ตอนที่ 47 นึกไม่ถึงว่าคุณก็มีเสน่ห์ด้านอื่นด้วย

เดิมพันเสน่หา

ก่วนอวี้ยืนนั่งรออยู่ภายในห้องรับแขก เขาไม่กล้างีบหลับแม้แต่วินาทีเดียว เขารอคอยเสียงปืนที่ทำให้คนรู้สึกใจสลายดังขึ้น ทว่าเขารอจนฟ้าสว่าง ก็ไม่ได้ยินเสียงปืนดังเลย แต่กลับเห็นสีหน้าที่อารมณ์ดีเป็นพิเศษของหนานกงเยี่ย 

 

 

เห็นแค่คุณชายเยี่ยของเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวใหม่ที่สะอาดสะอ้าน จากนั้นก็สาวเท้าลงจากบันได แล้วจับจ้องเขาด้วยสายตาที่เย็นชา “ยืนโง่อยู่ที่นี่ทำไมอีก” 

 

 

หา? ก่วนอวี้เดาสถานการณ์ไม่ถูกจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น พอมองบนตึกและมองหนานกงเยี่ย ความหมายของเขากำลังบอกว่าผมรู้สึกกังวลที่หลังจากบอสฆ่าคุณเหลิ่งแล้วจะรู้สึกไม่สบายใจ ผมเลยรอให้บอสลงมือกับเธอเสร็จ แล้วค่อยไปจัดการเรื่องภายหลัง 

 

 

หนานกงเยี่ยไม่มีเวลาว่างมาเดาความคิดของเขา จึงหันไปสั่งงานแม่บ้าน “เมื่อคืนเธอเหนื่อยมาก ไม่ต้องไปรบกวนเธอ เตรียมอาหารไว้ รอเธอตื่นค่อยยกขึ้นไปข้างบน” 

 

 

“ค่ะ” แม่บ้านพยักหน้าอย่างเคารพ จากนั้นก็สั่งให้คนใช้อื่นๆ ไปเตรียมอาหาร 

 

 

เมื่อคืนเหนื่อยมาก? อย่าไปรบกวน? เตรียมอาหาร? 

 

 

ให้ตายเถอะ ก่วนอวี้อยากจะด่าคนใจจะขาด ในใจกำลังคิดว่าคุณชายเยี่ยจะโวยวายไปถึงไหน เมื่อคืนเขาดูเลือดเย็น และมีความคิดที่อยากจะฆ่าคน ถึงกับทำให้เขารู้สึกเสียขวัญมาตลอด และยังยืนรอฟังคำสั่งอย่างโง่ๆ อยู่ที่นี่ไปทั้งคืน แต่คุณชายเยี่ยกลับพูดกลับคำอยู่เรื่อยๆ และลุ่มหลงอยู่ในแดนแห่งความนุ่มละมุน! 

 

 

พอเห็นก่วนอวี้ยืนเอ๋ออยู่อย่างนั้น หนานกงเยี่ยกลับรู้สึกไม่พอใจกว่าเดิม “ยืนโง่ๆ อยู่ทำไม มีอะไรทำก็ไปทำสิ!” 

 

 

“…ครับ” ก่วนอวี้น้อมคำนับอย่างลำบากใจ จากนั้นก็หันหลังเดินออกจากห้องรับแขก มีอะไรทำก็ไปทำ วันนี้เป็นสุดสัปดาห์ เขาจะนอนหลับให้เพียงพอ! 

 

 

จากนั้นเขาก็นั่งลงบนโซฟาตามลำพัง แล้วเริ่มขมวดคิ้วครุ่นคิด เมื่อคืนเขายังถามเหลิ่งรั่วปิงได้ไม่กระจ่างเลย ต่อให้เธอพูดความจริงทั้งหมด แล้วทำไมเธอถึงต้องไปช่วยผู้หญิงที่ถูกลักพาตัวคนนั้นล่ะ ในสายตาของเขา เธอไม่ใช่คนที่ชอบไปยุ่งเรื่องคนอื่น หรือเป็นคนที่ชอบธรรม 

 

 

พอนึกถึงแบบนี้ เขาจึงรีบโทรหาก่วนอวี้ “ช่วยฉันสืบประวัติขงอผู้หญิงที่ถูกลักพาตัวเมื่อคืนหน่อย” 

 

 

ก่วนอวี้ที่กำลังจะนอนทดแทนเมื่อคืนที่ต้องอดหลับอดนอน พอได้รับสายจากหนานกงเยี่ย เขาจึงต้องสวมใส่เสื้อโค้ทอย่างจำใจ จากนั้นก็สาวเท้าออกจากประตูบ้าน แล้วมองดูบรรยากาศที่มีลมพัดผ่านแม่น้ำอี๋ที่เย็นเฉียบ 

 

 

หลังจากที่สั่งงานก่วนอวี้เสร็จ หนานกงเยี่ยจึงโทรหามู่เฉิงซี “เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนั้นกันแน่” 

 

 

มู่เฉิงซีพูดจาไม่อ้อมค้อมเลยสักนิด เขาพูดอย่างตรงไปตรงมามาก “ผู้หญิงคนนั้นมีฐานะทางครอบครัวที่ยากจน และต้องอาศัยอยู่กับพ่อตามลำพัง ช่วงนี้พ่อของเธอป่วยหนัก เธอต้องการหาเงินเพื่อรักษาพ่อ เลยไปกู้เงินนอกระบบที่มีดอกเบี้ยสูง พอถึงเวลาครบกำหนดที่ต้องคืน เธอเลยถูกลักพาตัว” 

 

 

“เรื่องแค่ง่ายๆ ขนาดนี้เลยหรอ” หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วขึ้น 

 

 

“ใช่ ผู้หญิงคนนั้นมีประวัติที่ธรรมดามากๆ เธอไม่มีปัญหาอะไรเลย” 

 

 

หนานกงเยี่ยครุ่นคิดอย่างยากลำบาก และยังไม่ได้คลายข้อสงสัย ไหนๆ ผู้หญิงคนนั้นมีประวัติที่ไม่ซับซ้อนเลย ไม่มีทางข้องเกี่ยวกับเหลิ่งรั่วปิงแน่นอน งั้นทำไมเหลิ่งรั่วปิงถึงพยายามช่วยเธอมากขนาดนี้ 

 

 

ผ่านไปสักพัก หนานกงเยี่ยจึงจะผุดขึ้นแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน จากนั้นก็กลับห้องของเหลิ่งรั่วปิงอีกครั้ง แล้วเปิดผ้าห่มของเธอเบาๆ 

 

 

จากนั้นก็จับจ้องหน้าข้างของเธออย่างเงียบๆ เขาอยากจะมองทะลุให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเธอ 

 

 

เหลิ่งรั่วปิงนอนหลับไม่ค่อยสนิท ไม่นาน เธอก็ถูกหนานกงเยี่ยทำให้ตื่น จากนั้นเธอค่อยๆ ลืมตาคู่สวยของเธอ แล้วมองหนานกงเยี่ย จากนั้นก็ส่งยิ้มอ่อนๆ ให้เขา 

 

 

หนานกงเยี่ยกระตุกคิ้วขึ้นเล็กน้อย และพอนึกถึงเมื่อคืนที่เธอเป็นแค่เริ่มก่อน ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาทันที จากนั้นก็จับคางแล้วพูดขึ้นอย่างหื่มกราม “ผมก็นึกว่าคุณจะคงความบริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนนางฟ้าสักอีก นึกไม่ถึงว่าคุณก็มีเสน่ห์ในด้านอื่นด้วย” 

 

 

เหลิ่งรั่วปิงทำหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันที จากนั้นก็เข้าไปในอ้อมกอดของเขาอย่างเขินอาย “ถ้าฉันไม่สามารถทำให้คุณหนานกงพึงพอใจได้ คุณก็คงฉันทิ้งแล้ว เพื่อที่ฉันจะมีชีวิตอยู่ ก็ต้องพยายามสิคะ”