ตอนที่ 42 ลงมือ (1)

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

“อู๋เลี่ยนเยี่ยนยามนี้เล่า?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่สบายใจ และไม่ได้มีท่าทีจะต่อกรกับอู๋เลี่ยนเยี่ยนที่เป็นศัตรูตัวฉกาจในเวลาเดียวกัน

“ได้ยินมาว่าถูกพี่ใหญ่ขังอยู่ที่เรือนตะวันออก ไม่ให้นางออกมา” หลิงหลงกล่าวอย่างกระวนกระวายใจอยู่บ้าง นางก็เวียนหัวเช่นกัน ไม่นึกเลยว่าจะถูกจิงอิ๋งครึ่งดึงแกมกล่อมพามาที่เรือนสดับวายุ

“งั้นหรือ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์สับสนเล็กน้อยจริง แล้วหันหน้าไปถามจื่อหลัวว่า “ตอนนี้แม่นมฉินอยู่ที่ใด?”

“วันนี้แม่นมคอยดูแลชุดแต่งงานของคุณหนูให้เรียบร้อย เพื่อดูว่ายังมีจุดไหนที่ไม่น่าพอใจจะต้องปรับเปลี่ยนหรือไม่เจ้าค่ะ!” จื่อหลัวรู้ว่าทุกคนทำงานอยู่ จึงตอบในทันทีโดยไม่ต้องคิด

“จิงอิ๋ง เจ้าพาสาวใช้ชั้นหนึ่งมาด้วยใช่หรือไม่?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์หลับตา เอนหลังพิงเก้าอี้โดยไม่มองใคร

“อื้ม!” จิงอิ๋งไม่เข้าใจว่าเหตุใดเยี่ยนมี่เอ๋อร์ถึงไม่แสดงความกังวลหรือสบายใจใดๆ เลย นางจึงตอบกลับด้วยความโกรธ

“จื่อหลัว!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์รู้สึกปวดหัวมาก นางกำลังคิดว่าจะเข้าไปแทรกแซงเรื่องนี้ดีหรือไม่ ถ้าเข้าไปยุ่งเกี่ยว แล้วควรจะทำให้ให้สำเร็จถึงแค่ไหน หากไม่ยุ่งเกี่ยวแล้วจะปล่อยผ่านไปได้อย่างไร ก็ต้องอาศัยทักษะทั้งนั้น

“เจ้าค่ะ!” จื่อหลัวขานรับ นางรู้ว่าคุณหนูกำลังอยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานของการต่อสู้ระหว่างสวรรค์กับมนุษย์ แม้จะไม่รู้ว่าทำไม แต่ก็ไม่อาจปิดบังนางได้ เป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นเยี่ยนมี่เอ๋อร์คิดหนัก จนนางปวดเศียรเวียนเกล้า

“เรียกสาวใช้ของคุณหนูรองเข้ามาก่อน ข้าอยากให้นางทำอะไรบางอย่าง จากนั้นเชิญแม่นมฉินเข้ามา นางจะไปหาคนของตระกูลซั่งกวนแทนข้า สุดท้ายบอกพ่อบ้านหวงให้เตรียมม้าและรถม้า ให้ม้ากับสาวใช้ของคุณหนูรองไป” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ตัดสินใจแล้วว่าจะเข้าไปยุ่งดีหรือไม่ แต่ไม่ต้องการให้ตัวเองออกหน้าโดยตรง ผู้อยู่เบื้องหลังถึงจะเป็นตำแหน่งที่นางคุ้นเคย

“เจ้าค่ะ คุณหนู!” จื่อหลัวรับคำแล้วออกไป เยี่ยนมี่เอ๋อร์ลืมตาขึ้น สิ่งที่สะท้อนเข้าสู่ม่านตาคือใบหน้าที่เจือความน้อยเนื้อต่ำใจและไม่เข้าใจเล็กน้อยของทั้งสองคน

“หลิงหลง จิงอิ๋ง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาปลอบโยนพวกเจ้าหรือกล่าวโทษอู๋เลี่ยนเยี่ยน ยังมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำมากกว่านี้” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ถอนหายใจมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ช่างเถอะ แม้กระทั่งเพื่อน้องสาวของสามีในอนาคตสองคนนี้ก็นิ่งดูดายไม่ได้ นางจึงกล่าวว่า “จิงอิ๋ง เดี๋ยวข้าจะให้สาวใช้ของเจ้าทำงาน เจ้าก็ต้องปล่อยให้นางทำ”

“จะทำเรื่องอะไรหรือ?” จิงอิ๋งถามด้วยความงุนงง

“หลิงหลง พี่ใหญ่กับนายท่านซั่งกวนของเจ้าจัดการเรื่องนี้ได้…สะเพร่ามาก!” ในที่สุดเยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็นึกถึงคำบรรยายที่เหมาะสมได้พลางพูดว่า “พวกเขาจะทิ้งอันตรายที่ซ่อนอยู่มากมายในการทำเช่นนี้ จะทำให้ผู้คนที่มุ่งร้ายฉกฉวยโอกาส จะสร้างปัญหาต่อชื่อเสียงของหลิงหลงอย่างใหญ่หลวง ตอนนี้ข้าต้องทำอะไรสักอย่างในขณะที่เรื่องนี้ยังไม่ขยายใหญ่โตหรือบานปลาย ฉะนั้นต้องได้รับความร่วมมือจากพวกเจ้า”

พี่ใหญ่ทำสะเพร่า? หลิงหลงกับจิงอิ๋งมองหน้ากันแวบหนึ่ง ท่านพ่อท่านแม่พูดเสมอว่าพี่ใหญ่ทำงานไม่มีช่องโหว่ แล้วไฉนพี่สะใภ้ถึงคิดเช่นนั้นแล้วเอ่ยปากออกมาตรงๆ แบบนี้ได้?

“บ่าวม่านซินคารวะคุณหนูเยี่ยน ขอให้คุณหนูอายุยืนหมื่นปีหมื่นหมื่นปีเจ้าค่ะ!” ขณะที่นางพูด ลู่หลัวก็พาม่านซินเข้ามา ม่านซินคำนับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ทันที

“เจ้าลุกขึ้นเถิด” เยี่ยนมี่เอ๋อร์มองไปที่นางแล้วพูดว่า “ยามนี้เจ้าขี่ม้ารีบกลับไปที่ตระกูลซั่งกวนทันที ไปหาคุณชายใหญ่โดยตรง บอกเพียงว่าอู๋เลี่ยนเยี่ยนหรือคุณหนูอู๋ที่คุณหนูใหญ่พามา เมื่อวานนี้ข้ารู้สึกว่าไม่เลวเลย อยากจะเลื่อนขั้นให้นาง แต่ต้องมาฝึกฝนให้ดีสักหน่อย คุณชายใหญ่โปรดส่งนางมาให้ข้าทันที!”

หา? ม่านซินไม่เข้าใจว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์หมายถึงอะไร หลิงหลงกับจิงอิ๋งที่อยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรสักคำก็ยิ่งจับต้นชนปลายไม่ถูกมากขึ้น เยี่ยนมี่เอ๋อร์ไปถูกตาต้องใจอู๋เลี่ยนเยี่ยนตั้งแต่เมื่อไร?

“อีกอย่าง ฝากบอกคุณชายใหญ่ด้วยว่า วันนี้คุณหนูทั้งสองได้รับเชิญให้มาอยู่เป็นเพื่อนกับข้า ก็คุยเรื่องครอบครัวด้วย และจะกลับไปในช่วงอาหารค่ำ” เยี่ยนมี่เอ๋อร์สั่งการว่า “เจ้าล่วงหน้าไปก่อน แม่นมฉินแม่นมที่เลี้ยงดูอยู่ข้างกายข้าจะไปรับคุณหนูอู๋ด้วยตนเอง ขอให้คุณชายใหญ่ส่งมอบคุณหนูอู๋ ‘อย่างสมบูรณ์’ ให้แม่นมฉิน”

“เอ่อ…คือ…” ม่านซินงุนงงเล็กน้อย ไม่กล้าจะรับคำ ได้แต่มองไปที่จิงอิ๋ง

“แค่ไปทำตามที่พี่สะใภ้บอก” จิงอิ๋งกลับเชื่อมั่นในตัวเยี่ยนมี่เอ๋อร์อย่างมาก แม้นางจะไม่เข้าใจความหมายแท้จริงที่อยู่ในการกระทำนั้นของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ แต่ก็ยังเรียกใช้ม่านซินโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

“เจ้าค่ะ คุณหนู!” ม่านซินพยักหน้า

“ยังมีอีกต้องพูดกับคุณชายใหญ่ให้ชัดเจน ก็บอกว่าข้ามีสาวใช้ที่โดดเด่นไม่มากนัก กลัวว่าจะไม่มีสาวใช้เมียบ่าวคนโปรดไว้รับใช้คุณชายใหญ่หลังจากแต่งงาน จึงรับคุณหนูอู๋ไว้ แม้ข้าจะได้พบคุณหนูอู๋เพียงคราเดียว แต่ค่อนข้างรู้สึกถูกชะตา เพียงแต่ยากจะจัดการอยู่เล็กน้อย ถึงอย่างไรคุณหนูอู๋ก็เป็นคนดี คุณชายใหญ่โปรดพูดคุยกับคุณหนูอู๋ดีๆ หากคุณหนูอู๋ยินดีจะเขียนสัญญาขายตัวก็จะดีที่สุด” เยี่ยนมี่เอ๋อร์กำชับกำชาอีก

“เจ้าค่ะ คุณหนู!” ม่านซินเข้าใจมากขึ้นเล็กน้อย นั่นคือเยี่ยนมี่เอ๋อร์เป็นผู้หญิงที่มองการณ์ไม่ไกลและไม่มีความรู้

นึกไม่ถึงว่าจะไปชอบใจผู้หญิงอย่างอู๋เลี่ยนเยี่ยนคนนั้น รับนางไว้เป็นหอกข้างแคร่ของตนเอง แล้วจะให้เป็นสาวใช้เมียบ่าวของคุณชายใหญ่ ไม่กลัวว่าจะชักศึกเข้าบ้านเลย

“ไปเถอะ!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์พูด ทันใดนั้นก็เห็นแม่นมฉินเข้ามา จึงรีบลุกขึ้นทันที พยุงแม่นมฉินนั่งลง ลู่หลัวส่งม่านซินออกไปอย่างรู้ความ แล้วเดินนำไปที่โรงม้าตลอดทาง จื่อหลัวรออยู่ที่นั่นนานแล้ว เตรียมม้าไว้พร้อม นอกจากจื่อหลัวหามีคนอื่นไม่

จื่อหลัวยื่นถุงเงินให้แล้วพูดเบาๆ ว่า “เรื่องนี้รบกวนพี่สาวด้วย! คุณหนูของข้าสนิทสนมกับข้าและลู่หลัวอยู่บ้าง แต่สถานะของเราต่ำต้อย ถ้าในอนาคตคุณหนูต้องการรับคน เราก็ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงอยากเสาะหาเด็กผู้หญิงที่ความประพฤติดีหน้าตาสะสวยสักสองสามคนรับมาอยู่ข้างกาย คุณหนูอู๋เป็นคนโดดเด่น ทั้งยังเป็นญาติกับอนุ ภรรยาอู๋ด้วย จึงอยากรับมาเลี้ยงดูไว้ ถือว่าจะได้เตรียมให้เป็นสาวใช้เมียบ่าวของคุณชายใหญ่”

“คุณหนูเยี่ยนอยากจัดหาเมียบ่าวให้คุณชายใหญ่ตอนนี้หรือ?” ม่านซินรู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย ไม่ว่าผู้หญิงจะใจดีแค่ไหนก็ไม่ทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้หรอก!

“พี่ม่านซินเป็นกระต่ายตื่นตูมเสียจริง เจ้าบอกว่า เจ้านายคนนั้นยังไม่มีสาวใช้เมียบ่าวอยู่ข้างกายมิใช่หรือ?” จื่อหลัวมองนางอย่างฮึดฮัดแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “คุณหนูของเราเป็นผู้ที่มีความรู้และมีเหตุผล แน่นอนว่านางจะจัดการเรื่องนี้ให้กับสามีของตน ถึงอย่างไร คุณหนูของเราเป็นเมียแต่งย่อมต้องเป็นห้องหลัก ไม่ว่าจะเป็นเมียบ่าวหรืออนุภรรยาก็ตาม ใครจะกล้าข้ามหน้าข้ามตานางไปได้? หาอีกสักสองสามคน จะได้มีคนไว้คอยรับใช้อยู่ข้างกายตัวเองมากอีกหน่อยไม่ดีหรือ? พี่ม่านซินเป็นบ่าวในเรือนเบี้ยของตระกูลซั่งกวน ตระกูลซั่งกวนมีสาวใช้ที่โดดเด่นคนไหนบ้างพี่ย่อมรู้ดีอยู่แล้ว หลังจากส่งข่าว ขอให้พี่ลองมองดูว่าในบรรดาพี่น้องที่สนิทกันในเรือนมีใครที่เหมาะสมหรือไม่ จากนั้นก็ส่งข่าวกับคุณหนูของเราด้วย จะดีกว่าควานหาโดยไม่รู้กำพืดอะไรเลย”

“จะหาอีกหรือ?” ดวงตาของม่านซินสว่างขึ้น งั้นตัวเองก็มีโอกาสไม่ใช่หรือ? เพียงแต่ นางลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดว่า “ไม่ใช่ว่ามีคุณหนูอู๋อยู่แล้วหรือ?”

“คุณหนูอู๋ไม่เหมือนกัน…” จื่อหลัวเหลือบซ้ายแลขวาอย่างเป็นกังวล หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครแล้ว ก็กระซิบว่า “เรื่องนี้ได้โปรดอย่าพูดออกไป คุณหนูของข้าเป็นห่วงเล็กน้อย…เป็นห่วงคุณชายใหญ่…ไม่ใช่ว่าคุณหนูของเราจะใจดีมาก แต่เจ้าคิดดูสิ คุณชายใหญ่อายุยี่สิบกว่าแล้ว เพราะต้องรอให้คุณหนูของข้าไว้ทุกข์ จึงยังไม่ได้แต่งงาน ไม่มีแม้แต่คนดูแลที่เข้าอกเข้าใจอยู่ใกล้ตัว รู้แต่พูดว่าคุณชายใหญ่รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี รักษาหน้าให้คุณหนูของเรา ไม่รู้ว่ายังมีโรคร้ายแอบแฝงอยู่หรือไม่ เจ้าไม่รู้กระมัง คุณหนูอู๋เลี่ยนเยี่ยนยอมรับข้อตกลงของคุณหนูเรา ไปสืบข่าวคราวให้คุณหนูเรา เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่!”

ที่แท้เป็นห่วงคุณชายใหญ่…ม่านซินหัวเราะในใจ คุณชายใหญ่ที่รู้รักษาตัวก็ป่วยนี่เอง!

“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะไปก่อน!” ม่านซินคลี่ยิ้มแล้วขี่ม้าควบออกไป

“จื่อหลัว เจ้ามากับข้า!” ก่อนที่จื่อหลัวจะกลับไป แม่นมฉินก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับฉี่เซียงและลี่เซียง

“แล้วคุณหนู…” จื่อหลัวเป็นกังวลว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์จะไม่มีใครคอยรับใช้อยู่ข้างกาย

“คุณหนูจะไม่เป็นไร เจ้าเป็นสาวใช้ชั้นหนึ่งของคุณหนู เจ้าไปกับข้าจะเหมาะสมกว่า” แม่นมฉินพูดอย่างเรียบง่าย แล้วขึ้นรถม้าไปท่ามกลางเหล่าสาวใช้ที่อยู่รับใช้ แล้วพูดว่า “ข้าให้เจ้าไปพูดกับสาวใช้ใหญ่ของคุณหนูรองแล้วใช่หรือไม่?”

“พูดแล้ว แต่ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมท่านถึงต้องให้ข้าพูดเช่นนั้น? แม่นม…คุณหนูเตรียมจะจัดการอย่างไรกับเรื่องนี้?”

แม้จื่อหลัวจะฉลาด แต่ก็ยังขาดประสบการณ์ และไม่เก่งเท่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์ จึงมองไม่ออกว่าที่ซั่งกวนเจวี๋ยจัดการนั้นมีอะไรที่ไม่เหมาะสม และยิ่งไม่รู้ว่าแม่นมฉินกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์นั้นต้องการทำอะไรกันแน่

“มันง่ายมาก คุณหนูต้องแบกเรื่องนี้ไว้กับตัว เพื่อปกป้องไม่ให้คุณหนูใหญ่ของตระกูลซั่งกวนได้รับอันตราย!” แม่นมฉินยังคงเห็นด้วยกับแนวทางของเยี่ยนมี่เอ๋อร์

“แต่คุณหนูบอกให้พูดกับม่านซินว่าจะให้เลือกบ่าวที่เกิดในตระกูลซั่งกวนมาเป็นเมียบ่าวของคุณชายใหญ่ แล้วยังบอกด้วยว่าอู๋เลี่ยนเยี่ยนเป็นคนที่คุณหนูพาไปทดสอบว่าคุณชายใหญ่มีโรคซ่อนอยู่หรือไม่ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?” จื่อหลัวยังคิดไม่ตก

“ก่อนหน้าพยายามก่อเรื่องนี้ให้วุ่นวาย ทำให้สาวใช้ที่ชอบแหกปากพวกนั้นทำสิ่งต่างๆ และพูดคุยได้มากขึ้น แล้วปิดกั้นอนุภรรยาอู๋ที่อาจทำกลอุบายอย่างเงียบๆ กลับไป คล้อยหลังนั้นเป็นเพียงวัวหายล้อมคอกเท่านั้นเอง!” แม่นมฉินเป็นคนฉลาดหลักแหลม หลังจากได้ยินที่จื่อหลัวบอกว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์ให้มาหานางและเห็นสีหน้าของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็เข้าใจสิ่งที่คุณหนูของนางต้องการ และจัดการบางอย่าง การให้จื่อหลัวพูดกับม่านซินไปแบบนั้น ได้ผลมากกว่าคนอื่นพูด จะทำให้ม่านซินเชื่อมากขึ้น

“คุณหนูทำเช่นนี้จะมีประโยชน์อะไร?” จื่อหลัวพึมพำอย่างไม่พอใจ แม้นางจะไม่รู้ว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์เคยคิดจะหนีการแต่ง งาน และยิ่งไม่เข้าใจความลับหลายอย่างของคุณหนูของนางเอง แต่นางรู้ดีว่าคุณหนูไม่กระตือรือร้นเรื่องการแต่งงานครั้งนี้ และนางไม่ได้มีความรักต่อซั่งกวนเจวี๋ยมากนัก การตั้งใจทำแบบนี้จึงไม่ใช่ท่าทีของนาง

“คุณหนูชอบคุณหนูทั้งสองของตระกูลซั่งกวนอยู่บ้าง ไม่ต้องการให้พวกนางได้รับผลกระทบ ถึงได้ลงมือ!” แม่นมฉินจ้องเขม็งไปที่จื่อหลัวแวบหนึ่ง ยังมีคำเดียวในใจของนางที่ไม่ได้พูดออกมา นั่นคือทั้งคุณหนูกับคุณหนูฉิงนั้นเหมือนกัน ไม่จำ เป็นต้องพูดว่าเฉลียวฉลาด สิ่งที่ยอดเยี่ยมคือพวกนางมักจะใช้ประโยชน์จากโอกาส ให้ตัวเองได้รับตำแหน่งที่แตกต่างไป และมักจะทิ้งทางหนีทีไล่ที่ไม่รู้ว่าจะได้ใช้หรือไม่ให้กับตัวเองอีกด้วย

“แต่ว่าหากคุณหนูรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ไม่เพียงจะทำให้ชื่อเสียงของคุณหนูเสียหาย ยังจะต้องผูกอาฆาตกับอนุภรรยาอู๋ที่ว่ากันว่ามีอำนาจและร้ายกาจค่อนข้างมากคนนั้นเสียด้วย!” จื่อหลัวเริ่มวิตกกังวลมากขึ้น

“ชื่อเสียง? เรื่องชื่อเสียงนี้ ไม่ใช่เพื่อมีครอบครัวที่ดีหรือ? คุณหนูกำลังจะแต่งงาน คนในตระกูลซั่งกวนรู้ว่าคุณหนูดีเสียกว่าที่ได้ยินมาว่าคุณหนูเป็นคนดีก็จะยิ่งเอื้อต่อการตั้งหลักของคุณหนูในตระกูลซั่งกวนให้มั่นคง สำหรับอนุภรรยาอู๋นั้น นางได้ตบหน้าคุณหนูไปแล้ว ในขณะที่นางขอให้หลานสาวของนางทำเรื่องพรรค์นั้น คุณหนูก็ตอบกลับไปอย่างสาสมเท่านั้นเอง ต่อให้จะไม่มีเรื่องนี้ คุณหนูก็ได้รับความสำคัญจากฮูหยินซั่งกวน และฮูหยินซั่งกวนก็ชื่นชอบเช่นกัน อนุภรรยาอู๋กับฮูหยินซั่งกวนไม่ได้อยู่ด้วยกันแค่วันสองวัน คุณหนูจะสนิทชิดเชื้อกับนางได้ไหม? สู้ใช้โอกาสนี้เพื่อบอกให้นางรู้ถึงความร้ายกาจแค่ไหนก่อนแล้วค่อยว่ากันจะดีกว่า!” แม่นมฉินไม่สนใจ ไม่ช้าก็เร็วจะต้องสะสางเรื่องของอนุภรรยาอู๋ ลงมือเสียตอนนี้มันจึงเป็นเพียงการลงโทษเล็กน้อย

“โอ้…” จื่อหลัวขานตอบ แต่ยังไม่ได้คิดชัดเจน

“เจ้าดูให้ดี และเรียนรู้อย่างหนัก จะได้ใช้ในอนาคต!” แม่นมฉินกล่าวอย่างจริงใจ นางอยู่ในวัยไม้ใกล้ฝั่งแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน แม้คุณหนูจะเป็นคนที่ยอดเยี่ยม แต่เมื่อเสืองีบหลับ มันก็เป็นเรื่องดีที่จะมีสาวใช้มากความสามารถหลายคนคอยเตือนได้ทุกเวลา…

——————————————–