“สิ่งที่ควรจะพูดฉันก็ได้พูดไปหมดแล้ว ถ้าคุณหนานกงยังอยากจะฆ่าฉัน คุณก็ลงมือเถอะค่ะ คุณเป็นผู้ชายคนแรกของฉัน การที่ต้องตายด้วยน้ำมือของคุณ ฉันไม่รู้สึกเสียใจ” พูดจบ เหลิ่งรั่วปิงก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย แต่หูของเธอที่สัมผัสได้ไวเป็นพิเศษนั้นกำลังพิจารณาว่าลูกปืนจะไปทิศทางไหน และมือขวาของเธอก็กำลังเตรียมความพร้อมที่จะสู้กับเขา
หลังจากที่เงียบอยู่นาน นัยน์ตาของหนานกงเยี่ยหวั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย ความเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาจากตัวเขาก็ลดลงไปมาก ผ่านไปนานครู่หนึ่ง เขาค่อยๆ ลดแขนของตนเองที่จับปืนเอาไว้ลง
เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกโล่งใจ มือขวาของเธอคลายความเกร็งลง เธอสัมผัสได้ว่าความเจตนาของเขาที่จะฆ่าเธอลดน้อยลง
เธอเงยหน้าขึ้นช้าๆ และจ้องมองเข้าไปในดวงตาของหนานกงเยี่ย นัยน์ตาของเขามีความสับสน ความคิดของเหลิ่งรั่วปิงแล่นด้วยความรวดเร็ว จากนั้นเธอก็รีบวิ่งไปใกล้เขา แขนเรียวบางโอบกอดเอวของเขาเอาไว้ ใบหน้าที่งดงามของเธอซบลงบนแผงอกของเขา เธอรู้เป็นอย่างดี ถ้าเขาไม่คิดที่จะฆ่าเธอ สิ่งที่เธอต้องทำก็คือรีบแสดงด้านที่อ่อนแอของผู้หญิงออกมา เวลาที่ผู้ชายเผชิญหน้ากับความอ่อนแอของผู้หญิง ผู้ชายจะรู้สึกทะนุถนอมผู้หญิงคนนั้น
หนานกงเยี่ยไม่มีปฏิกิริยาใดๆ แต่เห็นได้ชัดว่าตัวของเขาแข็งทื่อขึ้นมา และหัวใจของเขาก็เต้นแรง
เหลิ่งรั่วปิงล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า จากนั้นก็เหลิ่งรั่วปิงก็ผล็อยหลับไปด้วย
ในทางกลับกัน หนานกงเยี่ยไม่รู้สึกง่วงแม้แต่น้อย เขาคิดไม่ถึงว่าสิ่งที่ตนเองตัดสินใจมาตลอดทั้งคืนจะเปลี่ยนไปเพราะคำพูดไม่กี่คำของเธอ และสิ่งที่ทำให้เขาหดหู่ที่สุดก็คือนี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาไม่สามารถควบคุมความคิดของตนเอง ท้ายที่สุดเขาก็แพ้ให้กับความอ่อนโยนของเธอ
ทันใดนั้นเอง เขาก็ตระหนักคิดถึงเรื่องที่ร้ายแรงขึ้นมา ต่อให้ผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนที่อันตราย เขาก็ไม่สามารถลงมือฆ่าเธอได้ เขามีเหตุผลมากมายที่จะไม่ฆ่าเธอ
สุดท้ายสิ่งที่ทำให้เขาหยุดความคิดที่จะฆ่าเธอ ก็คือคำพูดของเธอที่บอกว่าเขาเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ
เขาแพ้ให้กับคำว่าหวงแหน