ตอนที่ 99 ฉินเฟยหยางผู้ไร้ความสำรวม (1) / ตอนที่ 100 ฉินเฟยหยางผู้ไร้ความสำรวม (2)

เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา

ตอนที่ 99 ฉินเฟยหยางผู้ไร้ความสำรวม (1) 

 

 

เมื่อเห็นคนแก่พวกนี้นั่งลงบนเก้าอี้เพื่อรอเหล้าดีจากเขา ใจของเขาก็เต็มไปด้วยความอัดอั้นและด่าน่าหลานฉางเฉียนในใจไม่รู้กี่ร้อยรอบ 

 

 

“ทหาร ไปเอาเหล้าดีที่ข้าเก็บไว้มาซิ” ผู้เฒ่าน่าหลานกัดฟันแน่น “ฟังให้ดีนะ ให้รินแค่ชามเล็กๆ ชามเดียว แล้วเอาชามเปล่ามาอีกสามสี่ใบ ได้ยินหรือเปล่า ใครกล้ารินเยอะ ข้าจะฆ่ามันซะ!” 

 

 

ทหารที่กำลังจะไปเอาเหล้าตัวสั่นสะท้าน เขาคิดว่าถ้าหากเผลอเทเหล้าเกินมาสักหยด แม่ทัพเฒ่าต้องฆ่าเขาแน่ 

 

 

“ท่านน่าหลาน ท่านกลายเป็นคนขี้งกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร” ฉินเฟยหยางส่งเสียงฮึ น้ำเสียงไม่พอใจ “พวกเรามากันตั้งหลายคน ท่านเอาเหล้าชามเล็กๆ ชามเดียวมารับรองพวกข้า แบบนี้หมายความว่าอย่างไร ดูถูกกันเกินไปหรือเปล่า” 

 

 

ผู้เฒ่าน่าหลานโมโหเสียจนไม่อยากสนใจคนพวกนั้น 

 

 

“จะดื่มไหมล่ะ ถ้าไม่ดื่มก็กลับไปซะ ข้าจะได้ประหยัดเหล้าไปชามหนึ่ง” 

 

 

“ท่าน…” ฉินเฟยหยางหน้าแดง มือชี้หน้าแม่ทัพเฒ่าน่าหลาน พูดอะไรไม่ออก 

 

 

ก็แค่เหล้ากาเดียว ผู้เฒ่าน่าหลานต้องหวงขนาดนั้นเชียวหรือ แบบนี้เขาต้องอยู่ต่อเพื่อดูว่า ตาแก่คนนี้จะเอาเหล้าอะไรออกมา ถึงได้มีท่าทีแบบนี้! 

 

 

ผ่านไปไม่นาน ทหารคนดังกล่าวก็ยกเหล้าออกมาชามหนึ่ง เขาเดินมาหาคนเหล่านั้นด้วยความระมัดระวัง 

 

 

มือของเขาที่ถือชามเหล้าอยู่ไม่กล้าสั่นเลยแม้แต่น้อย เขากลัวว่าถ้าทำเหล้าหกออกมาสักหยด จะถูกแม่ทัพเฒ่าฆ่าตาย 

 

 

ผู้เฒ่าน่าหลานมองดูเหล้าที่อยู่ก้นชาม เขายิ้ม 

 

 

“ท่านน่าหลาน นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร” ฉินเฟยหยางสีหน้าไม่สบอารมณ์ เขาหันไปมองผู้เฒ่าน่าหลานด้วยความโมโห “นี่ท่านคิดจะให้พวกเราจิบกันคนละคำแค่นั้นหรือ เหล้าแค่นี้จะพอกินได้อย่างไร” 

 

 

แม่ทัพเฒ่ายิ้ม “จะบอกให้รู้นะ เหล้าของข้าถ้าไปหาซื้อข้างนอก ราคามันมหาศาล แม้แค่จิบเดียวก็เถอะ ก็มีคนยอมจ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อซื้อมัน ท่านจะดื่มก็ดื่ม ไม่ดื่มก็กลับไปซะ ข้าจะได้ประหยัดเหล้า” 

 

 

“เฮอะๆ ” ฉินเฟยหยางหัวเราะแกมเย้ยหยัน “เหล้าของท่านมันจะล้ำค่าขนาดนั้นเชียวหรือ ข้าไม่เชื่อหรอก บนโลกนี้จะมีเหล้าที่ทำให้คนยอมจ่ายเงินก้อนโตเพื่อแลกกับแค่จิบเดียวได้อย่างไร” 

 

 

พอพูดจบ ฉินเฟยหยางก็เอื้อมมือไปแย่งชามเหล้ามาจากทหาร 

 

 

ชายแก่อีกสองคนสีหน้าเต็มไปด้วยความขัดเคือง ดูท่าพวกเขาคงโมโหเพราะเรื่องเหล้าจิบเดียวนี่แหละ ต่อให้เห็นฉินเฟยหยางเอาเหล้าไปกินคนเดียว พวกเขาก็คงไม่รู้สึกอะไรไปมากกว่านี้ 

 

 

ก็แค่เหล้าจิบเดียว จะดูถูกกันเกินไปหรือเปล่า บ้านพวกเขาไม่ขาดเหล้าเสียหน่อย? ถ้าไม่เป็นเพราะสนิทสนมกับแม่ทัพเฒ่า พวกเขาคงไม่มาหาเพื่อชิมเหล้าด้วยหรอก 

 

 

อีกอย่าง ปกติเวลาพวกเขามีเหล้าดี มีครั้งไหนที่ไม่บอกตาแก่นี่ ใครจะงกเหมือนเขา ที่เทเหล้ามาแค่อึกเดียวแบ่งให้คนสามคนจิบ? 

 

 

“นี่มัน…” 

 

 

จู่ๆ ฉินเฟยหยางก็อึ้งไป 

 

 

คนของสามตระกูลใหญ่ร่วมรบกับแม่ทัพเฒ่ามานานหลายปี สุขภาพของพวกเขาต้องมีโรคภัยไข้เจ็บบ้างไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะฉินเฟยหยาง หลายปีก่อนเขาได้รับบาดเจ็บ ทำให้การฝึกตบะไม่ก้าวหน้าเลยแม้แต่น้อย 

 

 

แต่ทันทีที่เขาดื่มเหล้านี้เข้าไป เขารู้สึกได้ว่า…พลังวิเศษกำลังไหลเวียนในร่างกาย ทำให้พลังวิเศษของเขา…เพิ่มขึ้นไม่น้อย? 

 

 

ถ้าเป็นคนทั่วไป รับรู้ถึงพลังวิเศษที่เพิ่มขึ้นแบบนี้ คงไม่คิดอะไรมาก 

 

 

แต่นานแค่ไหนแล้ว…นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้ฝึกตบะ พลังวิเศษที่จุดตานเถียนของเขาไม่เคยเพิ่มขึ้นอีกเลย? 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 100 ฉินเฟยหยางผู้ไร้ความสำรวม (2) 

 

 

ความรู้สึกของการมีพลังวิเศษไหลเวียนเช่นนี้ กี่ปีมาแล้วที่เขาไม่เคยสัมผัสถึง 

 

 

“ท่านฉิน” เว่ยฝ่างขมวดคิ้ว มองดูสีหน้าของฉินเฟยหยางที่กำลังตกตะลึง “เหล้านี่ไม่ต่างอะไรกับที่พวกเราเคยดื่มประจำใช่ไหม ถ้าใช่ละก็…” 

 

 

พูดยังไม่ทันจบ เว่ยฝ่างก็ต้องตาค้าง ในแววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง 

 

 

เพราะ…ชามเหล้าที่ฉินเฟยหยางดื่มเมื่อสักครู่ ก้นชามยังเหลือเหล้าอยู่หยดสองหยด 

 

 

ตอนนี้เขาไม่เหลือภาพลักษณ์อะไรให้รักษาอีกแล้ว เขาแลบลิ้น…เลียเหล้าติดก้นชามเสียจนเรียบไม่เหลือแม้สักหยดเดียว 

 

 

และยัง…แสดงสีหน้าแบบซาบซ่านถึงจุดสุดยอด 

 

 

“นี่มัน…” 

 

 

เมื่อฉินเฟยหยางตั้งสติได้ เขาจึงเห็นว่าคนที่อยู่โดยรอบจ้องมองเขาด้วยท่าทีตกใจ 

 

 

จู่ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อสักครู่ตัวเองทำอะไรลงไป ทันใดนั้นก็ไอแค่กๆ อย่างเก้อเขิน 

 

 

“ข้าทนไม่ไหว ทนไม่ไหวจริงๆ เหล้านี้รสชาติดีจริงๆ ท่านน่าหลาน เติมให้ข้าอีกหน่อยได้ไหม จิบเดียว แค่จิบเดียวก็พอ!” 

 

 

หลายปีที่ผ่านมาเหล้าดีๆ ที่พวกเขาเคยลิ้มรสมีมากมายนับไม่หวาดไม่ไหว แต่ไม่เคยเห็นฉินเฟยหยางทำตัวไม่สำรวมแบบนี้มาก่อน 

 

 

เว่ยฝ่างมองดูฉินเฟยหยางด้วยท่าทีสงสัย “ท่านฉิน เหล้านี่…มันรสชาติดีขนาดนั้นเลยหรือ” 

 

 

เมื่อได้ยินเสียงที่เว่ยฝ่างซักไซ้ไล่เลียง ฉินเฟยหยางก็หน้านิ่งไป 

 

 

อันที่จริง ต่อให้ตอนแรกเขาไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อดื่มเหล้าจิบแรกลงไป ก็รู้ทันทีว่าเหล้านี้หมักจากยาวิเศษ 

 

 

ยาวิเศษนั้นล้ำค่าแค่ไหน เอามาหมักเป็นเหล้า มันไม่สิ้นเปลืองไปหน่อยหรือ 

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้มีคนร่ำรวยจนเอายาวิเศษมาหมักเป็นเหล้า แต่เหล้าช่วยคนได้ก็ทำร้ายคนได้เช่นกัน แม้จะเป็นคนของร้านขายยาวิเศษ ก็คงไม่กล้าหมักเหล้าวิเศษแบบนี้ออกมาขายง่ายๆ หรอก 

 

 

ดังนั้น…ความล้ำค่าของเหล้าวิเศษนี้ ตรองดูก็รู้ ถ้าให้คนพวกนั้นรู้เข้าว่าเขาดื่มเหล้าวิเศษส่วนของพวกเขาไป เกรงว่า…วันนี้เขาคงต้องถูกหามกลับบ้าน 

 

 

“เหล้านี่เป็นเหล้าดี ดีจริงๆ ฮ่าๆ แต่ว่าพวกท่านเคยดื่มเหล้ามาก็มากมายแล้ว แค่เหล้าจิบเดียวไม่สำคัญอะไรหรอก” 

 

 

“เฮอะๆ” 

 

 

ผู้เฒ่าน่าหลานที่โมโหมาแต่แรก หัวเราะแกมเย้ยหยัน “ท่านแน่ใจหรือว่ามันเป็นแค่เหล้าดี เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็นเหล้าวิเศษ ท่านกลับพูดว่ามันเป็นเพียงเหล้าดีที่จะหาที่ไหนก็ได้ ฉินเฟยหยาง ท่านดูถูกเหล้าวิเศษของข้ามากไปหรือเปล่า” 

 

 

ฉินเฟยหยาง คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมีวันนี้ ต่อให้น่าหลานฉางเฉียงไปบอกเจ้าเรื่องเหล้าวิเศษ ทำไมเจ้าต้องพาคนมาสร้างปัญหาให้ข้าด้วย ตอนนี้แหละ ข้าจะให้เจ้าชิมรสชาติของเรื่องที่ตัวเองก่อขึ้น 

 

 

ทันใดนั้นฉินเฟยหยางก็เสียวสันหลังวาบ เขาหันหลังมาแบบตัวแข็งทื่อหัวเราะแก้เก้อ “เอ่อ เข้าใจผิดแล้ว เข้าใจผิด นี่มันเรื่องเข้าใจผิด ข้าอธิบายได้…” 

 

 

เว่ยฝ่างหัวเราะหึ “อธิบาย ท่านจะอธิบายอะไร ท่านแม่ทัพเฒ่าเอาเหล้าออกมา ท่านดื่มคนเดียวหมด ไม่เหลือให้พวกเราสักหยด ท่านยังมีหน้ามพูดอะไรอีก” 

 

 

เจี่ยงชิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “ฉินเฟยหยาง จะให้พวกข้าคิดบัญชีกับท่านอย่างไร” 

 

 

ฉินเฟยหยางเห็นชายแก่สองคนนั้นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จึงไอแค่กๆ แก้เก้อ เขารู้สึกผิดลึกๆ หัวเราะแหะๆ “มีอะไรค่อยๆ พูด ค่อยๆ จา กัน…อย่างมากพวกเราก็ขอท่านแม่ทัพเฒ่าเพิ่มอีกหน่อยแค่นั้น” 

 

 

ทันใดนั้น สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่ผู้เฒ่าน่าหลาน 

 

 

ผู้เฒ่าน่าหลานท่าทางไม่กลัวอะไรทั้งนั้น “พวกท่านมองข้าไปก็เปล่าประโยชน์ ข้าแบ่งให้พวกท่านได้แค่นั้นแหละ ที่เหลือข้าจะนำไปถวายฝ่าบาท ถ้าพวกท่านแน่จริง ก็ไปทูลขอฝ่าบาทเอาเองแล้วกัน” 

 

 

เฟิงเทียนอวี้เป็นลูกเขยของเขา ถ้าเขาบอกว่าเอาไปถวายแล้ว ใครจะกล้าพูดว่ายังไม่ได้ถวาย