ตอนที่ 68.1 ความน่ารักของพญายม (1)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

ทั่วร่างแข็งทื่อ รอยยิ้มมุมปากชะงักงัน

สายตาที่ชายหนุ่มจ้องมองเล่อเหยาเหยา ไม่เพียงแต่โมโหอย่างรุนแรง ทว่าอยากสังหารคนอีกด้วย

อันที่จริงเขากุมมือใหญ่ของตนเอาไว้แน่น ทว่ากลับตะโกนคำว่า ‘ท่านพ่อ!?’ ออกมา

ท่านพ่อ!?

เขามีบุตรชายโตขาดนี้ตั้งแต่เมื่อใด!?

หรือภายในความรู้สึกของเขา เขาจะเหมือนกับบิดาของเขา!?

นี่ ช่างเป็นการโจมตีอย่างหมดเปลือกเสียจริง!

ขณะนี้เหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้สึกเพียงร่างกายราวถูกฟ้าผ่า ยืนสั่นเทิ้มอยู่ตรงนั้น

หลังจากนั้นชักมือใหญ่ของตนเองกลับมา คอดไม่ถึงว่าคนด้านล่างคล้ายล่วงรู้ถึงความคิดของเขา มือสองข้างกระชับแน่นกุมมือใหญ่ของเขาเอาไว้ ท่าทางนั้นเหมือนคนกำลังจมน้ำจับขอนไม้เพื่อเอาชีวิตรอด แม้ตายก็ไม่ยอมปล่อยมือ

เห็นเช่นนั้นเหลิ่งจวิ้นอวี๋กระพริบตาลง ในที่สุดทำได้เพียงถอนหายใจเบาๆ ออกมา

ช่างเถอะ ให้เขากุมไปเถอะ!

ขณะที่คิดในใจ เหลิ่งจวิ้นอวี๋นั่งลงบนเตียงไม้ที่ปูด้วยฟูกนอนหนานุ่มนั้น มือถูกเล่อเหยาเหยากุมแน่นอยู่เช่นนั้น

แม้จะยังอยู่ในความฝัน แต่เล่อเหยาเหยาเหมือนรู้สึกมามีคนอยู่ข้างกาย ปากเล็กที่พึมพำเบาๆ ปรากฏเป็นรอยยิ้มบางออกมา

คิ้วที่ขมวดแน่นเล็กน้อยค่อยๆ คลายลง ท่าทางนั้นราวกับแมวน้อยแสนขี้เกียจงีบหลับ น่ารักอย่างยิ่ง!

แต่หากเลินเล่อละเมอเช่นเธอเวลานี้…

“พ่อจ๋า ฮือๆ เหยาเหยาคิดถึงพ่อมากเลย ฮือๆ เหยาเหยาอยากกลับบ้าน”

เล่อเหยาเหยาภายในฝัน รู้สึกถึงความอบอุ่นข้างกาย ฝ่ามือหนาที่อบอุ่นและแข็งแรงเช่นนี้ ราวกับเป็นความรู้สึกที่บิดาให้กับเธอ ทำให้เธอพลันคล้ายกลับสู่ปัจจุบัน นอนอยู่ข้างกายบิดา ดังนั้นจึงอดพรั่งพรูความโดดเดี่ยวไม่ได้รับความเป็นธรรมที่ผ่านมาทั้งหมดออกมาไม่ได้

ส่วนเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่นั่งเงียบอยู่ตรงนั้น เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความน้อยใจของคนด้านล่าง จึงไม่รู้ตัวว่าสีหน้าของตนเปลี่ยนแปลงไปตามอารมณ์ของคนด้านล่าง จากนั้นคิ้วงดงามค่อยๆ ขมวดขึ้น

ริมฝีปากบางเป็นกระจับนั้นเอ่ยพึมพำออกมา

“ที่แท้คิดถึงบ้าน”

เช่นนั้นเวลานี้จะพูดอย่างไร เขายังเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่ง!

อายุเพิ่งจะสิบห้าสิบหก และดูจากท่าทางก็อ่อนแอขนาดนี้ ราวตุ๊กตาแก้วปราะบางที่พอชนแล้วแตกสลาย

เขาเป็นเช่นนี้ จึงทำให้คนที่เห็นอดสงสารไม่ได้

เมื่อคิดถึงตรงนี้ สีหน้าชายหนุ่มอ่อนโยนลง แววตาพลันละมุนขึ้น

สายตามองยังเล่อเหยาเหยา มีละมุนฟุ้งกระจายออกมาราวกับสายตาของคนรัก

แต่สีหน้าอ่อนโยนบนใบหน้าของชายหนุ่ม กลับมีอยู่เพียงชั่วขณะ เพราะ…

“ฮือๆ พ่อจ๋า หนูอยากกลับบ้าน ที่นี่มีแต่คนรังแกหนู พ่อต้องแก้แค้นให้หนูนะ ฮือๆ”

“อะไรนะ!? เป็นผู้ใดกินดีหมีหัวใจเสือกล้ารังแกเจ้า!?”

เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋พลันมีสีหน้าเย็นชา สายตาเย็นชาหรี่ลงเล็กน้อย ภายในเปล่งประกายเย็นชาออกมา

คล้ายกับว่าหากคนที่รังแกเล่อเหยาเหยาอยู่ด้านข้าง เขาจะกำจัดมันโดยไม่พูดจาทันทีอย่างแน่นอน

เมื่อพญายมโกรธ ผลลัพธ์จะร้ายแรงยิ่งนัก แต่…

“ฮือๆ พญายมรังแกหนู ฮือๆ เขาเป็นคนเลว เขาเลวมาก”

“เอ้อ”

พญายม!?

ไม่ใช่เขาหรือ!?

เมื่อได้ยินเหลิ่งจวิ้นอวี๋อดยิ้มมุมปากไม่ได้

และใบหน้าดูไร้ความผิดยิ่งนัก

เพราะเขาไม่รู้เลยว่า ตนรังแกเขาเมื่อใดกัน

นอกจากนี้ หากรู้ว่าความจริงแล้วตนอ่อนข้อให้เขามากต่างหาก

แม้เขาจะก่อเรื่องขึ้นที่ด้านนอก ตนไม่ได้ลงโทษเขารุนแรง

การลงโทษให้เขาคุกเข่า ก็เป็นความคิดของหัวหน้าขันทีลี่

แต่นี่ไม่ควรโทษหัวหน้าขันทีลี่ เพราะถึงอย่างไรภายในวังอ๋องก็มีกฎของวัง

ก่อนหน้านี้วันๆ เขาเข้าท้องพระโรง ยุ่งแต่กับงานในราชสำนัก เรื่องภายใวังอ๋อง เขาจึงมอบให้หัวหน้าจัดการ แต่เขากลับไม่รู้เลยว่าหัวหน้าขันทีลี่จะลงโทษเขาเช่นนี้

หรือเป็นเพราะเช่นนี้ เขาถึงโกรธแค้นตน!?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้สึกไม่พอใจยิ่งนัก

ทว่าเขาอดมองท่าทางเจ็บปวดของคนด้านล่างไม่ได้ จนสุดท้ายถอนหายใจออกมา ก่อนจะพึมพำว่า

“เด็กดี วันหน้าข้า…จะไม่รังแกเจ้า”

แม้เขาจะไม่รู้สึกว่าตนรังแกเขา แต่เหลิ่งจวิ้นอวี๋ยังพูดเช่นนี้ออกไป

เพราะหลังคนด้านล่างได้ยินคำพูดเขา คิ้วที่ขมวดสุดท้ายก็คลายลงอย่างช้าๆ เห็นชัดว่าผ่อนลมหายใจออกมา เขาจึงวางใจลงเมื่อเห็ยเช่นนั้น

ยืนมืออีกข้างลูบหน้าผากเล่อเหยาเหยาที่เห็นชัดว่ากลับมาเป็นปกติแล้ว เห็นท่าทางเขาคล้ายจะได้สติกลับมา เหลิ่งจวิ้นอวี๋คิดที่จะชักมือใหญ่ของตนออก

คิดไม่ถึงว่าเมื่อมือเขาสัมผัสชายเสื้อที่เปียกชุ่มโดยไม่ตั้งใจเข้า คิ้วงดงามขมวดขึ้นอีกครั้ง

นึกย้อนไปเมื่อตอนที่เขาไปถึงที่พักของเล่อเหยาเหยา เวลานั้นประตูเปิดออก เห็นเขาล้มลงอยู่บนพื้น เกรงว่าตอนนั้นน้ำฝนคงสาดเข้ามา ทำให้เสื้อผ้าเขาเปียก

แต่เวลานี้เขายังป่วยอยู่ จะสวมเสื้อผ้าที่เปียกชื้นเช่นนี้ได้อย่างไร!? หากไข้ขึ้นมาอีกครั้งจะทำเช่นไร!?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ มือใหญ่ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋พลันยื่นไปที่สายคาดเอวของเล่อเหยาเหยา หมายจะถอดเสื้อผ้าเปียกชื้นออกให้เธอ

คิดไม่ถึงว่าเล่อเหยาเหยาที่หลับสนิทกลับสะลืมสะลือลืมตาขึ้นมา ก่อนจะรู้สึกตัวขึ้นมา

แต่เธอยังไม่รู้ว่าตนอยู่ที่ใด และเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ ก็เห็นเพียงมือใหญ่เรียวยาวยื่นมาที่เธอ ก่อนจะคลายสายรัดเอวเธอออก

เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงเสียง ‘เปรี้ยง’ ดังขึ้นราวฟ้าผ่าลงมาตอนกลางวัน แข็งทื่อไปชั่วขณะ ก่อนน้ำเสียงแหลมพลันดังขึ้นจากปากเธออย่างรวดเร็ว

“อันตพาล! เจ้าคิดจะทำอันใด!”

น่าตายนัก! คนเลวนี่ เขาคิดจะทำอะไรกัแน่!?

หรือเขาจะเจออะไรเข้า ดังนั้นเลยคิดจะทดสอบเธอด้วยตัวเอง!?

เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ สายตาที่เล่อเหยาเหยามองเหลิ่งจวิ้นอวี๋ จึงทั้งโกรธและสับสน

จากนั้นยื่นมือทั้งสองข้าง ดึงผ้าห่มที่อยู่ด้านข้างห่อตัวอย่างแน่นหนา

พลันหมุนตัวอีกครั้ง ร่างกายเล่อเหยาเหยาจึงราวกับดักแด้ขดตัวอยู่บนเตียง

เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาตกใจจนได้สติ จนถึงการเคลื่อนไหวเมื่อครู่ เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดยิ้มมุมปากไม่ได้ ก่อนพลันเก็บมือใหญ่ที่ชะงักค้างของตนกลับมา

เดิมทีเขายื่นมือไปเพราะหวังดี คิดเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกชื้นให้ขันทีน้อย เพื่อให้เขานอนสบายยิ่งขึ้นและไข้ไม่ขึ้นอีก คิดไม่ถึงว่าความหวังดีของเขาจะกลายเป็นหวังร้าย  หาเรื่องใส่ตัวเสียจริง

เมื่อคิดตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋สีหน้าเคร่งขรึมลง สายตาที่มองยังเล่อเหยาเหยาแฝงด้วยความโมโห

เพราะสายตาที่ฝั่งตรงข้ามมองเขา ดูสับสนและหวาดกลัวยิ่งนัก ราบกับว่าเขาเป็นไร้ศีลธรรม

ไร้ศีลธรรม!?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ สีหน้าเหลิ่งจวิ้นอวี๋เคร่งขรึมยิ่งขึ้น กระทั่งน้ำเสียงล้วนเย็นชาราวลมหนาวในเดือนสิบสองที่กัดกร่อนไปถึงกระดูกเช่นนี้

“เจ้าคิดว่าข้าคิดทำอะไรเจ้าหรือ!?”

คำพูดเย็นชาของพญายม ทำให้เล่อเหยาเหยาสีหน้าซีดขาว

เพราะฝ่ายตรงข้ามมีสีหน้าเคร่งขรึม และโทสะที่แผ่ออกมาจากตัวเขา ทำให้คนนึกถึงสถานการณ์ศัตรูเคลื่อนทัพมาประชิดกำแพงเมือง ราวกับพังถล่มกำแพงเมือง  เธอจึงอกสั่นขวัญแขวนเมื่อเห็น

แต่เธอกลับไม่กล้าเอ่ยปาก เมื่อครู่เขาคิดลวนลามเธอ ทว่าหากเมื่อครู่เขาไม่คิดทำอะไรเธอ เพราะเหตุใดถึงยื่นมือมาดึงสายคาดเอวเธอกัน!?

ขณะที่เล่อเหยาเหยาคิดสงสัยในใจ ทันใดนั้นเธอจึงรู้สึกตัวว่าสถานที่ตนอยู่เวลานี้ ราวมีบางอย่างผิดปกติ

หลังกวาดสายงดงามไปรอบๆ ภายในแววตาเล่อเหยาเหยาปรากฏความประหลาดใจขึ้น

เพราะที่นี่ไม่ใช่ห้องพักเล็กของตน และเป็นห้องเล็กนอกห้องเจ้านายของเรือนหย่าเฟิง

เธอรู้จักที่นี่ เพราะวันนี้เธอเพิ่งปัดกวาดไป

แต่ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่? เธอจำได้ว่าตอนปรนนิบัติพญายม เพราะเรื่องเลือดกำเดาจึงวิ่งกลับไปที่พักของตนเอง ต่อมาเธอคล้ายหน้ามืด จากนั้นเธอคล้ายจะสลบไป

เรื่องหลังจากนั้นจึงเลือนลาง

คล้ายกับว่าตอนนั้นมีบางช่วงที่เธอรู้สึกไม่สบาย หรือว่าเธอจะป่วย?

แต่แม้เธอจะป่วย แต่เพราะเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่!?

ยังมีเพราะเหตุใดพญายมถึงมาอยู่ที่นี่เช่นกัน?

สำหรับความสงสัยในหัวพวกนี้ ทำให้ในใจเล่อเหยาเหยาสับสนมึมงง

แต่เธอไม่ใช่คนโง่ หลังนึกคิดอย่างละเอียดและปะติดปะต่อเรื่องราวขึ้นอีกรอบ สามารถคาดเดาเรื่องราวได้พอประมาณ

ดังนั้นเมื่อคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาแลบลิ้นเลียริมฝีปากแดงที่แห้ง จากนั้นลืมดวงตาที่แฝงด้วยความหวาดหวั่น เผยอริมฝีปาก เอ่ยถามพลางหยั่งเชิงอย่างระมัดระวัง

“ท่านอ๋อง เมื่อครู่บ่าว ไม่สบายใช่หรือไม่ขอรับ?”

แม้ตอนนี้เธอจะไม่รู้สึกว่าเป็นเช่นไร แต่ความรู้สึกเจ็บปวดที่รุนแรงเมื่อครู่ ยังคงอยู่ในความทรงจำของเธอ

“ฮึ”

สำหรับคำพูดของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงทำเสียงฮึออกมา ถือว่าเป็นคำตอบ

……………………………………..