บทที่ 20 ฆ่างูพิษ
สามชั่วยามต่อมา หลัวซิวเดินทางมาถึงใกล้ ๆ กับเขาสุ่ยวู่
ตลอดทางที่ผ่านมา เขาเห็นนักยุทธ์คนอื่น ๆ จำนวนไม่น้อย ส่วนมากจะจับกลุ่มกันสามถึงห้าคน ส่วนเขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์เพียงคนเดียวที่มาที่นี่ จึงกลายเป็นจุดสนใจไม่น้อย
“ไอ้กระจอกมาจากไหนกัน ?”
“ดูเหมือนอายุจะไม่เกินสิบห้าปีนะ ผลการฝึกตนก็ไม่น่าจะเกินระดับการกลั่นร่างขั้นที่7 แล้วยังกล้ามาออกล่าที่เขาสุ่ยวู่อีกหรือ ?”
“ฮ่าฮ่า อย่าดูถูกว่าเขาสวมใส่เสื้อผ้าซอมซ่อ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเป็นคุณชายลูกหลานขุนนางที่แอบเดินทางอย่างเรียบง่ายเพื่อออกหาประสบการณ์ก็ได้”
“เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหลหน่อยเลย คุณชายพวกนั้นรักตัวกลัวตาย มีครั้งไหนบ้างที่มาออกล่าเพื่อหาประสบการณ์แล้วไม่พายอดฝีมือมาคอยคุ้มกัน ?”
“ข้ากล้าเดิมพันเลยว่า เจ้าหมอนี่จะต้องถูกอสุรกายฉีกออกเป็นชิ้น ๆ อย่างแน่นอน !”
หลายคนต่างพูดวิพากษ์วิจารณ์ และมั่นใจว่าที่หลัวซิวมาที่นี่เพราะไม่รู้กฎเกณฑ์ เป็นไอ้กระจอกที่เหมือนลูกนกเพิ่งออกจากไข่ ไม่รู้จักกลัวอันตราย
หลัวซิวเองก็สังเกตเห็นว่ามีหลายคนที่จ้องมองเขาด้วยสายตาที่ไม่ประสงค์ดีนัก เขาได้ยินมาว่ามีการฆ่ากันเองของนักล่าอสูรเพื่อแย่งชิงทรัพยากรเช่นกัน
แต่คนที่เดินทางมายังเขาสุ่ยวู่กลับไม่มีนักยุทธ์ระดับแดนฝึกชี่ไห่ ส่วนใหญ่แล้วสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในป่าแห่งนี้จะเป็นอสูรป่า มีเพียงพื้นที่จำนวนน้อยที่มีอสุรกายขั้น1อาศัยอยู่ ดังนั้นผู้ที่มาออกล่าเพื่อหาประสบการณ์ที่นี่ ส่วนมากจึงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับการกลั่นร่าง
แถบป่าลึกใกล้ ๆ กับเมืองชิงหยุน เขาสุ่ยวู่ถึงเป็นสถานที่ที่มีความอันตรายน้อยที่สุด
หลัวซิวเดินตรงเข้าไปในป่า สมาธิของเขาจดจ่อแน่วแน่ และให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวทุกอย่างรอบตัวเขาอย่างใกล้ชิด
“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าออกล่า หวังว่ามันจะได้ผลนะ”
หลัวซิวกระโดดจากพื้นหญ้า ขึ้นไปยืนบนกิ่งของต้นไม้ใหญ่ จากนั้นเขาจึงหลับตาลง แล้วเข้าสู่สถานะพิเศษของการตระหนักรับรู้ถึงความเป็นความตาย
อาศัยความเชื่อมโยงของลูกแก้วอัญมณีแห่งความเป็นความตาย โดยมีเขาเป็นจุดศูนย์กลาง การรับรู้พิเศษแพร่กระจายออกจากมือของเขาไปทั่วทุกทิศทาง
ถึงแม้เขากำลังปิดตาอยู่ แต่ภายในรัศมีสองถึงสามลี้ เข้าสามารถรับรู้ถึงลักษณะของสิ่งมีชีวิตทุกประเภทได้ทั้งหมด การรับรู้ของเขาในตอนนี้ ราวกับว่าเขาได้เห็นทุกอย่างด้วยตาตนเอง
นี่เป็นความสามารถพิเศษทั้งสามอย่างที่หลัวซิวค้นพบ หลังจากที่เขาผนึกรวมเข้ากับลูกแก้วอัญมณีแห่งความเป็นความตาย ลายเส้นชีวิต และปราณเป็นตายสองระดับ
ขอแค่อยู่ในขอบเขตที่ชัดเจน เขาสามารถรับรู้ได้ถึงลมหายใจของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดได้ ยิ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ขนาดใหญ่มากเท่าไหร่ ลมหายใจของชีวิตก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น
ทันใดนั้น หลัวซิวก็ลืมตาขึ้นพร้อมเผยรอยยิ้มที่มุมปาก ขาทั้งสองข้างของเขาเหยียบอยู่บนกิ่งไม้ จากนั้นเขาจึงกระโดดและพุ่งตรงไปยังทิศทางหนึ่ง
“ฟ่อ !……”
มีงูพิษสีขาวสลับดำตัวหนึ่ง ขนาดใหญ่เท่าท่อนแขน กำลังหลบซ่อนตัวอยู่ในกิ่งไม้และใบที่หนาทึบของต้นไม้ งูแผ่แม่เบี้ยและจ้องมองมาด้วยสายตาที่เย็นชาและดุร้าย
งูมีประสาทสัมผัสที่ว่องไวมาก มันรีบหันหัวกลับในทันที ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างของมนุษย์ที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาในสายตาของมัน
มันคิดว่ามันหลบซ่อนตัวอย่างดี ปากของงูอ้าเล็กน้อย เผยให้เห็นเขี้ยวที่แหลมคม รอเพียงแค่ให้มีเหยื่อผ่านเข้ามา มันก็จะลอบโจมตีจากที่ซ่อนทันที
“สิบห้าเมตร สิบเมตร ห้าเมตร…..”
ระยะห่างของอีกฝ่ายยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
“ฉึบ !”
แสงประกายแวววับพาดผ่านอากาศ ใบของต้นไม้ใหญ่ถูกตัดจนร่วงลงมาเหมือนสายฝน หัวของงูที่มีขนาดเท่ากำปั้นลอยขึ้นไป มีเลือดสีแดงสาดกระเซ็นออกมา แล้วกลิ้งไปด้านข้าง
ปากของงูเปิดออก เผยให้เห็นเขี่ยวของมัน ราวกับว่าไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังจะตาย เพราะในขณะที่ในกำลังซุ่มโจมตีเหยื่ออยู่นั้น ตนเองกลับถูกฆ่าตายเสียนี่
“งูพิษลายดำไม่ใช่อสูรป่า พิษของมันร้ายแรงมาก ถ้าหากไม่มียาถอนพิษ หากเป็นนักยุทธ์ระดับการกลั่นร่างถูกฉกเข้า ไม่เกินสิบลมหายใจก็ต้องตาย !”
หลัวซิวลงมายืนอยู่ด้านข้าง เขารู้สึกพอใจกับผลงานครั้งแรกของเขามาก
หลัวซิวใช้กระบี่เปิดปากของงู จากนั้นจึงถอดเขี้ยวพิษทั้งสองข้างของมันออกมา จากนั้นจึงรวบรวมพิษและดีงูเอาไว้ในกล่องเล็ก ๆ แล้วเก็บใส่กระเป๋า
อันที่จริงแล้วเนื้อของงูพิษประเภทนี้ก็อร่อยไม่เบา ได้รับความนิยมอย่างมากในโรเตี๊ยม แต่งูตัวนี้มีความยาวถึงสองเมตร หลัวซิวจึงนำกลับไปได้ลำบาก
“เมื่อเทียบกับเนื้องูแล้ว สิ่งที่ทำราคาได้สูงกว่าก็คือเขี้ยวงู พิษ และดีงู สามสิ่งนี้เมื่อรวมกันแล้วหากจะขายในราคาสี่ร้อยตำลึงก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหา” หลัวซิวบอกกับตัวเอง
นักยุทธ์ต้องใช้เงินในการฝึกตนจำนวนมาก แต่ในขณะเดียวกันนักยุทธ์เองก็หาเงินได้มากเช่นกัน แค่งูพิษตัวเดียวที่ยังไม่ใช่อสุรกาย ยังสามารถทำเงินได้หลายร้อยตำลึง แล้วสิ่งของที่อยู่บนร่างกายของอสุรกายจริง ๆ จะต้องยิ่งทำเงินได้มากกว่าแน่นอน
“อู๊ดอู๊ดอู๊ด……”
หมูป่าที่มีขนสีแดงสด มีความสูงประมาณหนึ่งเมตร และมีลำตัวที่ยาวประมาณสามเมตรกำลังวิ่งตรงเข้าไปในป่า
อสูรป่าตัวนี้มีชื่อเรียกว่าหมูป่าขนแดง ถึงแม้ไม่ใช่อสุรกายขั้น1 แต่ก็ถือว่าใกล้เคียง บางครั้งอสุรกายขั้น1บางประเภทที่อ่อนแอ ก็ยังไม่กล้ามีเนื่องกับอสูรป่าชนิดนี้
บนคอของหมูป่าขนแดงตัวนี้มีรอยบาดแผล ตอนนี้มีเลือดสีแดงไหลทะลักออกมา เลือดกระจายไปตลอดทางที่มันวิ่ง
“ผิวหนังของเจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้ช่างแข็งจริง ๆ” หลัวซิวกระโดดลงไปยืนบนกิ่งของต้นไม้ใหญ่
“ตุบ !”
ดวงตาทั้งสองข้างของหมูป่าขนแดงเป็นสีแดงก่ำ มันใช้หัวกระแทกเข้าไปที่ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้อย่างแรง เขี้ยวอันแหลมคมทั้งสองซี่ของมันทำให้เปลือกไม้แยกออก แล้วฝังเข้าไปที่ลำต้น
ต้นไม่ใหญ่สั่นไหว แต่หลัวซิวที่ยืนอยู่ด้านบนกลับไม่ขยับเขยื้อน และไม่โอนเอนแม้สักนิด
“สัตว์เดรัจฉานก็คือสัตว์เดรัจฉาน ช่างโง่จริง ๆ”
หลัวซิวกระโดดลงมาจากต้นไม้ ในเวลาเดียวกันเขาก็ยกดาบขึ้นแล้วฟันลงไปตรงบริเวณบาดแผลที่คอของหมูป่าขนแดง
บาดแผลนั้นเป็นรอยที่เขาใช้กระบี่ฟันก่อนหน้านี้ แต่เป็นเพราะกระบี่ของเขาเป็นเพียงแค่อาวุธธรรมดา ถึงแม้จะทำให้สัตว์เดรัจฉานตัวนี้ได้รับบาดเจ็บได้ แต่ไม่อาจทำให้ถึงตายได้
“พรวด !”
กระบี่ฟันลงไปด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น ด้วยแรงมหาศาลประกอบกับปราณในที่แกร่งกล้าขึ้น หัวของหมูป่าจึงถูกฟันจนขาดลงมา และมีเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วพื้น
เขี้ยวสองซี่ที่มีมูลค่ามากที่สุดปักอยู่บนต้นไม้ หลัวซิวต้องออกแรงอย่างมากจึงจะสามารถนำออกมาได้สำเร็จ จากนั้นเขาจึงเก็บรวบรวมเนื้อหมู แล้วรีบจากไปอย่างรวดเร็ว
กลิ่นคาวเลือดสามารถดึงดูดสัตว์เดรัจฉานตัวอื่น ๆ ที่อยู่รอบข้างได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นการรีบจัดการให้การต่อสู้ให้จบลงโดยเร็วถือเป็นวิธีที่ฉลาดที่สุด
ท้องฟ้ามืดลงโดยไม่รู้ตัว เป็นเพราะเงาของใบไม้ที่ปกคลุมอยู่ ทำให้ป่ายิ่งมืดสนิทยิ่งขึ้น
“แถวนี้ไม่มีสัตว์เดรัจฉานที่เป็นอันตราย”
ในมุมหนึ่งของป่า หลัวซิวสัมผัสถึงสถานการณ์โดยรอบเสียก่อน จากนั้นจึงเริ่มคิดคำนวณรายได้ของวันนี้
ตลอดระยะเวลาหนึ่งวัน เขาไม่พบกับอสุรกายเลยสักตัว สัตว์ที่ล่ามาได้ล้วนแล้วแต่เป็นอสูรป่า ซึ่งอย่างมากก็มีความแข็งแกร่งทัดเทียมกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับการกลั่นร่างขั้น6
ดังนั้นหลัวซิวจึงไม่ได้ใช้วิธีการพิเศษ แต่ใช้ความสามารถของตนเองในการโจมตี ซึ่งนี่ถือเป็นการฝึกฝนตัวเองอย่างหนึ่ง
ถึงแม้การใช้วิธีทำลายลายเส้นชีวิต จะทำให้การต่อสู้ของเขาง่ายดายขึ้น แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ความสามารถส่วนตัวถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ถึงแม้หลัวซิวอายุยังน้อย แต่เป็นเพราะฐานะทางบ้าน ทำให้เขาเข้าใจเหตุผลของการมีชีวิตอยู่อย่างดี
“ปกติแล้วบนร่างกายของอสูรป่ามีของที่มีราคาอยู่ไม่มาก แต่วันนี้เพียงวันเดียว เขาสามารถฆ่าได้เจ็ดถึงแปดตัว ซึ่งสามารถทำเงินให้เขาได้สองถึงสามพันตำลึงแล้ว” หลัวซิวเผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้า
ถึงแม้เงินสองสามพันตำลึงสำหรับการฝึกตนแล้วเปรียบเสมือนกับน้ำเพียงก้นถัง แต่อย่างไรเสียก็เป็นเงินที่เขาหามาได้เอง เขาเชื่อมั่นว่าหากเขามีความแข็งแกร่งที่เพิ่มมากขึ้น เขาก็จะหาทรัพยากรได้มากขึ้นแน่นอน
“เวลากลางคืนทำให้ความสามารถในการมองเห็นลดลง ไม่เหมาะแก่การล่า จึงควรหาสถานที่พักผ่อนก่อน”