บทที่ 21 ปฏิกิริยาของลูกแก้วอัญมณีแห่งความเป็นความตาย
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง หลัวซิวเจอโพรงต้นไม้หนึ่งโพรง พื้นที่ด้านในไม่กว้างเท่าไหร่ แต่ก็เพียงพอแล้ว เขาเจอโพรงต้นไม้นี้เมื่อครึ่งชั่วยามก่อน ค่อนข้างมิดชิด หาไม่เจอง่ายๆ
ปลดกระบี่ชิงเฟิงลง หลัวซิววางกระบี่ลงข้างๆ ด้วยความเสียดายเล็กน้อย พูดในใจ:”ถึงแม้วันนี้ฉันจะใช้กระบี่ในการฆ่าอสูรป่า แต่ความเป็นจริงฉันไม่เคยฝึกวิชากระบี่มาก่อน ถ้าได้เคล็ดวิชากระบี่มาฝึกตน จะดีแค่ไหนกันนะ”
นั่งสมาธิในโพรงต้นไม้ หลัวซิวเริ่มหมุนวิชาสลับเอ็นหลอมกระดูกที่ปรับปรุงเสร็จแล้ว
ไม่ว่าจะเมื่อไหร่และไม่ว่าจะเวลาไหน การเพ็ญตน ห้ามหย่อนยานแม้แต่น้อย นี่คือแนวทางปฏิบัติที่หลัวซิวตั้งให้ตนเอง
ขณะฝึกตน หลัวซิวอาศัยปฏิกิริยาของลูกแก้วอัญมณีแห่งความเป็นความตายสัมผัสการเคลื่อนไหวของบริเวณโดยรอล มดตัวหนึ่งเดินผ่านไปเงียบๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตอย่างชัดเจน
พลังฟ้าดินจิตหลอมรวม ผ่านการพ่นลมหายใจ รูขุมขนทั่วร่างกายเข้าสู่ภายใน ท่ามกลางการไหลเวียนของวรยุทธ์ควบแน่นจนกลายเป็นปราณใน จากนั้นฝึกฝนเข้าสู่เอ็นกระดูก
“ถึงแม้ฉันจะเป็นการกลั่นร่างขั้น5ขั้นสูงแล้ว แต่ถ้าหากจะบรรลุขึ้น6 จากสถานการณ์ในตอนนี้ อย่างน้อยต้องใช้เวลาสามวัน” หลัวซิวคิดคำนวณในใจ หลังจากบรรลุการกลั่นร่างขั้น5 เขาก็พบว่าความเร็วในการฝึกตนของตนเองแปรเปลี่ยนเป็นช้าลงแล้ว
ผลกระทบของระดับวรยุทธ์กลับกลายเป็นเรื่องรอง กำลังภายในระดับสองที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นสำหรับผลการฝึกตนของเขาในตอนนี้ถือว่าเพียงพอแล้ว สิ่งสำคัญคือไม่มีพลังจิตมากพอให้เขาดูดรับกลั่นแปร
“นอกจากอาศัยยา ค่ายกล ทำอย่างไรถึงจะมีพลังจิตมากขึ้น?” ภายในใจของหลัวซิวเต็มไปด้วยความปรารถนา เขาปรารถนาให้ความสามารถของตนเองเพิ่มเร็วขึ้น
“วื๊ด!……”
ทันใดนั้นเอง การสั่นสะเทือนแผ่ซ่านออกมาจากลูกแก้วอัญมณีแห่งความเป็นความตาย ถึงแม้จะสั่นอ่อนๆเท่านั้น แต่เพราะมีปฏิกิริยาบอบบางกับลูกแก้วอัญมณีแห่งความเป็นความตาย หลัวซิวจึงสัมผัสได้อย่างชัดเจน
จากนั้น ลมปราณชีวิตบริสุทธิ์ทะยานมาหาเขา ตามด้วยการพ่นลมหายใจของการฝึกตนเข้าสู่ร่างกาย ผลการฝึกตนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!
“นี่คือ……” หลัวซิวทั้งตกใจและดีใจ อาศัยปฏิกิริยาที่มีต่อลูกแก้วอัญมณีแห่งความเป็นความตาย เขารับรู้ว่า สิ่งที่ตนดูดรับในเวลานี้ คือสารพลังชีวิต!
สารพลังชีวิตคือพลังจิตอย่างหนึ่ง แต่มีคุณภาพมากกว่าพลังจิตทั่วไปในฟ้าดิน ดูดรับกลั่นแปร ผลย่อมไม่สามารถเทียบกันได้
“กรึก!”
แค่ชั่วขณะหนึ่ง เอ็นกระดูกในร่างกายของหลัวซิวมีเสียงกรึกดังขึ้น พลังแข็งแกร่งกว่าที่ผ่านมาพุ่งทะลานอยู่ในร่างกาย
“การกลั่นร่างชั้น6 บรรลุการกลั่นร่างขั้น6เร็วขนาดนี้เลยเนี่ยนะ!”
หลัวซิวลืมตาขึ้น สีหน้าของเขาทั้งตกใจและดีใจ การกลั่นร่างขั้น6คือฝึกเอ็นเกลากระดูกแดนสุดท้าย ไปอีกขั้นหนึ่ง คือการกลั่นร่างขั้น7ของการฝึกเกลาอวัยวะภายใน
“เมื่อครู่ที่ฉันดูดรับคือสารพลังชีวิตของสมุนไพรโดยรอบอย่างนั้นเหรอ?”
ในเวลาเดียวกัน หลัวซิวรับรู้ว่า พลังชีวิตของสมุนไพรบริเวณโดยรอบในรัศมีหนึ่งร้อยเมตรอ่อนลงไปมาก
“นี่คือวิธีการฝึกตนที่ใกล้เคียงกับการปล้น!”
ระหว่างความเป็นความตาย คือสองระดับที่ต่างกัน แย่งชิงชีวิตของสิ่งมีชีวิตอื่น ความเป็นจริงก็คือพลังแห่งความตาย
ทางด้านหลัวซิวรู้ดี หลังจากตนประสานเข้ากับลูกแก้วอัญมณีแห่งความตาย ก็จะมีลักษณะเฉพาะของพลังความเป็นและความตาย
พลังความเป็นคือการมอบให้ ทุ่มเทเสียสละ พลังความตายคือการทำลาย แย่งชิง!
“ในเมื่อลูกแก้วอัญมณีแห่งความเป็นความตายคือของล้ำค่า ถ้าอย่างนั้นต้องเป็นของดีแน่นอน!” หลัวซิวไม่รู้แน่ชัดว่าของล้ำค่านี้มีแนวคิดอย่างไร ตอนแรกที่เขาเริ่มประสานเข้ากับลูกแก้วอัญมณีแห่งความเป็นความตาย ข้อมูลเกี่ยวกับลูกแก้วนี้โผล่เข้ามาในความคิด
“ไม่ว่าอย่างไร ความสามารถของฉันสามารถพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยวิธีนี้!” การพัฒนาของผลการฝึกตน ทำให้หลัวซิวดีใจมาก ปัญหาที่เคร่งเครียดมานานในที่สุดก็สามารถจัดการได้แล้ว
อีกทั้งเขายังพบว่า เขาไม่เพียงแต่สามารถดูดรับพลังแห่งชีวิตของสมุนไพรในรัศมีหนึ่งร้อยเมตร ของเพียงเป็นสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่บริเวณโดยรอบนี้ ระหว่างที่เขาเคลื่อนลมปราณ ล้วนจะถูกแย่งชิงพลังแห่งชีวิตแล้วหลอมรวมมาที่เขา
แค่ว่าสิ่งที่แตกต่างกับสมุนไพรคือ ตอนที่สัตว์เหล่านั้นพบว่าชีวิตของตนถูกแย่งชิงไป ก็จะตกตะลึงและหนีไปอย่างรวดเร็ว ขอเพียงหนีออกไปจากรัศมีหนึ่งร้อยเมตร ก็จะปลอดภัยแล้ว
ค่ำคืนนี้ เขตร้อนเมตรที่หลัวซิวอยู่กลายเป็นเขตหวงห้าม ถึงแม้จะเป็นอสูรกายในเขาสุ่ยวู่ที่ดุร้ายไร้ซึ่งความหวาดกลัว ก็ไม่กล้าเข้าใกล้
ผลการฝึกตนบรรลุการกลั่นร่างขั้น6 หมายความว่าหลัวซิวเสร็จสิ้นระดับฝึกเกลาเนื้อหนังและเอ็นกระดูกของแดนกลั่นร่างแล้ว
เขาสามารถสัมผัสปราณเป็นตาย2ระดับของเนื้อหนังและเอ็นกระดูกที่ซ่อนเร้นเอาไว้อย่างชัดเจน เปลี่ยนร่างของตนท่ามกลางการมองไม่เห็น เข้าสู่การเปลี่ยนร่างบางอย่าง
เวลาสองสามวันต่อจากนั้น หลัวซิวล่าสัตว์ในเขตเขาสุ่ยวู่ ทุกครั้งที่ห่อผ้าบรรจุเต็ม เขาจะกลับเมืองชิงหยุนแล้วขายทิ้ง เวลาห้าวัน เขาหาเงินได้หนึ่งหมื่นกว่าตำลึง
“เป็นจริงตามนั้นนักยุทธ์หาเงินง่ายมาก ถ้าฉันเป็นจอมยุทธ์ ฆ่าอสูรกายระดับสองต้องได้เงินมากกว่านี้แน่นอน”
หลัวซิวถอดถอนหายใจเล็กน้อย เงินหมื่นตำลึงสำหรับชาวบ้านทั่วไปถือเป็นจำนวนที่ไม่สามารถคาดคิดได้
“แต่ว่าถึงแม้เงินหมื่นตำลึงจะมาก แต่ถ้าจะใช้ฝึกตน กลับไม่พอ”
หลายวันมานี้ หลัวซิวอยู่บนเขาสุ่ยวู่พ่นลมหายใจดูดรับพลังชีวิต ผลการฝึกตนดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้าจะบรรลุการกลั่นร่างขั้น7 ก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ในระยะเวลาสั้นๆ
“โฮก!”
จู่ๆก็มีเสียงคำรามของอสูรกายดังขึ้นในป่า ถึงแม้จะอยู่ไกลมาก แต่หลัวซิวก็ได้ยินจนแก้วหูสั่น เลือดพลุ่งพล่าน
“อสูรกาย! ทั้งยังไม่ใช่อสูรกายทั่วไป!” หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
กระโดดตัวลุกขึ้น หลัวซินรีบมุ่งหน้าไปยังที่มาของเสียงคำราม
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาเห็นอสูรเสือที่มีขนสีน้ำเงินและสีขาวสลับกัน สูงเกือบสองเมตร ตัวยาวประมาณสี่เมตรกว่า
ตอนที่หางของอสูรเสือตัวนี้กวัดแกว่ง ทุบเห็นที่อยู่รอบข้างจนแหลกละเอียดราวกับเหล็ก
“อสูรเสือหางเหล็ก!”
หลังจากรู้ที่มาที่ไปของอสูรเสือตัวนี้แล้ว สายตาของหลัวซิวอดไม่ได้ที่จะสั่น
ในระดับเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นอสูรกายหรือว่านักยุทธ์ ล้วนมีการแบ่งแยกความสามารถสูงต่ำ ยกตัวอย่างอสูรกายระดับหนึ่ง แบ่งเป็นขั้นทั่วไป ขั้นกลาง ขั้นสูง ขั้นสูงสุดสี่ขั้น
อสูรเสือหางเหล็กตัวนี้ คืออสูรกายขั้นสูง การกลั่นร่างขั้น9พบเจอเขา ยังต้องถอยหนี
ถ้าเป็นอสูรกายระดับหนึ่งขั้นสูงสุด ความสามารถทัดเทียมเสมอเหมือนจอมยุทธ์
อีกทั้งในการรับรู้ของหลัวซิว ลมปราณชีวิตของอสูรเสือหางเหล็กตัวนี้อุดมสมบูรณ์อย่างมาก เหมือนเพลิงไฟที่แผดเผาด้วยความเร่าร้อน
ในเวลาเดียวกัน หลัวซิวเห็นคนหลายคนซ่อนตัวอยู่รอบๆ ถึงแม้คนพวกนี้จะซ่อนตัวเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่อาจซ่อนลมปราณชีวิตของตนได้ ท่ามกลางการรับรู้ของหลัวซิวไม่อาจหลบซ่อนได้
“ฟิ้ว!”
แสงสีดำพุ่งทะยานขึ้นบนท้องฟ้า ตามด้วยการสั่นเทาของสายธนู
หลัวซิวหรี่ตาลง มองเห้นแสงสีดำอย่างพร่ามัวเท่านั้น ตกตะลึงว่านั่นคือลูกดอกธนู!
“หกคนนี้น่าจะเป็นทีมล่าอสูร ต้องการที่ล่าและฆ่าอสูรเสือหางเหล็กตัวนี้!” หลัวซิวพูดในใจ
“ผวัะ!”
พลังทะลุทะลวงของลูกดอกธนูแข็งแกร่งอย่างมาก อีกทั้งอสูรเสือหางเหล็กไม่ได้ป้องกันตัว คอที่ค่อนข้างบอบบาง ถูกลูกดอกธนูยิงทะลุ เลือดพุ่ง
“โฮก!”
อสูรเสือหางเหล็กร้องคำรามด้วยความโมโห ดวงตาสีแดงก่ำกวาดมองไปรอบๆ หาคนที่ยิงธนูเจอ หลังจากนั้นก็กระโจนเข้าหาทันที
“สัตว์เดรัจฉานสมควรตาย!”
ในเวลานี้เอง คนที่ถือขวานคู่ ชายร่างยักษ์เดินออกมาจากพุ่มไม้ข้างๆ เผชิญหน้ากับอสูรเสือหางเหล็ก
ตามด้วย คนที่ซ่อนตัวอยู่รอบๆ ก็โผล่ออกมา ล้อมอสูรเสือระดับหนึ่งขั้นสูงเอาไว้
ห้าคนล้อมวงโจมตี คนหนึ่งใช้ธนูยิงจากระยะไกล คือวิธีการล่าอสูรที่ทีมนักล่าอสูรมักจะใช้กันมากที่สุด