บทที่ 50 ผู้สนับสนุนสาว

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บทที่ 50 ผู้สนับสนุนสาว

“ได้โปรด อย่า…อย่าทำแบบนั้นเลยครับ”

อ้วนป๋อแทบจะทรุดเข่าลงไปเมื่อได้ยิน เขายกมือขึ้นร้องห้ามและกล่าวคำอ้อนวอนออกมา “ศิษย์พี่ ศิษย์พี่หลิว นี่เป็นความคิดของข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสจ้าวแต่อย่างใด”

“เป็นเพราะข้านั้นเสียแต้มคะแนนในการพนันเวทีประลองเป็นตายมากเกินไปเพราะแผนกวิชายุทธพิเศษทำให้ข้าคิดจะระบายแค้นกับเฉินเฉียง”

“ข้าจะหาใครบางคนมาช่วยแบ่งเบางานของเฉินเฉียงครึ่งหนึ่งในทันที ข้าหวังว่าศิษย์พี่และศิษย์พี่หลิวจะไม่รายงานในเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นข้าคงพบปัญหาใหญ่แน่”

อ้วนป๋อไม่กล้าจะให้เรื่องนี้ยุ่งเกี่ยวกับผู้อาวุโสจ้าวแต่อย่างใด ไม่อย่างนั้นล่ะก็ หากเขาขาดผู้สนับสนุนที่มีความแข็งแกร่งแบบนี้แล้ว วันที่ดีของเขามีหวังต้องหมดลง

หลิวซวนเอ๋อไม่ได้สนใจต่ออ้วนป๋ออีกต่อไป เธอเดินไปหาเฉินเฉียงและพูดออกมา “ศิษย์น้องเฉิน ศิษย์พี่ชื่อหลิวซวนเอ๋อ ข้าพึ่งจะกลับมาจากการทำภารกิจข้างนอก ได้ยินมาว่าเจ้านั้นมีทักษะการปรุงยาที่ดีเยี่ยม แม้แต่อาจารย์ฉีแห่งแผนกเล่นแร่แปรธาตุก็ยังต้องเอ่ยปากชม”

“ปู่ของศิษย์พี่คือผู้อาวุโสใหญ่แห่งสำนัก ถึงแม้ว่าเขานั้นจะไม่ได้มีหน้าที่ในจัดการเรื่องราวในสำนักแต่ท่านก็มีความสนใจในตัวเจ้าไม่น้อยเลยและยังต้องการพบเจ้าหากมีโอกาส”

“อ้อ ความจริงแล้วที่พี่สาวมาที่นี่เป็นเพราะต้องการให้ศิษย์น้องเฉินช่วยปรุงยาชำระเลือดให้หน่อยน่ะ ไม่รู้ว่าศิษย์น้องพอที่จะช่วยได้รึเปล่า”

“ศิษย์พี่หลิว ขอถามตามตรงว่าทำไมศิษย์พี่ถึงไม่ให้ศิษย์พี่เฟิงแห่งแผนกเล่นแร่แปรธาตุเป็นคนลงมือปรุงยากันล่ะ”

ที่เขาสงสัยนั่นก็เพราะด้วยสถานะของหลิวซวนเอ๋อแล้วนั้นแผนกเล่นแร่แปรธาตุสมควรจะไม่ปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย

“ฮ่าฮ่าฮ่า ความจริงแล้วศิษย์พี่เองก็พึ่งจะกลับมาจากที่นั่น นั่นแหละ แต่ตอนนี้ศิษย์น้องเฟิงน่าจะไม่ว่างไปพักใหญ่ พี่สาวได้ยินมาว่าเขาต้องช่วยศิษย์พี่ของเจ้าในการปรุงยาอีกมากมาย หากว่าข้าต้องการปรุงยาแล้วคงต้องรอไปอีกนาน นี่จึงเป็นเหตุผลที่มาของให้ศิษย์น้องช่วยปรุงยาให้หน่อย แล้ว…เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ”

เฉินเฉียงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจในทันทีที่ได้ยิน

ด้วยการที่เขานั้นพนันกับเฟิงไคเหลียงไปก่อนหน้านี้นั้นไม่คิดว่าเขาจะรักษาสัญญาขนาดนี้

“ศิษญ์พี่หลิว ไม่ใช่ว่าศิษย์น้องผู้นี้ไม่อยากจะช่วย เพียงแต่ในตอนนี้ข้าเองก็ยังอยู่ในระหว่างการลงโทษ กว่าข้าจะมีเวลาปรุงยาให้ท่านเกรงว่าจะนานกว่ารอจากศิษย์พี่เฟิงน่ะ”

“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา”

เมื่อหลิวซวนเอ๋อได้ยินดังนั้นแล้วก็เข้าใจดีว่าเขาไม่มีปัญหาที่จะปรุงยาให้ เธอได้หันไปพูดกับอ้วนป๋อในทันที “ไอ้อ้วน ข้าจะช่วยเฉินเฉียงทำงานแทน บอกมาสิว่าข้าต้องทำยังไงบ้าง”

เมื่อได้ยินดังนั้น ร่างกายของอ้วนป๋อได้สั่นเทิ้มไปทั้งตัว เขาพูดออกมาด้วยสีหน้าอึกอักก่อนที่จะพูดออกมา “ศิษย์พี่หลิว ศิษย์พี่อย่ามาพูดเล่นกันสิครับ ด้วยสถานะของศิษย์พี่แล้วการที่จะมาทำงานสกปรกแบบนี้มัน…”

และนี่เองก็ทำให้อ้วนป๋อเข้าใจขึ้นมาในทันทีว่าคนอย่างหลิวซวนเอ๋อนั้นจะมายอมทำงานแทนเฉินเฉียงได้ยังไงกัน

หากอยากจะทำจริงก็ควรจะให้ศิษย์ชายที่เป็นองครักษ์อีกสี่คนทำจะไม่ดีกว่ารึไง

“เอาแบบนี้ดีกว่าครับ ศิษย์พี่หลิว ข้าจะหาคนมาช่วยทำงานแทนศิษย์น้องเฉินให้เลย ท่านคิดว่ายังไง”

“โอ้…เจ้าอ้วน นี่เจ้าหมายความว่าตอนนี้เฉินเฉียงว่างแล้วสินะ”

“ใช่แล้วครับ ศิษย์น้องเฉินสามารถทำสิ่งที่เขาต้องการได้แล้ว ข้าจะไม่ขัดขวางเขาอีก”

เมื่อได้ยินดังนั้น หลิวซวนเอ๋อได้ยิ้มให้กับเฉินเฉียงด้วยความภูมิอกภูมิใจและพูดออกมา “ศิษย์น้องเฉิน เห็นไหม แค่นี้เจ้าก็ว่างแล้ว”

“อย่าเป็นกังวลไป หากไอ้อ้วนนี่กล้าที่จะทำให้เจ้ายุ่งยากเกินไปอีกในอนาคต ศิษย์น้องบอกข้าได้เลย เดี๋ยวศิษย์พี่หญิงคนนี้จะสั่งสอนมันด้วยตัวเอง”

อยู่ๆเฉินเฉียงก็มีคนสนุบสนุนชั้นดีซะอย่างนั้น

เมื่อเฉินเฉียงที่ยืนทึ่มๆได้ยินในตอนนี้เขาก็ได้พูดออกมา “หากเป็นแบบนี้ก็ต้องขอบคุณศิษย์พี่หญิงหลิวอย่างมากแล้วจริงๆ ตอนนี้ศิษย์น้องสงสัยว่าศิษย์พี่ต้องการให้ข้าปรุงยาให้เลยใช่หรือไม่”

“แน่นอน ยิ่งข้าได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น” เมื่อพูดจบ หลิวซวนเอ๋อได้มอบถุงสมุนไพรถุงหนึ่งให้เฉินเฉียง “แต่เมื่อครู่นี้หากพี่สาวฟังไม่ผิดเหมือนศิษย์น้องจะอยากเข้าร่วมการประลองเป็นตายสินะ”

“เอาอย่างนี้แล้วกัน ศิษย์พี่จะให้เวลาเจ้า เจ้าต้องส่งมอบยาชำระเลือดนี้อีกห้าวันหลังจากนี้ เจ้าคิดว่ายังไง”

หลังจากรับสมุนไพรแล้ว เฉินเฉียงได้พยักหน้ารับและพูดออกมา “หากเป็นเช่นนั้นได้ ศิษย์น้องคนนี้ขอขอบคุณศิษย์พี่ด้วยใจจริง ข้าสัญญาว่าจะส่งมอบยาชำระเลือดนี้ภายในห้าวัน”

หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงได้หันไปอีกทางแล้วจากไป เขาวิ่งไปยังสนามประลองเป็นตายอย่างสุดกำลัง

“นี่ ข้าว่าไปดูเขาสู้กันดีกว่า”

“หืม เอาจริงหรือศิษย์น้องหลิว การต่อสู้ของเฉินเฉียงนั้นมีอะไรที่หน้าดูกัน”

“ถ้าเจ้าไม่ไปก็ไม่ต้องไป ข้าไปคนเดียวก็ได้” เมื่อพูดจบ หลิวซวนเอ๋อได้ทิ้งผู้ติดตามทั้งสี่ไว้และรีบวิ่งตามเฉินเฉียงไปในทันที

ผู้ติดตามทั้งสี่ทำได้เพียงถอดถอนลมหายใจก่อนที่จะมองหน้ากันและรีบตามไปในทันที

“ศิษย์พี่ ศิษย์พี่อ้วนป๋อ แล้วเราจะทำยังไงกันดี”

ในโรงครัวตอนนี้หลงเหลือเพียงอ้วนป๋อและผู้ติดตาม พร้อมทั้งกองซากศพของสัตว์ประหลาดขนาดมหึมาที่อยู่ตรงหน้า

“จะทำยังไงกันดีเหรอ ข้าก็จะปล่อยเรื่องนี้ให้เจ้าจัดการไง”

อ้วนป๋อพูดออกมาด้วยท่าทีโกรธเคือง ก่อนที่จะมอบหมายงานให้คนอื่นอีกเล็กน้อยแล้วรีบไปหาจ้าวฮั่นที่บ้านพักในทันที

หลังจากที่เขานั้นได้รับประสบการณ์ในการประลองเป็นตายนี้มาบ้างแล้ว นี่ทำให้เฉินเฉียงรู้สึกชื่นชอบสถานที่แห่งนี้เอามากๆ

นอกจากเรื่องที่ว่าสถานที่แห่งนี้ทำให้เขานั้นมีโอกาสในการดูดซับทักษะและค่าสถานะแล้ว สนามประลองแห่งนี้เป็นสถานที่ที่เขาสามารถใช้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการต่อสู้ได้อย่างเต็มที่

และด้วยการที่เขานั้นยังคงอยู่ในสำนัก เขาไม่จำเป็นต้องกังวลผลจากการประลองนี้มากนัก

อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังไม่หลงลืมเช่นเดียวกันว่าภายนอกสำนักเต่าดำนั้นมีอันตรายที่เขาต้องประสบอยู่ได้ทุกเมื่อเชื่อวัน ซึ่งอันตรายเหล่านั้นสามารถทำให้เขาต้องตกตายได้ตลอดเวลา

นอกจากที่นี้แล้วก็ยังมีห้องบ่มเพาะอีกที่หนึ่ง เพียงแค่สองที่นี้เขาก็บอกได้แล้วว่าการได้เข้าสำนักเต่าดีนี้ถือว่าเป็นกำไรของเขาอย่างแท้จริง

ที่ตรอกแห่งหนึ่งด้านนอกของเวทีประลอง ศิษย์จากหลากหลายแผนกกำลังรนรานอยู่รอบนอก

ในช่วงที่ผ่านมานี้ด้วยความบ้าคลั่งของศิษย์แผนกวิชายุทธพิเศษที่ท้าประลองไปทั่ว นี่ทำให้เหล่าศิษย์แผนกต่างๆที่อยู่ในระดับนายพลวิญญาณหนีออกไปทำภารกิจกันจนหมด ในตอนนี้เหลือเพียงศิษย์ที่อยู่ในระดับทหารขั้นสูงเท่านั้นที่ยังคงอยู่ และนี่เองทำให้พวกเขามารวมกันที่นี่เพียงที่จะรอผู้โชคร้ายเพื่อว่าจะได้มีโอกาสได้แต้มคะแนนใช้สักนิดหน่อย

อย่างไรก็ตาม หลังจากรอมาครึ่งวันแล้วพวกเขาก็ยังไม่พบผู้โชคร้ายคนนั้นเลยราวกับว่าไม่มีใครอยู่ให้ประลองแล้ว ถึงจะเป็นอย่างนั้น พวกเขาก็ไม่มีใครที่คิดจะยอมแพ้แต่อย่างใด

เฉินเฉียงผู้ซึ่งในตอนนี้วิ่งมาที่นี่ด้วยความตื่นเต้นอย่างขีดสุด เขาได้ส่งข้อความไปหากัวเหลียงในระหว่างที่วิ่งมาเพื่อให้มาพบกันที่สนามประลองเป็นตาย

ณ บ้านพักอันหรูหราของจ้าวฮั่น อ้วนป๋อบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการที่หลิวซวนเอ๋อมอบโอกาสให้เฉินเฉียงได้มีโอกาสได้หยุดพัก

ในตอนแรกเริ่ม ทันทีที่เฉินเฉียงเข้าไปทำงานในโรงครัวของสำนัก จ้าวฮั่นเป็นคนจัดการเรื่องราวทุกอย่างและเป็นคนสั่งให้อ้วนป๋อจัดการทุกสิ่งเพื่อจะกีดขวางการบ่มเพาะของเฉินเฉียง

เขานั้นกลับไม่คิดว่าด้วยทักษะการปรุงยาของเฉินเฉียงนั้นทำให้เหล่าศิษย์ในสำนักต่างแห่แหนไปยังโรงครัวได้ทุกวัน มีแม้กระทั่งยอมทำงานแทนเฉินเฉียงด้วยซ้ำเพื่อให้ได้รับยามา

และที่น่าโกรธเคืองที่สุดก็คือในตอนนี้ แม้แต่หลานสาวของผู้อาวุโสใหญ่หลิวจางฉิงอย่างหลิวซวนเอ๋อเองก็ยังมาหาเฉินเฉียง

หากเป็นคนอื่นเขาก็ยังพออ้างอำนาจของปู่ของตนเพื่อขัดขวางได้บ้าง แต่กับหลิวซวนเอ๋อคนนี้ แม้แต่ปู่ของเขา จ้าวหยางยังไม่กล้าทำอะไรเธอเลย แล้วเขาจะกล้าทำอะไรได้กัน

และด้วยเหตุนี้ทำให้หัวหน้าโรงครัวอย่างอ้วนป๋อนั้นไม่มีทางเลยที่จะกล้าหาเรื่องกับคนคนนี้ และเมื่อเรื่องนี้จะมีโอกาสไปเข้าหูผู้อาวโสใหญ่ได้ อ้วนป๋อจึงไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงมารายงานจ้าวฮั่นเอาไว้ก่อน

จ้าวฮั่นที่ในตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกได้แสดงออกมาด้วยสีหน้าน่าเกลียดน่ากลัว เขาปิดตาลงพร้อมกับเลือกที่จะรับความรู้สึกผ่อนคลายที่สาวสวยคนหนึ่งกำลังนวดเท้าให้เพื่อบรรเทาความโกรธในใจ

ความอัปยศอดสูที่เฉินเฉียงมอบให้เขานั้นยังคงฝังลึกอยู่ภายในใจ

ภายในสำนักเต่าดำแห่งนี้ไม่มีใครไม่รู้ว่าเขานั้นคือหลานรักของจ้าวหยาง ผู้อาวุโสของสำนัก

ไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้กับเขามาก่อน

แต่เฉินเฉียงนั้นไม่เพียงจะกล้าสร้างความอัปยศให้เขาด้วยการชนะการประลองเป็นตาย มันยังนำแหวนที่ปู่ของเขามอบให้ไปด้วย

ในช่วงระหว่างนี้ที่เขานั้นนิ่งเงียบอยู่ก็เป็นเพราะว่าเขาได้ใช้ทรัพยากรที่ปู่ของเขามอบให้ไปบ่มเพาะในห้องบ่มเพาะจนในที่สุดก็พึ่งจะบรรลุระดับขั้นนายพลวิญญาณขั้นต้นเมื่อสองวันก่อน

และเหตุผลที่เขาต้องทุ่มทุนสร้างขนาดนี้เป็นเพราะต้องการคืนความอัปยศนี้กลับไปให้เฉินเฉียง

“เข้าใจแล้ว เจ้าอ้วน เจ้ากลับไปก่อน เรื่องนี้ไม่ใช่อะไรที่เจ้าจะจัดการได้”

เมื่ออ้วนป๋อได้ยินแบบนี้ก็มีท่าทีโล่งใจออกมา

“เฉินเฉียง ในเมื่อให้แกเป็นพ่อครัวดีๆไม่ชอบ ดูเหมือนว่าแกอยากจะสู้นักสินะ”

“ฮึ่ม ในเมื่อแกรนหาที่ล่ะก็ ข้าคนนี้จะมอบความอัปยศให้แกเอง”