ตอนที่ 46 นายมีความสุขก็พอแล้ว

ลืมรักเลือนใจ

หลินเยียนไม่กลับไปที่บ้านของป้าหลังจากที่แยกกับเผยอวี่ถัง 

 

 

เพราะเธอดันไปมีเรื่องมีราวกับป้าในระหว่างการออดิชันเข้า เธอจึงรู้ดีว่าถ้ากลับบ้านไปแล้วจะเจอกับอะไร 

 

 

เธอคิดว่าจะไปค้างที่บ้านวังจิ่งหยางสักวันสองวัน และจะย้ายออกทันทีเมื่อเธอหาที่พักใหม่ได้แล้ว 

 

 

ณ อะพาร์ตเมนต์ลำนํ้าเมเปิล 

 

 

หลินเยียนยืนอยู่นอกอะพาร์ตเมนต์ขณะที่กดกริ่งหน้าประตู 

 

 

วังจิ่งหยางเปิดประตู เขาเลิกคิ้วสูงเมื่อเห็นหลินเยียน “ในที่สุดก็โดนไล่ออกจากบ้านจริงๆ เหรอเนี่ย” 

 

 

หลินเยียนสังเกตท่าทางของเขา ดูเหมือนว่าเพื่อนของเธอจะกำลังพึงพอใจในอะไรบางอย่างจนทำให้เธอพูดไม่ออก “ทำไมทำท่ามีความสุขนักล่ะ” 

 

 

“เพราะฉันไม่อยากเห็นเธอถูกป้ารังแกละมั้ง เธอน่าจะออกมาตั้งนานแล้ว!” วังจิ่งหยางยิ้มแป้นขณะยื่นรองเท้าแตะสำหรับใช้ในบ้านให้เธอ 

 

 

หลินเยียนมองรองเท้าแตะคู่ใหม่เอี่ยมในมือของวังจิ่งหยางก่อนโพล่งออกมา “นี่นายมีแฟนแล้วเหรอ” 

 

 

จะให้หลินเยียนคิดแบบนั้นก็ไม่แปลกอะไร เพราะรองเท้าแตะคู่นั้นเป็นสีชมพูและประดับด้วยหูแมว 

 

 

วังจิ่งหยางถลึงตาใส่เธอ “แฟนบ้าแฟนบออะไร นี่เมาอีกแล้วเรอะ” 

 

 

หลินเยียนชี้ไปที่รองเท้าแตะ “แล้วทำไมถึงมีรองเท้าสีชมพูล่ะ” 

 

 

วังจิ่งหยางอึ้งจนแข็งเป็นหิน ผู้หญิงคนนี้นี่ซื่อบื้อชะมัด “ฉันชอบดีไซน์มันไง โอเคมั้ย?” เขาเอ็ด 

 

 

หลินเยียนมองเขาด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยคำพูดมากมาย “โอเค โอเค ไม่มีปัญหา! ถ้านายชอบก็โอเค!” 

 

 

เธอไม่เคยเห็นเขาแสดงอาการว่าชอบของน่ารักๆ แบบนี้มาก่อน… 

 

 

วังจิ่งหยางสูดหายใจก่อนเอ่ยด้วยท่าทางกึ่งโมโหกึ่งฮึดฮัดว่า “แล้วแผนของเธอคืออะไร” 

 

 

หลินเยียนสวมรองเท้าแตะแล้วเดินเข้ามาด้านในก่อนทิ้งตัวลงบนเก้าอี้นวม “ฉันผ่านการออดิชันแล้วขอรับค่าตัวล่วงหน้ามาแล้ว ฉันกะว่าจะย้ายออกไปเช่าที่อยู่อื่นแทน” 

 

 

วังจิ่งหยางดูตะลึงงันไปเล็กน้อย “หา? ผ่านออดิชัน?” 

 

 

หลินเยียนพยักหน้า “ใช่ แล้วก็ไม่ใช่บทตัวประกอบด้วย แต่เป็นบทสมทบในหนังฟอร์มยักษ์!” 

 

 

วังจิ่งหยางทำสีหน้าสงสัย “แต่ถ้าดูจากฝีมือการแสดงสุดห่วยแตกของเธอ…” 

 

 

หลินเยียนหรี่ตา “ฉันให้โอกาสพูดใหม่นะ!” 

 

 

“อะแฮ่ม…โอเค โอเค การแสดงของเธอไม่ได้ห่วยแตก เธอแค่ไม่ได้จริงจังกับมันเฉยๆ ถ้าเธอตั้งใจล่ะก็ไม่มีใครเทียบเธอติดแน่นอน” วังจิ่งหยางตอบด้วยท่าทีประจบประแจง 

 

 

หลินเยียนยิ้มกริ่มอย่างมีความสุข “เจ้าหมานี่ฉลาดล้ำจริงๆ !” 

 

 

วังจิ่งหยางไม่ได้ตอบอะไร 

 

 

“เออใช่ เธอบอกว่าเธอจะย้ายออก แล้วหาที่อยู่ได้แล้วหรือไง” วังจิ่งหยางถาม 

 

 

“ก็กำลังมองๆ อยู่นั่นแหละ ฉันมีเรื่องกับป้านิดหน่อยเลยกลับบ้านไม่ได้จริงๆ ฉันจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังทีหลัง แต่ตอนนี้ฉันต้องขอให้นายช่วย ขออยู่ที่นี่สักแป๊บได้ไหม ถ้าฉันหาที่อยู่ได้เมื่อไหร่จะรีบย้ายออกทันทีเลย!” หลินเยียนพูด 

 

 

“จริงๆ จะอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้ ฉันไม่ว่า” 

 

 

วังจิ่งหยางมองไปทางอื่นขณะที่พูด “เออใช่! คนข้างห้องฉันเพิ่งย้ายออก ทำไมเธอไม่เช่าต่อซะเลยล่ะ ผู้หญิงอยู่คนเดียวอันตรายจะตายไป อยู่ใกล้ๆ ฉันนี่แหละจะได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา” 

 

 

“ข้างห้องย้ายออกแล้ว? ฉันนึกว่าเขาเช่าอยู่ที่นี่มาตั้งนานแล้วซะอีก” หลินเยียนสงสัย 

 

 

วังจิ่งหยางตอบ “ฉันจะรู้ได้ไงเล่า แต่ที่แน่ๆ คือเขาย้ายออกไปแล้ว!” 

 

 

หลินเยียนทำหน้าบึ้งตึง “ประหลาด ตอนที่ฉันเจอเขาคราวก่อน เขาบอกว่าจะอยู่ที่นี่ไปอีกอย่างน้อยสามปี…” 

 

 

วังจิ่งหยางตอบโดยไม่ใส่ใจ “คงมีเรื่องให้ย้ายออกล่ะมั้ง ฉันสนิทกับเจ้าของตึกนะ ให้ฉันติดต่อแทนเธอก็ได้!”  

 

 

หลินเยียนเกาคาง “ไม่ต้องรีบหรอก เดี๋ยวฉันลองหา…” 

 

 

วังจิ่งหยางขัด “จะไปหาที่อื่นทำไม ที่นี่ถูกจะตาย แล้วเจ้าของก็รีบหาคนมาเช่าห้องแทนด้วย เขาน่าจะลดค่าห้องให้อีกนะ” 

 

 

หลินเยียนรีบตอบทันควัน “ดี! ช่วยติดต่อให้ฉันที!” 

 

 

วังจิ่งหยางถึงกับตะลึง