ตอนที่ 43 ลงมือ (2)

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

“พี่สะใภ้ ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่?” หลังจากจิงอิ๋งมองดูแม่นมฉินออกไปก็ถามอย่างสงสัยมาก “เหตุใดต้องให้แม่นมฉินรับอู๋เลี่ยนเยี่ยนมา ทั้งยังบอกทำนองว่านางเป็นสาวใช้ที่ทดลองอยู่ก่อนแต่ง และเป็นสาวใช้เมียบ่าวที่เตรียมไว้ให้พี่ใหญ่ มันหมายความว่าอย่างไร?”

“เด็กโง่ เพียงแค่วัวหายล้อมคอกเท่านั้นเอง!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์มองว่าที่น้องสาวสามีสองคนแล้วพูดว่า “ตั้งแต่เกิดเหตุ การณ์นี้ขึ้นมา การโกรธ เศร้าเสียใจและกลัดกลุ้มมันไม่มีประโยชน์อะไร สิ่งที่เราต้องทำคือใจเย็นๆ ลองวิเคราะห์จากลักษณะของเรื่อง เบื้องหลังของเรื่องนี้มีต้นสายปลายเหตุเป็นอย่างไร พวกนางทำเรื่องนี้อยากจะให้บรรลุเป้าหมายอะไร รวมทั้งทำอย่างไรถึงจะแก้ไขได้ เพราะมันได้เกิดขึ้นแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะหวนเรียกคืน ดังนั้นเราจึงต้องทำเช่นนั้น แล้วหาวิธีการแก้ไข!”

“พี่ใหญ่ไม่ได้ทำไปแล้วหรือ?” หลิงหลงไม่เข้าใจ พี่ใหญ่ก็ตกลงจะรับอู๋เลี่ยนเยี่ยนเป็นสาวใช้เมียบ่าว ทั้งยังขังอู๋เลี่ยนเยี่ยนไว้ที่เรือนตะวันออกด้วย เช่นนี้ยังไม่ได้อีกหรือ?

“เรื่องนี้ข้าคิดไม่ตกสักที!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์มองไปที่หลิงหลงแล้วกล่าวว่า “ไฉนอู๋เลี่ยนเยี่ยนถึงถูกพี่ใหญ่ของเจ้าขังไว้ พวกนางวางแผนทุกอย่างมาเป็นอย่างดี แต่มีเพียงจุดนี้เท่านั้นที่เผยให้เห็นพิรุธจนถึงความตาย”

“พิรุธ? อะไรคือพิรุธ? พวกนางได้วางแผนอย่างรอบคอบแล้ว ยังจะมีพิรุธได้อย่างไร?” หลิงหลงถามอย่างแปลกใจ ในความคิดของนางมันเป็นแผนการสมรู้ร่วมคิดที่ไร้ช่องโหว่ ยังจะมีพิรุธได้อย่างไร?

“อู๋เลี่ยนเยี่ยนหลอกใช้เจ้าที่เกิดจิตใจสงสาร ขอให้เจ้าพานางไปพบคุณชายใหญ่ ทั้งยังบอกว่าเพียงแค่พบหน้าจากระยะไกล นี่เป็นจุดหนึ่งที่ร้ายกาจของนาง เจ้าใจแข็งปฏิเสธไม่ได้ และนางก็เข้าทางเรือนตะวันออกด้วย หลังจากนั้นก็หายไปจากสายตาของเจ้า เจ้าจะไม่มีทางรู้เลยว่านางจากไปหลังจากที่ได้เจอคุณชายใหญ่ หรือซ่อนตัวอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งใช่ไหม?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์วิเคราะห์สั้นๆ ว่า “แต่เรือนตะวันออกไม่ใช่สถานที่ที่จะเข้าออกได้ตามต้องการ พวกเจ้าเข้าไปด้วยกัน แต่ไม่ได้ออกมาพร้อมกัน จึงสะดวกกับอู๋เลี่ยนเยี่ยน เพื่อนางจะได้ไม่ต้องเสี่ยงกับการถูกขับไล่ และมีประจักษ์พยานกับตาเพิ่มขึ้น เมื่อเกิดเรื่องขึ้น จะมีคนบอกว่าเป็นเจ้ากับนางสมคบคิดกัน ต่อให้จะมีคนรู้ว่าเจ้าบริสุทธิ์ แต่จะมีอีกหนึ่งประโยคว่า คุณหนูใหญ่จะโง่ได้ถึงขนาดนี้และถูกคนอื่นหลอกใช้ได้อย่างไร! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม มันจะไม่เป็นผลดีต่อเจ้ามากทีเดียว ดังนั้น แม้ว่าคุณชายใหญ่จะรู้อยู่แก่ใจดีว่าเจ้าจะไม่คลุกคลีตีโมงกับอู๋เลี่ยนเยี่ยน และจะไม่ทำร้ายเขา แล้วในเรื่องนี้เจ้ายังเป็นเหยื่ออีกด้วย แต่จะคิดเพียงว่าเจ้าอยู่ในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิดเท่านั้น จากนั้นจะปกป้องเจ้าและชื่อเสียงของเจ้า”

“ข้ากลับไม่ได้คิดมากขนาดนี้ ข้าแค่คิดว่านางอาศัยข้าเข้าเรือนตะวันออกเท่านั้นเอง!” หลิงหลงรู้สึกว่าช่องว่างระหว่างทั้งสองนั้นทำไมถึงใหญ่มากเช่นนี้ล่ะ? นางคิดว่าตัวเองมองชัดเจนแล้ว แต่พอเยี่ยนมี่เอ๋อร์วิเคราะห์ กลับพบว่ามันเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของภูเขาน้ำแข็ง

“ประการที่สอง คือตัวเจ้าเองคิดจะใช้ยาบำรุงเป็นข้ออ้าง เพื่อไปพบคุณชายใหญ่ ในเรื่องนี้สาวใช้ชั้นหนึ่งสองคนของเจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดเสมอไป แต่กลับมีบทบาทสำคัญ อย่างแรก ม่านชิงหยุดเจ้าให้ฟังคำวิงวอนของอู๋เลี่ยนเยี่ยน แล้วตัดสินใจไปพบคุณชายใหญ่ นางเป็นสาวใช้ของเจ้า ไม่มีสิทธิ์จะขัดขวางไม่ให้เจ้าไปพบพี่ชายแท้ๆ ของตัวเองได้ และในยามปกตินางแทบจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับอู๋เลี่ยนเยี่ยน สิ่งที่ผิดปกติคือนางจะต้องถูกคนแนะนำมา เพียงแต่นางเองก็ไม่จำเป็นต้องเข้าใจ ดังนั้น เจ้าต้องย้อนกลับไปถามนางให้ดีว่าทำไมถึงเข้ามาหยุด จากนั้นขณะที่เจ้าลังเล ม่านจิ้งก็ยกยาบำรุงเข้ามา ช่างเลือกเวลาได้ประจวบเหมาะมาก ก่อนหน้านี้ บางทีอาจจะใส่ส่วนผสมลงในยาบำรุงให้เจ้าดื่มก็เป็นได้ หลังจากนั้น เจ้าก็ออกไปข้างนอกตามอารมณ์โดยไม่คำนึงถึงอะไร ยาบำรุงนั้นก็ใช้ไม่ได้ผล จุดนี้เอง เจ้าก็ต้องถามประเด็นนี้ด้วย รวมถึงคนครัวกับม่านจิ้งก็ต้องถามให้ชัดเจนว่ายาบำรุงนั้นออกจากครัวเมื่อไร แล้วส่งมาถึงมือของม่านจิ้งเมื่อไร มีใครเห็นอู๋เลี่ยนเยี่ยนขยิบตาให้ม่านจิ้ง ทักทายหรือบอกเป็นนัยอื่นๆ บ้างหรือไม่ ด้วยวิธีนี้ถึงจะทำให้รู้ได้ว่ายาบำรุงนั้นเพิ่มส่วนผสมไปตั้งแต่เมื่อใด จะต้องจัดการคนคนนี้ให้เด็ดขาด บ่าวคนหนึ่งที่กล้าใส่บางสิ่งบางอย่างลงในอาหารของเจ้านาย แม้จะใส่ขี้เถ้าลงไปกำหนึ่งก็ให้อภัยไม่ได้ ถ้ามีครั้งแรกได้ก็ต้องมีครั้งสอง หากต่อไปมีคนใส่ยาพิษที่ยากจะรักษาได้ทันจะทำอย่างไร? คราวนี้ยังถือว่าโชคดี เป็นแค่ยาเสน่ห์กับวสันตโอสถเพียงเล็กน้อย เวลาและความคิดของเจ้าก็ถูกอู๋เลี่ยนเยี่ยนคาดการณ์ได้พอดิบพอดี ถ้าผิดเวลาไป หรือเจ้าไม่อยากไปส่งยาบำรุง แล้วเจ้ากินยาบำรุงเข้าไปจะทำอย่างไร? หลิงหลง หากยังมีวสันตโอสถอยู่ในนั้น ชีวิตของเจ้าอาจพังได้ในเวลานั้น! อีกอย่าง ถ้าคนรู้เข้าจะเข้าใจผิดได้ว่าเจ้าร่วมมือกับอู๋เลี่ยนเยี่ยน ลอบวางยาพิษในยาบำรุง นั่นถึงจะเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงที่สุด ถ้าสามีในอนาคตของเจ้ารู้ พวกเขาจะคิดอย่างไร?” คำพูดของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ทำให้หลิงหลงกลัวจนตัวสั่นเป็นลูกนก จริงด้วย…วสันตโอสถไม่มียาแก้พิษ! มีเพียงวิธีเดียวที่จะบรรเทาพิษยา ถ้าตนเองต้องการดื่มยาบำรุงล่ะ? อู๋เลี่ยนเยี่ยนที่เห็นว่าตัวนางกินมันเข้าไป จะขัดขวางหรือไม่? หากขัดขวางจะทำให้แผนการสมคบคิดของนางถูกเปิดเผย ก็จินตนาการถึงชะตากรรมของนางเองได้…

“เช่นนั้น เมื่อดูจากสองประเด็นข้างต้น เรื่องนี้ถือได้ว่าสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ยังคงชื่นชมพวกอู๋เลี่ยนเยี่ยนที่คิดกลยุทธ์อย่างนี้ได้ มิน่าเล่าถึงต่อสู้กับหวงฝู่เยวี่ยเอ้อมาได้หลายปีขนาดนั้น แม้สถานะจะต่ำต้อย ไม่ได้ลืมตาอ้าปากมาหลายปีแล้ว แต่ยังครองความเหนือชั้นได้เล็กน้อย

“แล้วที่เจ้าว่าพิรุธร้ายแรงคืออะไร?” หลิงหลงไม่เข้าใจ ทำไมถึงบอกว่ามันสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ และทำไมถึงบอกว่ามีพิรุธร้ายแรง มันไม่ขัดแย้งกันเองหรือ?

“นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมอู๋เลี่ยนเยี่ยนจึงอยู่บนเตียงของคุณชายใหญ่ทั้งคืน ไม่ได้ออกไปกลางดึก” เยี่ยนมี่เอ๋อร์กล่าว

อย่างุนงงว่า “เมื่อดูการจัดฉากเบื้องหน้า คนที่วางแผนนี้มีความคิดละเอียดรอบคอบ จะไม่ทำผิดพลาดอย่างนั้น ยามที่อู๋เลี่ยนเยี่ยนดำเนินการตามแผนนี้ ก็ต้องดื่มยาบำรุงบ้างอย่างแน่นอน ข้ารู้มาว่าผู้หญิงหลายคนจะกินยาต้มเมื่อรอปรนนิบัติสามีก่อนเข้านอน ด้วยวิธีนี้โอกาสในการตั้งครรภ์จะเพิ่มขึ้น เห็นได้ชัดว่าอู๋เลี่ยนเยี่ยนเป็นคนฉลาด นางควรจะรู้ว่า ต่อให้คุณชายใหญ่จะชอบนาง แต่ก็รู้สึกรังเกียจเพราะการกระทำของนาง นางคิดว่าต่อไปการจะได้รับความโปรดปรานจากคุณชายใหญ่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ในขณะเดียวกัน เพราะเรื่องนี้นางจึงล่วงเกินหลิงหลงอย่างรุนแรง หลิงหลงก็จะไม่ยอมไว้หน้าให้นาง นางจึงต้องพึ่งพาอนุภรรยาอู๋ได้เท่านั้น แต่อนุภรรยาอู๋เป็นเพียงอนุ ไม่น่าเชื่อถือ ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือใช้โอกาสนี้ตั้งครรภ์ จากนั้นก็ซ่อนตัว แล้วรอจนกระทั่งตั้งครรภ์ได้เป็นรูปเป็นร่าง เมื่อถึงเวลานั้น นางไม่สนใจว่านางจะให้กำเนิดชายหรือหญิง อย่างไรก็ล้วนเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณชายใหญ่ จะเป็นลูกชายคนโตหรือลูกสาวคนโตก็ได้ ฐานะของนางย่อมจะมั่นคงไปโดยปริยาย”

“แต่ถ้านางซ่อนตัวละก็ แล้วพี่ใหญ่ไม่ยอมรับเรื่องนี้จะทำอย่างไร?” หลิงหลงถามกลับ

“ยังมีอนุภรรยาอู๋ไม่ใช่หรือ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์คลี่ยิ้มพลางกล่าวว่า “พวกเจ้าคิดว่าเรื่องนี้ลำพังแค่อู๋เลี่ยนเยี่ยนคนเดียวจะทำได้หรือ? นางอาจจะฉลาดมาก ทว่าคนคนนี้หวังสูงแต่ตาต่ำ ดูเหมือนจะมีปัญญา เจรจามีเหตุผลเป็นคุ้งเป็นแคว ถ้าทำอะไรจริงๆ ขึ้นมากลับได้ผลไม่คุ้มค่า นางมองฐานะของตัวเองไม่ทะลุปรุโปร่ง จึงคิดเสมอว่านางเป็นคนที่คู่ควรจะได้รับความรักจากผู้คนนับร้อยนับพัน ดังนั้น นางจึงแสดงต่อหน้าพวกเจ้าว่ามีฝีไม้ลายมือหลายอย่าง เป็นคนใจกว้างและหนักแน่น นางไม่ได้อยากเป็นอนุหรือสาวใช้เมียบ่าวของคุณชายใหญ่ นางหมายมั่นปั้นมือจะนั่งตำแหน่งภรรยารองผิงชีซึ่งจะมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกับข้า มิฉะนั้นละก็ นางอยู่ตระกูลซั่งกวนมาหลายปีดีดัก จะเป็นอนุของคุณชายใหญ่ก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ส่วนอู๋เลี่ยนเยี่ยนก็ถูกบังคับให้เดินมาถึงขั้นนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ ถ้านางไม่ยอมเสี่ยงเพราะเข้าตาจน ก็จะต้องกลับตระกูลอู๋ด้วยความสิ้นหวัง แต่หลังจากที่นางได้ลิ้มลองความมั่งคั่งและอู้ฟู้ของตระกูลซั่งกวนแล้ว จะให้ตายก็จะไม่มีวันกลับไปสู่ความยากจน”

“…เมื่อคืนวาน อนุภรรยาอู๋จะต้องนัดนางไว้นอกเรือนตะวันออกแน่ อนุภรรยาอู๋จะส่งนางไปตั้งแต่เช้าตรู่ แล้วซ่อนนางไว้ ถ้าคุณชายใหญ่เริ่มเอ่ยถึงเรื่องนี้เอง ทุกคนจะดีใจอย่างยิ่ง แต่นางย่อมจะใช้ชื่องานแต่งงานที่กำลังจะมาถึง แล้วทิ้งอู๋เลี่ยน เยี่ยนอยู่ข้างนอกอย่างโจ่งแจ้ง หากคุณชายใหญ่ไม่พูดถึงเรื่องนี้ เช่นนั้นข่าวลือต่างๆ ก็จะแพร่กระจายออกมา คุณชายใหญ่จะต้องเผชิญกับทางเลือกในท้ายที่สุด เลือกระหว่างการรับอู๋เลี่ยนเยี่ยนเป็นอนุกับชื่อเสียงของน้องสาวโดยไม่คำนึงถึงตนเอง” เยี่ยนมี่เอ๋อร์กล่าวอย่างงงๆ ว่า “แต่ไม่นึกเลยว่าอู๋เลี่ยนเยี่ยนจะไม่ได้ออกไปกลางดึก นี่เป็นข้อบกพร่องร้ายแรงอย่างหนึ่ง ข้าคิดว่าตอนนี้นางต้องอยู่อย่างน่าอนาถมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางจะถูกบังคับให้ดื่มน้ำแกงทำแท้งเป็นแน่ ไม่มีทางจะมีเลือดเนื้อ เชื้อไขของคุณชายใหญ่ ทว่าคุณชายใหญ่ก็จัดการค่อนข้างสะเพร่าจริงๆ”

“ทำไม?” หลิงหลงไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองโง่มาก่อน แต่ในขณะนี้ นางรู้สึกว่าตัวเองโง่บรมโง่ และโง่กว่าจิงอิ๋งเสียด้วยซ้ำ…จิงอิ๋งยังรู้จะมาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่นางกลับไม่รู้อะไรเลย

“ถ้าข้าเป็นคุณชายใหญ่ละก็จะไม่ทำให้ทุกคนรู้แน่ แต่จะปกปิดเรื่องนี้ไว้ ปลอบอู๋เลี่ยนเยี่ยนด้วยคำพูดดีๆ ให้อู๋เลี่ยนเยี่ยนคิดว่าคุณชายใหญ่เดิมทีก็ชอบนาง ทั้งสองพัฒนามาถึงขั้นนี้ก็เพียงแค่เงื่อนไขสุกงอม ทำให้อู๋เลี่ยนเยี่ยนสงบลง แล้วจัดการอย่างช้าๆ แต่เขาไม่ได้ทำ นายท่านฮูหยินรู้เรื่องนี้ พวกเจ้าก็รู้เช่นกัน เขายังถึงขั้นกักขังอู๋เลี่ยนเยี่ยนไว้ที่เรือนตะวันออกด้วย จึงไม่เข้าใจว่าจะทำให้อนุภรรยาอู๋รู้ว่าเรื่องราวถูกเปิดเผย แล้วรู้ว่าอู๋เลี่ยนเยี่ยนที่อยากจะได้รับความโปรดปรานจากคุณชายใหญ่นั้นเป็นไปไม่ได้แล้วหรือ? สาวใช้เมียบ่าวที่ไม่ได้รัก นิสัยชั่วร้าย และไม่มีทางตั้งครรภ์ได้ นั่นไม่ใช่เป้าหมายของอนุภรรยาอู๋กับอู๋เลี่ยนเยี่ยน นางถึงกับทำลายภาพลักษณ์ที่ทุ่มเทอย่างหนักเพื่อเป้าหมายนี้ นั่นไม่ใช่สิ่งที่อนุภรรยาอู๋จะทำ นางจะออกไปต่อสู้จนตกตายไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย” แม้คำพูดของเยี่ยนมี่เอ๋อร์จะดูน่าตกใจเขย่าขวัญเล็กน้อย แต่กล่าวได้ตรงประเด็น

“นางจะทำอะไร?” หลิงหลงไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ

“ข้าคิดว่านางจะร้องไห้ ด่าทออู๋เลี่ยนเยี่ยน ประณามการลงโทษแบบนั้นต่อหน้านายท่านซั่งกวนกับคุณชายใหญ่ แล้วขอร้องให้ฆ่าอู๋เลี่ยนเยี่ยนหรืออะไรสักอย่าง!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์พูดกลั้วหัวเราะอย่างแผ่วเบาว่า “หากคุณชายใหญ่ทำตามนั้น เช่นนั้นอนุภรรยาอู๋จะอ้างชื่อมาขอโทษ เพื่อเตรียมสาวใช้ที่หน้าตาสะสวยมาเป็นเมียบ่าวให้คุณชายใหญ่ มาชดเชยแทน หากคุณชายใหญ่ไม่เห็นด้วย เช่นนั้นก็จะให้อู๋เลี่ยนเยี่ยนดิ้นรนให้ได้ตำแหน่ง ‘อนุภรรยา’ ด้วยเช่นกัน คุณชายใหญ่ยังเป็นกังวลเกี่ยวกับข่าวลือโคมลอย จะปฏิบัติต่ออู๋เลี่ยนเยี่ยนให้ดีขึ้น จากนั้นเป้าหมายของพวกนางก็จะสำเร็จไปครึ่งหนึ่ง ไม่ว่าคุณชายใหญ่จะเลือกอะไร อนุภรรยาอู๋ก็จะเป็นฝ่ายเหนือกว่า!”

“นั่นคือหลานสาวของนางเชียวนะ!” หลิงหลงไม่อยากเชื่อว่าอนุภรรยาอู๋จะทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร

“แล้วอย่างไรเล่า?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ถามกลับว่า “ไม่ใช่ลูกสาวของนางเสียด้วย! ต่อให้เป็นลูกสาว นางก็เสียสละได้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมและราคาที่เหมาะเจาะ หลิงหลง พวกเจ้าไม่เคยสัมผัสกับด้านมืดที่สุดของธรรมชาติมนุษย์ พวกเจ้าแค่ลองจับตารอดู ดูพวกนางแสดง และดูว่าข้าจะรับมืออย่างไร เรียนรู้ให้ดี แม้พวกเจ้าจะไม่ต้องการใช้ แต่ก็ไม่อยากให้พวกเจ้าเจอจนมือไม้อ่อนไปหมด”

“แล้วพี่สะใภ้จะทำอย่างไร?” จิงอิ๋งกลับไม่แปลกใจเลย พี่สะใภ้ที่สามารถสอนการแสดงให้ตัวเอง และหลอกทุกคนได้จะต้องไม่ใช่คนยึดติดอย่างแน่นอน

“ข้าไม่ได้ให้แม่นมฉินไปรับใครบางคนหรอกหรือ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์พูดกลั้วหัวเราะว่า “นานมาแล้วมีธรรมเนียมโบราณอย่างหนึ่งที่พิเศษมาก ก่อนแต่งงาน ฝ่ายผู้หญิงจะให้สาวใช้คนหนึ่งกับฝ่ายผู้ชาย สาวใช้คนนั้นจะเรียกว่าสาวใช้ทดลองอยู่ก่อนแต่ง อู๋เลี่ยนเยี่ยนรับบทเป็นสาวใช้ทดลองอยู่ก่อนแต่งในครั้งนี้ ส่วนคนที่อยู่เบื้องหลังนางก็กลายเป็นข้า ดังนั้นหลิงหลงย่อมจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้!”

สิ่งที่นางไม่ได้พูดก็คือการส่งสาวใช้ไปทดลองอยู่ก่อนแต่งนั้นจะแสดงถึงความสงสัยในสุขภาพบางอย่างของฝ่ายชาย แต่หลิงหลงและจิงอิ๋งจะรู้ได้อย่างไรว่าสาวใช้ที่ทดลองอยู่ก่อนแต่งเป็นอย่างไร และสถานะของสาวใช้ที่ทดลองอยู่ก่อนแต่งนั้นไม่ดีเท่าเมียบ่าว

“พี่สะใภ้ไม่กังวลว่าท่านจะเสียชื่อเสียงหรือ?” หลิงหลงซาบซึ้งจนน้ำตาไหลพราก นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์จะหาเรื่องเดือดร้อนให้ตัวเอง และเป็นแพะรับบาปแทนนาง

“ยัยเด็กโง่…” เยี่ยนมี่เอ๋อร์เช็ดน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาจากดวงตาให้หลิงหลงพลางกล่าวว่า “สำหรับพี่สะใภ้แล้ว เรื่องนี้เพียงแค่จะทำให้ครอบครัวสามีรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเท่านั้นเอง คุณชายใหญ่ไม่ใช่คนเขลา ย่อมจะรู้ถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ในเรื่องนี้ เขาจะเข้าใจว่าเหตุใดพี่สะใภ้ถึงทำแบบนี้ และยังขอบคุณพี่สะใภ้เสียด้วย สำหรับพี่สะใภ้ ไม่มีอันตรายอะไร เข้าใจหรือไม่?”

“แต่…” หลิงหลงต้องการจะบอกว่าบรรดาคนรับใช้จะพูดถึงนางอย่างไร! หากเรื่องนี้ลุกลามออกไป นางจะเผชิญหน้ากับทุกคนและพูดคุยในระหว่างวงศ์ตระกูลได้อย่างไรล่ะ?

“ไม่มีแต่ทั้งนั้น ไม่ได้พูดหรอกหรือว่าพี่สะใภ้ใหญ่ดุจมารดา ต่อให้จะมีอะไรก็ตาม พี่สะใภ้จะเป็นแพะรับบาปให้พวกเจ้าสักครั้งสองครั้งจะเป็นอะไรไปเล่า?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่ได้เป็นห่วงพลางเอ่ยว่า “พวกเจ้ารอดูละครฉากเด็ดให้ดีก็แล้วกัน! ข้าเชื่อว่า แม่นมฉินจะทำให้คนที่คิดกลอุบายนี้เดือดร้อนได้อย่างแน่นอน!”

———————————-