EP.43ดอกบัวเจ็ดสี1
เต่าทมิฬเดิมทีก็เป็นหนึ่งในผู้พิชิตใต้น้ำ และเจ้าเต่าทมิฬตัวนี้ก็ได้บำเพ็ญอยู่ใต้ทะเลสาบลึกมากว่าหกพันสองร้อยปี มันจึงมีสติปัญญา และเพราะชวีฉู่ยอดฝีมือขอบเขตปราชญ์มาที่นี่วันนี้ถึงสยบมันได้ แถมเจ้าเต่าทมิฬตัวนี้ก็โชคร้ายเสียจริง หากไม่ใช่เพราะถังเสี่ยวซีดูดซับไอวิญญาณของมังกรไฟมากเกินไป จนทำให้น้ำในทะเลสาบระเหยไปครึ่งหนึ่ง เกรงว่าเต่าทมิฬคงจะไม่ถูกชวีฉู่พบเข้า
เมื่อสัมผัสถูกวิญญาณสัตว์ที่เย็นเฉียบแต่อ่อนนุ่ม วิญญาณยุทธ์น้ำเต้าเขียวราวกับได้รับน้ำฝนมาชโลมลงบนผืนดินที่แห้งผาก มันดูดซับวิญญาณสัตว์อย่างบ้าคลั่ง หลินมู่อวี่หลับตาทั้งสองข้างนั่งลงตรงนั้น เขาสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ถึงแม้เขาจะหลับตา แต่ที่ก้นบึ้งของจิตใจนั้นกลับเกิดคลื่นพลังปะทุอย่างต่อเนื่อง ถึงขั้นมองเห็นจุดตันเถียนของตัวเอง และเห็นว่าจุดตันเถียนของตนนั้นถูกพลังของมังกรไฟเผาจนแห้งผาก เถาวัลย์ของวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าก็ถูกเผาจนไม่มีชิ้นดีนั้น กำลังดูดซับพลังวิญญาณของเต่าทมิฬอย่างบ้าคลั่ง แล้วจุดที่ดำเป็นตอตะโกบนเถาวัลย์ของน้ำเต้าก็ค่อยๆ ฟื้นกลับมาเป็นสีเขียวอย่างเดิม ดูเหมือนมันกำลังรักษาตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
หลินมู่อวี่มองด้วยความทึ่ง แม้ตนเองจะหลับตาแต่ก็ยังสามารถมองเห็นวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าเขียวได้ ช่างน่าอัศจรรย์เสียจริง
การดูดซับผ่านไปเกือบยี่สิบนาที บาดแผลจากการถูกเผาไหม้ของน้ำเต้าเกือบหายจนเป็นปกติ กิ่งและใบก็กลับมาเขียวชอุ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลินมู่อวี่รู้สึกได้ว่าชีพจรและเอ็นกระดูกที่บาดเจ็บนั้นก็หายดีเป็นปกติแล้วทั้งหมด พลังที่มองไม่เห็นเคลื่อนที่ไปมาภายในน้ำเต้า พลังนั้นอัดแน่นราวกับอยากจะระเบิดออก นี่คือกำลังจะได้เลื่อนระดับพลังของผู้ฝึกยุทธ์เช่นนั้นหรือ
หลินมู่อวี่แอบดีใจอยู่เงียบๆ แล้วส่งเสียงเรียกอยู่ในใจ “ลู่ลู่ เธอยังอยู่ไหม”
“พี่ชาย ข้าอยู่นี่!”
ในห้วงความคิด ภูตระบบลู่ลู่ที่สวยหยาดเยิ้มก็ปรากฏกายขึ้น นางสะบัดปีกโปร่งใสนั้นต่อหน้าหลินมู่อวี่ พลางพูดยิ้มๆ “พี่ชาย ท่านกำลังจะหลอมน้ำเต้านี่อีกแล้วหรือ”
“ก็ใช่น่ะสิ เจ้าช่วยข้าดูหน่อย จะผ่านไปขั้นถัดไปต้องใช้วัตถุดิบอะไรบ้าง”
ลู่ลู่อ้าปากเล็กๆ นั่นพร้อมกับมองไปที่ซากเต่าทมิฬตัวเขื่องที่อยู่ด้านนอก “ว้าว นั่นเต่าทมิฬพันปีนี่นา พี่ชาย นี่คือสุดยอดวัตถุดิบในการหลอมอาวุธเลยนะนี่ ตรงกลางกระดองของเต่าทมิฬจะมีกระดองสีแดงชิ้นหนึ่ง นั่นเป็นส่วนที่ล้ำค่าที่สุดของเต่าทมิฬ เรียกว่า ‘กระดองไฟ’ กระดองไฟชิ้นนี้ถึงจะไม่ใหญ่มาก แต่ก็รวมพลังที่ฝึกสะสมนับหมื่นนับพันปีของมันไว้ พี่ชาย เอากระดองไฟนี้ออกมา แล้วเอาไปหลอมในติ่งหลอมอาวุธของท่าน”
“อือ!”
หลินมู่อวี่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น พูดกับถังเสี่ยวซีที่อยู่ด้านข้าง “องค์หญิงซี ได้โปรดช่วยอะไรข้าสักอย่าง”
ถังเสี่ยวซีมีทีท่าระวังเล็กน้อย นางเบือนหน้าหนีเพราะเกรงว่าจะสบตากับหลินมู่อวี่เข้า ดูเหมือนหลังจากที่ตัวเองเปลือยกายต่อหน้าหลินมู่อวี่แล้ว นางก็รู้สึกลำบากใจที่จะต้องเผชิญหน้ากับเขาอีก จึงตอบเสียงแผ่ว “อือ ว่ามาสิ”
“ตรงกลางกระดองของเต่าทมิฬมีส่วนที่เป็นกระดองสีแดงเพลิงอยู่หนึ่งชิ้น ท่านช่วยใช้มีดแงะมันออกมาให้ข้าได้หรือไม่”
“อือ ได้สิ!” แม้ถังเสี่ยวซีจะไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร แต่นางรู้ว่าก่อนหน้านี้หลินมู่อวี่ช่วยชีวิตตนเองเอาไว้ ดังนั้นเรื่องนี้นางจึงจำเป็นต้องช่วย
ชวีฉู่ที่อยู่ด้านข้างพยักหน้าเงียบๆ กระดองไฟคือส่วนที่ล้ำค่าที่สุดบนตัวเต่าทมิฬ เนื่องจากเต่าทมิฬอาศัยอยู่ในน้ำ มีธาตุเย็น แต่ไอวิญญาณฟ้าดินที่ดูดซับมีส่วนผสมของธาตุน้ำและธาตุไฟ ดังนั้นเต่าทมิฬจึงหลอมกลั่นพลังวิญญาณอัคคีทั้งหมดไปไว้บนกระดอง และกลายเป็นกระดองไฟที่ล้ำเลิศกว่ากระดองส่วนอื่น นี่ก็คือเหตุผลที่กระดองไฟมีความล้ำค่ามาก ทีแรกตนเองตั้งใจว่าจะเก็บกลับไปเพื่อฝึก แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่ก็รู้จักของล้ำค่าชิ้นนี้ด้วย งั้นก็ช่างเถอะ ตนเองก็เข้าสู่ขอบเขตปราชญ์แล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องไปแย่งชิงกับเด็กรุ่นหลังอีก
ไม่กี่นาทีต่อมา ถังเสี่ยวซีที่เหงื่อโทรมกายก็ถือกระดองแผ่นใหญ่ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณหนึ่งเมตร กระโดดลงมาจากหลังของเต่าทมิฬ แล้วส่งมันให้กับหลินมู่อวี่ “มู่มู่ เจ้าต้องการสิ่งนี้ไปทำอะไร”
หลินมู่อวี่ยิ้มอย่างมีลับลมคมใน “หลอมมันพ่ะย่ะค่ะ! รบกวนองค์หญิงกับผู้อาวุโสชวีคุ้มครองข้าสักครู่”
“อือ”
ชวีฉู่กับถังเสี่ยวซีมองไม่เห็นติ่งหลอมอาวุธ ที่พวกเขาเห็นเป็นเพียงกลุ่มพลังงานที่มีแสงจางๆ หลินมู่อวี่นำกระดองไฟโยนใส่เข้าไป ทันใดนั้นพลังงานนั้นก็เกิดคลื่นผันผวนอย่างรุนแรง เขาเริ่มหลอมกระดองเต่าแล้ว ครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ส่วนผสมอื่น อาศัยแต่พลังงานของกระดองไฟก็เพียงพอที่จะทำให้วิญญาณยุทธ์น้ำเต้าระดับสูงขึ้นได้
กระดองไฟในติ่งหลอมอาวุธค่อยๆ มีขนาดเล็กลง จนค่อยๆ กลายเป็นพลังเปลวไฟบริสุทธิ์แล้วซึมเข้าสู่น้ำเต้า ขั้นตอนนี้กินเวลาราวสามสิบนาที
ตอนที่หลินมู่อวี่ลุกขึ้นยืน บุคลิกและท่าทางของเขานั้นราวกับได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน แม้แต่ถังเสี่ยวซียังอดตกใจไม่ได้ “เจ้า…เจ้าดูไม่เหมือนเดิม…”
ชวีฉู่เห็นทะลุปรุโปร่ง หัวเราะเบาๆ “เขาผ่านขอบเขตมนุษย์ชั้นที่สองและเข้าสู่ชั้นที่สามแล้ว พลังในตอนนี้น่าจะอยู่ที่ระดับยี่สิบเจ็ด แน่นอนว่าต้องไม่เหมือนเดิม”
“หา เร็วขนาดนี้เชียว!” ถังเสี่ยวซีตกใจ “ข้า…ข้าก็แค่…”
ชวีฉู่เอ่ยขึ้น “องค์หญิง ท่านดูดซับพลังวิญญาณของมังกรไฟมากเกินไป แต่ก็มีความโชคดีในความโชคร้าย พลังของท่านเข้าสู่ขั้นบรรพชนสงครามระดับสามสิบหกแล้ว ยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ด้วยอายุไม่ถึงยี่สิบปีก็เข้าสู่ขอบเขตปฐพีชั้นที่หนึ่งได้แล้ว หาได้ยากมากในจักรวรรดิ”
ถังเสี่ยวซีแอบดีใจ
ด้านหลินมู่อวี่ก็กล่าวว่า “ผู้อาวุโสชวี เมื่อครู่จู่ๆ ข้าก็สามารถหลับตาแล้วมองเห็นภายในร่างกาย เห็นรูปร่างของน้ำเต้า นี่มันอะไรหรือขอรับ”
ชวีฉู่อดหัวเราะไม่ได้ “เพราะเจ้าเข้าสู่ขอบเขตมนุษย์ชั้นที่สามแล้วน่ะสิ ยอดฝีมือขอบเขตมนุษย์ชั้นที่สามความสามารถที่เพิ่มมาก็คือหลับตาสำรวจภายใน เรื่องง่ายๆ เช่นนี้เจ้ากลับไม่เข้าใจ จริงสิ องค์หญิงซี ตอนที่จิ้งจอกอัคคีของพระองค์ดูดซับพลังวิญญาณของมังกรไฟเข้าไป ได้ทักษะของมังกรไฟหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่เลย…”ถังเสี่ยวซีส่ายหน้าผิดหวัง
“แล้วเจ้าล่ะ เจ้าหนู” ชวีฉู่ถามอีก
“น่าจะมีขอรับ” หลินมู่อวี่ยิ้มน้อยๆ
“หา?” ชวีฉู่กับถังเสี่ยวซีต่างตกใจ “รีบแสดงให้พวกข้าดูเร็วเข้า”
“ขอรับ”