ในป่าผืนนี้ มีการสร้างค่ายกลเอาไว้แล้ว และการสอบเริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่ที่พวกเขาเข้าไปในป่า!
ซือถิงได้ค้นพบก่อนหน้านี้แล้วว่าค่ายกลนี้มีความพิเศษเล็กน้อย ก่อนหน้าที่จะมาถึงตำแหน่งนี้จริงๆ แล้วมันมีปัญหายุ่งยากเล็กน้อย
แต่เห็นได้ชัดว่าอาจารย์ในสำนักจงใจให้เป็นเช่นนี้
มีเพียงปรมาจารย์ที่มีความสามารถและพรสวรรค์เท่านั้นที่จะมองค่ายกลนี้ออก แล้วเลือกเข้าสู่ทิศทางอื่นๆ
นี่คือเหตุผลที่เขาไม่ได้รีบตามคนเหล่านั้นไปตั้งแต่แรก แต่กลับอยู่รั้งท้ายสุดแทน
เขาไม่ได้ตั้งใจเข้ามาที่ทางเข้านี้ตั้งแต่แรก
แต่สิ่งที่เขาไม่ได้คาดหวังก็คือนอกจากเขาแล้ว ยังมีคนหนึ่งที่มาจนถึงจุดนี้ได้
แถมยังเป็นฉู่หลิวเยว่ที่เพิ่งสอบเข้าสำนักเทียนลู่ในวันนี้
ความคิดของซือถิงเปลี่ยนทันที แล้วมองฉู่หลิวเยว่เงียบๆ
นางบังเอิญทำเช่นนี้ได้ หรือว่า…นางมีความสามารถด้านนี้จริงๆ
แน่นอนว่าฉู่หลิวเยว่จับสังเกตซือถิงได้ แต่นางก็ถอยหลังไปอย่างไม่ลังเล เดินโซเซตรงข้ามทางเข้านี้แล้วเลือกทิศทางอื่นแทน!
“อีกเดี๋ยว ที่หนึ่งก็เป็นของข้าแล้วล่ะ”
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปแล้วยิ้มให้กับซือถิง
ซือถิงตะลึงค้างและครู่หนึ่งเขารู้สึกว่าทิวทัศน์โดยรอบถูกบดบัง
เด็กสาวในชุดแดงดูเหมือนจะรวบรวมแสงสว่างเจิดจ้าและแพรวพราวที่ตัวนางคนเดียวทั้งหมด
อีกทั้งดวงตาดำขลับคู่งามของนางกลับเปล่งประกายจนใจหวั่นไหว
ขณะนี้ทุกสิ่งรอบตัวได้พร่ามัว และมีเพียงหญิงสาวผู้นี้เท่านั้นที่กลายเป็นจุดสนใจเดียว
ซือถิงใจเต้นระรัว รู้สึกเหมือนมีอะไรสะบัดผ่านเบาๆ
เมื่อเขากลับมารู้สึกตัว ร่างของฉู่หลิวเยว่ได้หายไปในป่าทึบแล้ว และมองเห็นเพียงเรือนผมเส้นไหมสีดำที่ปลิวไสวไปตามสายลม
ซือถิงหลับตาข่มความรู้สึกในใจ และลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นถอยกลับไปสองสามก้าว และเดินเข้าไปอีกทิศทางหนึ่ง
จนกระทั่งนักเรียนทุกคนเข้าไปในป่าหมดแล้ว อาจารย์ที่รับผิดชอบคุมสอบก็ได้สติจากความประหลาดใจ มองหน้ากันด้วยสายตาแปลกๆ
“เมื่อครู่นี้…ฉู่หลิวเยว่เข้าไปจากที่นั่นได้อย่างไร มีเพียงปรมาจารย์ขั้นที่สามเท่านั้นที่มองค่ายกลนี้ได้แตกฉาน หากกล่าวกันตามเหตุผล มีเพียงซือถิงเท่านั้นที่สามารถเข้าไปจากทิศทางที่ถูกต้อง! ฉู่หลิวเยว่ทำได้ยังไงกันแน่!”
แม้ว่าซือถิงจะเงียบไปตลอดหกเดือนที่ผ่านมา อาจารย์หลายท่านในสำนักรู้ว่าเขาได้บรรลุปรมาจารย์ขั้นที่สามแล้วเมื่อสองสามวันก่อน
ตอนนี้เขาอายุเพียงสิบห้าปี และด้วยความสามารถและความแข็งแกร่งดังกล่าว เมื่อมองดูทั้งแคว้นเย่าเฉินแล้วแทบไม่มีใครเทียบได้!
แม้ว่าจะเอาเขาไปเปรียบเทียบกับศิษย์พี่เหล่านั้น เขาก็แทบจะไม่เคยพ่ายแพ้!
เขาเห็นว่าความลึกลับซับซ้อนของค่ายกลนี้เป็นเรื่องธรรมดามาก
แต่…ฉู่หลิวเยว่เกิดอะไรขึ้น
“เหอะ ข้าบอกแล้วว่าฉู่หลิวเยว่เป็นอัจฉริยะ พวกเจ้ายังไม่เชื่อ รอการแข่งขันเสร็จสิ้นแล้วออกมาก่อนเถิด พวกเจ้าจับตามองเอาไว้ให้ดี อย่าร่วงตกเก้าอี้ก็แล้วกัน!”
ตอนนี้ไป๋เชินเดินเข้ามาแล้ว
เขาไม่ได้รับผิดชอบในการคุมสอบ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงนั่งดูข้างๆ ไม่ต้องเข้าร่วมด้วยตัวเอ’
แต่นี่จะไม่กระทบต่อการดูศิษย์ของเขา
“ข้าจะบอกพวกเจ้าให้เอาบุญ หากเสี่ยวหลิวเยว่ต้องเลือกอาจารย์ ข้าไป๋เชินอยู่ลำดับแรก พวกเจ้าไม่ว่าใครก็ห้ามแย่งข้าเด็ดขาด”
ไป๋เชินยักคิ้วพูด
เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวได้เลือกทิศทางที่ถูกต้องแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะแอบให้นาง
เมื่อผลสอบออกมา ดูสิว่าคนพวกนี้จะมองหน้าฉู่หลิวเยว่ติดหรือไม่
“ดูเหมือนว่าฉู่หลิวเยว่จะมีพรสวรรค์ในด้านนี้จริงๆ แม้ว่าจะเทียบกับซือถิงไม่ได้ แต่ก็ถือว่าไม่เลว”
อาจารย์ท่านหนึ่งพยักหน้า
พวกเขาล้วนเป็นปรมาจารย์ แน่นอนว่ามองจุดนี้ได้อย่างชัดเจน ไม่มีอะไรที่ยืนยันไม่ได้
“เทียบกับซือถิงไม่ได้อย่างนั้นหรือ”
ไป๋เชินย้อนถามแล้วยิ้มเหยียด
“มันก็ไม่แน่หรอก!”