บทที่ 51 ท้าประลอง

“ฮ่าฮ่าฮ่า ศิษย์น้อง วันนี้เจ้าเสร็จงานครัวแล้วเหรอ ไม่คิดเลยจริงๆว่าจะหาเวลามาที่สนามประลองได้ นี่เจ้าต้องการประลองด้วยอย่างนั้นเหรอ”

เฉินเฉียงที่พึ่งมาถึงก็ได้ยินเสียงของกัวเหลียงที่ดังมาจากตรอกข้างสนาม

เฉินเฉียงนั้นไม่คิดว่านอกจากกัวเหลียงแล้ว ยังมีทั้งศิษย์พี่เฟิง ชุยหยันหลัน ศิษย์พี่ใหญ่หลู่ฟาง และศิษย์พี่คนอื่นๆอีกสิบกว่าคนมาที่นี่ด้วย

“ศิษย์พี่ ทำไมศิษย์พี่ทั้งหลายถึงได้มาที่นี่ได้กัน” เฉินเฉียงถามออกมาด้วยรอยยิ้ม

“ศิษย์น้อง พวกเราไม่ได้เจอหน้ากันมาตั้งครึ่งเดือนนี่นา นี่ถ้าไม่ติดว่าอาจารย์ห้ามไว้ละก็พวกเราคงจะไปหาเจ้าทุกวัน และเมื่อมีโอกาสดีๆแบบนี้มีหรือที่พวกเราจะปล่อยไปได้”

หลู่ฟางได้วางมือบนบ่าของเฉินเฉียงพร้อมรอยยิ้มและพูดออกมา “ถึงแม้พวกเรานั้นเริ่มจะทำแบบนี้มาแบบจริงจังได้เพียงสองวันเท่านั้นแต่ตอนที่เจ้าไม่อยู่นั้น ที่ผ่านมาพวกเราได้ใช้สิ่งนี้เป็นการแก้แค้นแทนเจ้ายังไงล่ะ”

“ว่าแต่ศิษย์น้อง ในเมื่อเจ้ามาที่นี่แล้วเจ้าอยากจะท้าประลองกับศิษย์แผนกอื่นรึเปล่าล่ะ หากเป็นแบบนั้นได้ละก็ แผนกของเราจะได้ขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่งได้สักที”

“ถ้าเป็นแบบนั้นละก็ศิษย์แผนกของเราจะถือได้ว่ากวาดล้างเหล่าศิษย์ร่วมสำนักแผนกอื่นได้ตั้งแต่ระดับทหารขั้นสูงไปจนถึงระดับนายพลวิญญาณขั้นกลางได้ทั้งหมด”

“ฮี่ฮี่ฮี่ ดูเหมือนศิษย์น้องคนนี้จะเก็บซ่อนความตั้งใจต่อหน้าเหล่าศิษย์พี่ไม่ได้จริงๆ แน่นอนว่าข้าย่อมต้องทำอย่างนั้น”

“ศิษย์น้องคนนี้อยู่แต่ในโรงครัวมานานมากจนเริ่มเบื่อหน่าย เมื่อได้ยินว่าศิษย์พี่ทั้งหลายกำลังท้าประลองศิษย์แผนกอื่นอยู่ ข้าเองก็เริ่มมีความรู้สึกอยากเข้าร่วมด้วยเหมือนกัน และวันนี้ก็ถือได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่ข้าพอจะเข้าร่วมได้”

“เพียงแต่ว่าข้ายังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์กับศิษย์แผนกอื่นสักเท่าไหร่ คงจะดีหากจะมีใครสักคนเป็นผู้ชี้เป้าให้ข้าได้ท้าประลอง”

เมื่อได้ยินแบบนี้ กัวเหลียงได้ใช้แขนของตนคว้าคอของเฉินเฉียงเอาไว้และใช้อีกมือหนึ่งชูนิ้วโป้งขึ้นมา

“ศิษย์น้อง เจ้าเองสมแล้วที่เป็นศิษย์แผนกของเรา เจ้านี่ช่างกล้าหาญจริงๆ”

“ขอบอกตรงๆเลยนะว่าตอนนี้ในหมู่สายเลือดทหารระดับสูงนั้น ไม่มีใครเลยที่จะชนะเจ้าได้”

“แต่ในเมื่อศิษย์น้องต้องการ ศิษย์พี่คนนี้ก็ขอลองคิดดูก่อนแล้วกัน”

หลังจากพูดจบ กัวเหลียงใช้นิ้วไปนวดขมับของตนประหนึ่งดังต้องใช้ความคิดอย่างหนักเกี่ยวกับเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม ไม่นาน กัวเหลียงก็ได้มองไปทิศทางหนึ่งด้วยสายตาที่ลุกเป็นไฟ

“หืม ศิษย์พี่นึกออกแล้วเหรอ”

เฉินเฉียงถามออกมา

“ไม่ใช่หรอก ศิษย์น้อง ดูนั่นสิ”

เมื่อเฉินเฉียงได้มองไปทางทิศที่กัวเหลียงชี้ไปนั้นเขาก็ได้พบหลิวซวนเอ๋อเดินตรงมาพร้อมผู้ติดตามอีกสี่คน หรือก็คือคนที่เฉินเฉียงพึ่งจะได้พบที่ครัวเมื่อครู่นี้

“ไม่จริงน่าศิษย์พี่ นี่ศิษย์พี่คิดจะให้ข้าท้าประลองกับศิษย์พี่หลิวอ่ะนะ” เฉินเฉียงส่ายหัวไปมาอย่างรวดเร็ว

“ฮี่ฮี่ฮี่ หากศิษย์น้องต้องการพี่สาวคนนี้ก็ยินดีรับน้า…”

หลิวซวนเอ๋อได้ตอบออกมาด้วยรอยยิ้มเมื่อเธอได้ยินสิ่งที่เฉินเฉียงและกัวเหลียงได้พูดคุยกัน

“โย่ นี่มันศิษย์น้องหลิวไม่ใช่เหรอ ศิษย์น้องเฉินของข้าคนนี้พึ่งจะอยู่ในระดับทหารขั้นสูงเองนา ข้าจะกล้าให้เขาไปประลองกับเจ้าได้ยังไงกัน”

อีกอย่างนึง หากว่าศิษย์น้องของข้านั้นกล้าที่จะท้าประลองกับเจ้า มีหวังคงต้องเจอคลื่นมหาชนศิษย์ของสำนักเราเป็นแน่ แต่ที่ข้าชี้ไปที่เจ้านั้นเป็นเพราะต้องการให้เขาดูเจ้าเฉยๆ

เมื่อได้ยินจากสุ้มเสียงของกัวเหลียงแล้วทำให้เขานั้นเข้าใจได้ในหลายๆความหมาย

หลิวซวนเอ๋อผู้นี้ นอกจากจะเป็นหลานสาวเพียงคนเดียวของผู้อาวุโสใหญ่หลิวจางฉิงแล้ว เธอนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นที่นับหน้าถือตาของศิษย์ทั้งสำนัก

แน่นอนว่าเมื่อได้ยินคำกล่าวของกัวเหลียงแล้ว หลิวซวนเอ๋อก็ไม่สามารถปฏิเสธออกมาได้แต่อย่างใด และหลังจากที่เธอกล่าวทักทายหลู่ฟางและคนอื่นๆแล้ว เธอก็ก้มหัวนิ่งคิดไปเล็กน้อยก่อนที่จะคิดเรื่องคู่ต่อสู้ที่เฉินเฉียงสมควรจะประลองด้วย

“ศิษย์น้องเฉิน ด้วยระดับการบ่มเพาะของเจ้าแล้วหากจะเลือกบังคับท้าประลองได้ที่พอจะเหมาะสมอยู่บ้างก็สมควรจะเป็นศิษย์จากแผนกวิญญาณระดับนายพลวิญญาณแล้ว ศิษย์น้องน่าจะไม่สามารถสู้กับใครได้มากนะ”

“พี่สาวว่าศิษย์น้องควรจะเลือกศิษย์กลุ่มนี้ก่อน เอ่อออ จะให้บอกให้ถูกละก็ควรจะกวาดศิษย์กลุ่มนี้ให้เรียบก่อนเป็น….”

แต่ยังไม่ทันที่หลิวซวนเอ๋อจะได้พูดจบ กำไรสื่อสารของทุกคนก็ได้ดังขึ้นไม่หยุด

“หยานยิงเย่แห่งแผนกวิญญาณระดับทหารขั้นสูง ขอท้าประลองแผนกวิชายุทธพิเศษระดับเดียวกัน เฉินเฉียง”

และข่าวการท้าประลองนี้ก็ได้แพร่ออกไปอย่างรวดเร็วจนมีคนคุยกันไปทั่ว

“ไอ้ฉิบหาย มีคนกล้าที่จะท้าประลองศิษย์จากแผนกวิชายุทธพิเศษแล้วจริงดิ”

“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะตั้งแต่ช่วงครึ่งเดือนก่อนน่ะ นับตั้งแต่พวกนั้นเริ่มท้าประลองแผนกอื่น”

“นั่นสิ ไอ้พวกนั้นมันกล้าที่จะรังแกพวกเราจนไม่กล้าที่จะออกมาให้เห็นหน้าด้วยซ้ำ ในที่สุดก็มีใครสักคนที่กล้าสู้สักที”

“เฮ้อ น่าเสียดายที่นี่เป็นการท้าประลองของระดับทหารขั้นสูงเท่านั้น การประลองแบบนี้จะมีอะไรน่าสนใจได้กัน”

“ใครจะไปสนล่ะเว้ย ตราบใดที่มีคนท้าประลองกับพวกนั้น ข้ายอมทุ่มทุกอย่างที่มีลงว่าไอ้พวกวิชายุทธมันต้องแพ้”

“ก็จริง ข้าว่าส่งข่าวให้ศิษย์ระดับทหารขั้นสูงในแผนกของเราให้ไปท้าทายมั่งดีกว่า ต่อให้ระดับนายพลวิญญาณเราจะแพ้แต่กับแค่ระดับทหารขั้นสูงพวกเราไม่แพ้หรอกโว้ย”

เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยของศิษย์จากหลากหลายแผนกแล้ว เฉินเฉียงได้ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยและพูดขึ้นมาว่า ศิษย์พี่ทั้งหลาย การที่พวกพี่กดดันแผนกอื่นนี่จะทำให้พวกนั้นมาหมายหัวศิษย์น้องผู้นี้ในทันทีทีเดียวเชียว

“แหม่…ถ้าศิษย์น้องคิดจะกลัวละก็ ศิษย์น้องก็ปฏิเสธได้น้า….”

กัวเหลียงที่อยู่ข้างๆเฉินเฉียงได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่รู้ทัน

ถึงเขาจะพูดออกมาแบบนั้น แต่ด้วยการที่ใช้ชีวิตอันสุขสันต์จากการฟันกำไรมาก่อนหน้านี้แล้ว นี่ทำให้กัวเหลียงรู้ดีว่าถึงแม้ศิษย์น้องของเขาคนนี้จะไม่ได้มีพลังล้นฟ้า แต่เขานั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแพ้พ่าย

จริงดังที่กัวเหลียงคาดไว้ เฉินเฉียงได้ยิ้มกว้างก่อนจะพูดออกมา “อะไรกัน ก็แค่แผนกวิญญาณไม่ใช่เหรอครับ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยนี่นา ถึงแม้ข้าจะยังไม่บรรลุถึงระดับนายพลวิญญาณแต่ก็จะพยายามเต็มที่อย่างแน่นอน”

“โอ้ ศิษย์น้องเฉินคิดจะลองดูจริงๆเหรอ ฮี่ฮี่ฮี่ ดูเหมือนว่าศิษย์น้องจะมั่นใจซะขนาดนี้ละก็ เห็นทีศิษย์พี่หลิวคนนี้ก็คงต้องยื่นมือเข้าร่วมสักหน่อยแล้ว ” เมื่อพูดจบ ด้วยการที่หลิวซวนเอ๋อนั้นต้องการให้เฉินเฉียงช่วยปรุงยาให้ แน่นอนว่าเธอต้องการสร้างสายสัมพันธ์ในทันทีที่มีโอกาส ที่ได้คิดว่าจะมอบแต้มคะแนนไว้ใช้ในการลงพนันห้าร้อยแต้ม ในขณะเดียวกัน เธอเองก็อยากรู้ว่าเฉินเฉียงนั้นเก่งกาจขนาดไหน ทำไมปู่ของเธอถึงได้เอ่ยปากชมนักชมหนาถึงขั้นพร่ำบ่นกับเธอว่าให้หาโอกาสพาไปพบเขา

อย่างไรกับตาม การตัดสินใจของหลิวซวนเอ๋อนี้ทำให้ผู้ติดตามของเธอนั้นค่อนข้างที่จะไม่พอใจ

“ศิษย์น้องหลิว ต่อให้ศิษย์น้องอยากจะส่งเสริมศิษย์น้องเฉินยังไงก็ไม่ควรจะใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายนะ”

“โดยเฉพาะกับการเสียแต้มคะแนนไปเปล่าๆถึงห้าร้อยแต้มน่ะ”

“พวกเราต่างก็รู้กันดีว่าทักษะการต่อสู้ของศิษย์แผนกวิญญาณนั้นไม่ได้แข็งแกร่งอะไร แต่ขนาดพวกเราเจอพวกนั้นก็ยังยากจะจัดการเลย”

“นับประสาอะไรกับระดับทหารขั้นสูงอย่างศิษย์น้องเฉิน แม้แต่ระดับพวกเราระดับนายพลวิญญาณขั้นต้นเองเจอเข้ายังยากที่จะโค่นล้มได้เลย”

“แถมยังเคยได้ยินมาอีกว่าหยานยิงเย่คนนี้ถึงแม้ระดับการบ่มเพาะจะไม่สูงแต่วิธีการบ่มเพาะสะกดข่มมารสวรรค์ของเขานั้นอยู่เหนือกว่าระดับขั้นเรียนรู้ไปแล้วนะ”

หลิวซวนเอ๋อที่ได้ยินดังนั้นก็หาได้ใส่ใจไม่ เธอพูดออกมากับเฉินเฉียงด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์น้องเฉิน พี่สาวได้ยินมาว่าศิษย์น้องนั้นทำลายสถิติสอบเข้ามาได้ถึงสองด่าน พี่สาวเชื่อว่าเจ้านั้นต้องทำได้อย่างแน่นอน”

“ขอบคุณศิษย์พี่หลิวครับ”

ถึงแม้ว่เขาจะไม่รู้ว่าหลิวซวนเอ๋อคนนี้มีจุดประสงค์อะไร แต่เมื่อเห็นห้าร้อยแต้มคะแนนอยู่ตรงหน้านี้แล้วทำให้เขานั้นไม่สนใจเรื่องอื่นแม้แต่น้อย

ยิ่งไปกว่านั้นคือ จากที่คนของหลิวซวนเอ๋อพูดมานั้น คนที่ท้าการประลองกับเขานี้มีวิธีการบ่มเพาะสะกดข่มมารสวรรค์อยู่ในระดับต้น สำหรับเขาแล้วนี่ถือว่าเป็นข่าวดี

ความจริงแล้วก่อนหน้านี้เขาเองก็ได้หยิบยืมตำราเล่มการบ่มเพาะนี้มาด้วยเหมือนกัน เพียงแต่ว่าเขานั้นไม่อาจจะเรียนรู้มันได้ แต่หากผ่านการประลองนี้ไปละก็ ฮี่ฮี่ฮี่