากเกินไป ดังนั้นเจี้ยนเฉินจึงไม่อาจรับกำปั้นนี้ได้ เพียงเมื่อกำปั้นของเฉิงหมิงเซียนได้เข้ามาประชิด ที่หัวของเจี้ยนเฉิน เขาหายตัวไปฉับพลันและหลบกำปั้น ในเวลาเดียวกัน เจี้ยนเฉินใช้สองมือของเขาคว้าเข้าไปที่เฉิงหมิงเซียงราวกับขี่ม้า เกร็งตัวและดึงอีกฝ่ายให้พลิกคว่ำด้วยสองมือของเขา.
แต่เดิมเมื่อเฉิงหมิงเซียงถูกโจมตีทำให้สมดุลย์ของเขาเอียงไปข้างหน้า ตอนนี้เจี้ยนเฉินได้ดึงเขาต่อไป ชั่วขณะที่เขาสูญเสียการควบคุมของร่างกายของเขา และเขาก็เริ่มที่จะหน้าคว่ำลงไป อย่างไรก็ตามเฉิงหมิงเซียงได้ตอบสนองอย่างฉับพลัน เขากระโดดขึ้นไป ทุ่มเทแรงทั้งหมดของเขาพยายามที่จะป้องกันไม่ให้เจียงเฉินดึงอีกครั้ง ขณะที่เขาทำเช่นนั้น แต่เจี้ยนเฉินอยู่ ๆ ก็ปล่อยแขนเฉิงหมิงเซียงและกระหน่ำตีที่ท้องของอีกฝ่ายราวกับน้ำไหลบ่าออกมาจากเขื่อน
ตั้งแต่ที่เขาจะคะมำลงไปข้างหน้า หากแต่ต้องพลิกตัวไปด้านหลัง เมื่อเจี้ยนเฉินได้ชกเขาด้วยแรงทั้งหมด ขาไม่สามารถที่จะช่วยทรงตัวได้ เขาได้แต่ประคองตัวและเซถอยหลังเพื่อไม่ให้ล้ม
หลังจากที่ถอยกลับไปสิบก้าว ในที่สุดเฉิงหมิงเซียงก็ทรงตัวได้ แต่ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีแดงสดราวกับสีของตับหมู ด้วยท่าทีดุดันและเป็นลางไม่ดี เขาจ้องหน้าเจี้ยนเฉินด้วยเจตนามุ่งร้าย เพราะร่างกายอันงดงามของเขา เขาได้รับการพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนัก ดังนั้นจะไม่ให้เขาฉุนเฉียวได้อย่างไร? หากคนทั้งสำนักพบว่าร่างกายของเขาถูกโจมตีจริงและได้รับบาดเจ็บ เช่นนี้แล้วเขาจะไปมีหน้าอยู่ในสำนักนี้ได้อย่างไร และสุดท้ายก็กลายเป็นตัวตลกให้ผู้คนหัวเราะเยาะ
หลังจากที่คิดเกี่ยวกับผลกระทบนี้ เขาจ้องหน้าเจี้ยนเฉินราวกับจะฆ่าเสียให้ได้ นี่นับเป็นความอัปยศที่สุดสำหรับเขา
แล้วทั้งสนามนั้นก็กลายเป็นเงียบสนิท ใบหน้าของลั่วเจี้ยนได้เปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ ในขณะที่เขาจ้องมองเจี้ยนเฉินด้วยความประหลาดใจ นี่มันห่างไกลจากที่เขาจินตนาการไว้นัก และไม่เพียงแต่เขา แต่เป็นทุกคนที่อยู่ตรงนี้ เฉิงหมิงเซียงเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะพลัง และแม้แต่ระดับเซียนเองก็ยังยากที่จะต่อสู้กับเขาด้วยมือเปล่า มีเพียงเจี้ยนเฉินที่ทำให้เขาทุกข์ทรมานจากการพ่ายแพ้ และทำให้เขาอยู่ในสภาพอัปยศ นี่มันเป็นสิ่งที่น่าประหลาดมากนัก
จ้องมองเจี้ยนเฉินอีกครา แขนเฉิงหมิงเซียนเริ่มที่จะปลดปล่อยแสงสีเงิน ซึ่งเป็นพลังปราณ ก่อนที่จะกลายเป็นกระบี่สองมือ เขาคำรามออกมาว่า เจียงหยางเซียงเทียน ข้าจะทำให้เจ้าพิการในวันนี้! ด้วยคำประกาศกร้าว เขาพุ่งเข้าไปหาเจี้ยนเฉินพร้อมกระบี่สีเงินในมือ
หยุด!
ทันใดทีที่เฉิงหมิงเซียงเริ่มที่จะเคลื่อนไหว มีเสียงตะโกนออกมาจากฝูงชน ทุกคนเห็นเป็นเด็กหนุ่มผิวคล้ำเดินตรงมาเบื้องหน้าอย่างช้า ๆ
เมื่อเจี้ยนเฉินเห็นเด็กหนุ่มที่แข็งแกร่งเดินมาตรงหน้าของเขา ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้น มันเป็นเพราะคนผู้นี้เข้าร่วมในการแข่งขันนักเรียนหน้าใหม่และและบุคคลที่ราวกับสวรรค์ประทานความแข็งแกร่งให้ นั่นคือ เถี่ยต้า
ขณะที่ลั่วเจี้ยนและเฉิงหมิงเซียนมองไปที่เถี่ยต้า ใบหน้าของพวกเขาเริ่มกลายเป็นหวาดกลัว
ลั่วหยุนไม่รู้จักเถี่ยต้าและร้องถามไปยังเถี่ยต้าว่า เจ้าเป็นใคร? นี่มันเป็นเรื่องของนายน้อยลั่วและนายน้อยเฉิง อย่าได้รบกวน มิฉะนั้นเจ้าจะต้องเสียใจ …
หุบปาก! ไม่ได้รอให้ลั่วหยุนพูดจบ ลั่วเจี้ยนก็ตัดบทคำพูดของลั่วหยุน โดยไม่สนใจสีหน้าของลั่วหยุนที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าของลั่วเจี้ยนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่ป้องมือต้อนรับ นั่นคงเป็นน้องเถี่ยต้า ข้าประหลาดใจว่าน้องเถี่ยต้ามาทำอะไรที่นี่
เถี่ยต้ามองไปที่เขาด้วยสายตาที่แปลกก่อนที่จะพูดเสียงต่ำ เจ้าเป็นใคร? ข้าไม่รู้จักเจ้าเลยสักนิด ไม่เข้าใจว่าทำไม ใบหน้าของลั่วเจี้ยนจึงน่าเกลียดเช่นนั้น เถี่ยต้าเดินตรงไปหาเจี้ยนเฉินและยกมือของเขาขึ้นแตะไหล่ของเจี้ยนเฉิน เจียงหยางเซียงเทียน ข้าไม่คิดว่า ข้าจะพบกับเจ้าที่นี่! มันก็หลายวันมาแล้ว หลังจากครั้งสุดท้ายที่ข้าเห็นเจ้า! เขากล่าวเสียงดัง
เจี้ยนเฉินหัวเราะเบา ๆ เถี่ยต้า พวกเราเลิกสนทนากันก่อนในตอนนี้และช่วยข้าพ้นจากปัญหายุ่งยากเช่นนี้ก่อน
ฟังสิ่งที่เจี้ยนเฉินกล่าว เถี่ยต้าหันขวับไปยังกลุ่มของเฉิงหมิงเซียงและลั่วเจี้ยน เขาจ้องมองอย่างช้า ๆ ไปที่พวกเขาก่อนจะชี้นิ้ว เจียงหยางเซียงเทียน เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขากำลังพยายามที่จะรังแกเจ้า ?
เกรงว่าจะต้องกล่าวว่าใช่ เจี้ยนเฉินกล่าว ขณะที่เขายกมือกอดอก
ทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ เถี่ยต้าถลกแขนเสื้อทันที เขามองจ้องอย่างดุดันไปที่กลุ่มของฝ่ายตรงข้ามและประกาศเสียงดัง เจียงหยางเซี่ยงเทียนเป็นเสมือนน้องชายของข้า รังแกเขาก็เท่ากับรังแกข้า ใครก็ตามที่ต้องการต่อสู้ก็ออกมา แม้ว่าพลังของข้าจะไม่ได้แข็งแกร่ง ข้า เถี่ยต้า ก็ไม่กลัวพวกเจ้า.
ได้ยินคำพูดของเถี่ยต้า เจี้ยนเฉินลังเลเป็นครั้งที่สอง เขามองเถี่ยต้าด้วยความสับสน ไม่เข้าใจว่าเขาได้กลายเป็นน้องชายของเถี่ยต้าตั้งแต่เมื่อไร
เฉิงหมิงเซียงและลั่วเจี้ยนแสดงออกถึงความเปลี่ยนแปลง พวกเขาเหลือบมองด้วยท่าทีเคร่งเครียด มันเห็นได้ชัดว่าพวกเขาค่อนข้างกลัวเถี่ยต้า แม้ว่าเถี่ยต้าจะไม่ได้แข็งแกร่งมากนักและพวกเขาสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย แต่เถี่ยต้ามีคนหนุนหลังที่น่ากลัว นี่คือเหตุผลที่พวกเขาไม่กล้าที่จะแตะต้องเถี่ยต้าโดยตรงในสำนักคากัต
เมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนั้น คาร์ลและลั่วหยุนได้ตระหนักถึงทัศนคติของลั่วเจี้ยนที่มีต่อตัวตนของเถี่ยต้าซึ่งไม่ธรรมดา ดังนั้นพวกเขาได้ตัดสินใจอย่างชาญฉลาดที่จะไม่ส่งเสียงออกมา ในขณะที่บรรยากาศนั้นเปลี่ยนแปลงออกไปเล็กน้อย
หลังจากที่ขบคิดเงียบ ๆ สักพัก ในขณะที่ลั่วเจี้ยนก็ได้ส่งเสียงทำลายความเงียบ น้องเถี่ยต้า ปัญหานี้เป็นปัญหาระหว่างข้ากับเจียงหยางเซียงเทียน ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เข้ามายุ่งกับเรื่องของเรา น้ำเสียงของลั่วเจี้ยนสุภาพมาก เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าถึงแม้จะเถี่ยต้าเป็นสามัญชนชั้นต่ำ แต่สถานะปัจจุบันของเขาไม่ด้อยไปกว่าเขาและมันก็ยังสูงกว่าเขา แม้ว่าเขาจะเป็นผู้สืบทอดตระกูลลั่ว แต่มันยังเทียบไม่ได้กับเถี่ยต้า
คำพูดของลั่วเจี้ยนทำให้ผู้ชมทุกคนตกใจ มีคนน้อยมากที่จะได้รับการยอมรับจากลั่วเจี้ยนและเฉิงหมิงเซียง และพวกเขารู้ว่าถึงแม้ว่าสถานะของพวกเขาจะไม่สูงนัก พวกเขาทั้งสองมีพรรคพวกสนับสนุนพวกเขามากมาย แต่ตอนนี้ พวกเขาสองคนก็ทำตัวสุภาพต่อเถี่ยต้า ทำให้ผู้คนในหอหนังสือเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เถี่ยต้า … พวกเขาไม่สามารถจินตนาการถึงเบื้องหลังของเถี่ยต้าได้เลย และใบหน้าที่เคยยโสของลั่วเจี้ยนและเฉิงหมิงเซียงเต็มไปด้วยความระมัดระวังและความกลัว
แต่น่าเสียดายที่เถี่ยต้าไม่คิดจะยอมรับข้อเสนอนั้น โดยปราศจากการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้า เขากล่าวว่า ข้าได้กล่าวก่อนหน้านี้แล้วว่า เจียงหยางเซียงเทียนเป็นเสมือนน้องชายของข้า ปัญหาของเขาก็เป็นปัญหาของข้า ถ้าหากจะร้องทุกข์ ก็ให้มาร้องทุกข์ที่ข้า!!
การแสดงออกลั่วเจี้ยนเปลี่ยนไปและแววตาของเขาแสดงให้เห็นถึงความเคร่งเครียด เนื่องจากเถี่ยต้า เขาจึงไม่กล้าที่จะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจไปมากกว่านี้
ในเวลานั้นเอง เฉิงหมิงเซียงมองอย่างดูถูกและเขาจ้องไปที่เถี่ยต้า เขากล่าวเสียงหนักว่า เถี่ยต้า เจ้าต้องการที่จะสอดมือในเรื่องนี้? หลังจากที่ได้รับความทรมานจากเจี้ยนเฉิน เฉิงหมิงเซียงได้เกิดความเกลียดชังเจี้ยนเฉินในจิตใจของเขา สำหรับศิษย์น้องที่ไม่ถึงระดับเซียนแต่กลับทำให้เขาต้องเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก นี่นับว่าเป็นความอัปยศสำหรับอัจฉริยะอย่างเขา ถ้าเขาไม่ได้สะสางปัญหาเช่นนี้แล้ว ในอนาคต เขาคงไม่อาจอยู่อย่างเป็นสุขในสำนักนี้
ถูกต้อง ข้าต้องการที่จะมีส่วนร่วม เถี่ยต้าตะโกนกลับ เขาแสดงออกอย่างดุดัน แม้เขาจะรู้ได้อย่างชัดเจนถึงพลังของเฉิงหมิงเซียง เถี่ยต้ายังคงไม่แสดงท่าทีหวาดกลัว
เจี้ยนเฉินดึงเถี่ยตาและกล่าวว่า เถี่ยต้า นี่เรื่องระหว่างข้ากับเขา เจ้าไม่ควรจะมายุ่งเกี่ยว มิฉะนั้นเจ้าจะมีปัญหามากขึ้น
ตาของเถี่ยต้าเป็นประกายด้วยความโกรธและเขาก็หันไปทางเจี้ยนเฉินพลางมุ่ยหน้า เจียงหยางเซียงเทียน เจ้าพูดอะไรออกมา เจ้าคิดว่าข้า เถี่ยต้า เป็นคนที่จะต้องกลัวเรื่องแบบนี้หรือ ? เจ้าไม่คิดว่าข้าเป็นเพื่อนของเจ้า?
ได้ยินอย่างนี้แล้วช่วยไม่ได้ที่เจี้ยนเฉินจะเกิดรู้สึกสงสัย เมื่อเขาและเถี่ยต้าไม่ได้สนิทกันถึงขนาดนั้น? พวกเขาเพิ่งจะได้พบกัน เวลาที่พวกเขาพบกันจริง ๆ ก็เพียงแค่ระหว่างการแข่งขันลูกศิษย์ใหม่ก็เพียงเท่านั้น
ฮ่าฮ่า เถี่ยต้า ในเมื่อเจ้าวอนหาเรื่องเองก็อย่าได้ตำหนิข้า อย่าคิดว่าเจ้าเป็นศิษย์ส่วนตัวของอาจารย์ใหญ่แล้ว ข้าจะไม่กล้าทำร้ายเจ้า ข้าขอทดสอบความสามารถของศิษย์ส่วนตัวของอาจารย์ใหญ่หน่อยเถอะ
เมื่อได้ยินคำพูดเฉิงหมิงเซียง ส่งผลให้เจี้ยนเฉินรู้สึกตกใจ เขาไม่คิดว่าเถี่ยต้าจะเป็นศิษย์ส่วนตัวของอาจารย์ใหญ่ ถ้าข่าวนี้ถูกแพร่กระจายไปทั่วสำนัก มันจะต้องทำให้ผู้คนบ้าคลั่งเป็นแน่
ขณะนี้เฉิงหมิงเซียงปรากฏกายตรงหน้าของเถี่ยต้า เขาชกหมัดเข้าไปที่หน้าอกของเถี่ยต้า เพราะเถี่ยต้ามีสถานะที่พิเศษ เฉิงหมิงเซียงจึงไม่กล้าที่จะทำร้ายเถี่ยต้า เขาใช้ความแข็งแกร่งเพียงห้าส่วน ในความคิดของเขา แม้ว่าเขาจะใช้พลังเพียงแค่ห้าส่วนแต่มันก็มากพอที่จะล้มคนระดับต่ำกว่าอย่างเถี่ยต้า
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของเฉิงหมิงเซียง เถี่ยต้าไม่กล้าที่จะประมาทและใบหน้าของเขาแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็ง เขาคำรามแล้ว ด้วยแขนข้างขวาของเขาซึ่งดูเหมือนมีความทนทานราวกับเหล็ก เขาไม่เกรงกลัวขณะชกหมัดไปยังเฉิงหมิงเซียงเพื่อต่อสู้