EP.44ดอกบัวเจ็ดสี2
ในเวลานี้หลินมู่อวี่รู้สึกแค่ว่าทั่วร่างของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่กล้าแข็ง ราวกับต้องการจะระเบิดออกมา หลังจากเปล่งเสียงออกมา น้ำเต้าเขียวก็ปรากฏขึ้น หลินมู่อวี่ยื่นมือออกไปด้านหน้า ทันใดนั้นน้ำเต้าขนาดใหญ่ก็ปรากฏออกมาอยู่ด้านหน้าในลักษณะแนวนอน แล้วก็เกิดเสียง “วิ้ง” ดังขึ้น ทักษะของน้ำเต้าทำงาน พ่นเปลวไฟที่ร้อนแรงออกมาอย่างรวดเร็ว และก่อตัวเป็นกระดองเต่าทมิฬสีแดงเพลิงอยู่ด้านหน้าของน้ำเต้า
“กระดองเต่าทมิฬ…”
ชวีฉู่ตกใจอยู่เงียบๆ เอ่ยขึ้น “ถึงแม้น้ำเต้าเขียวของเจ้าจะเป็นแค่วิญญาณยุทธ์ระดับสิบ แต่เมื่อได้ปรับขั้นถึงสองขั้นก็สามารถหลอมกลั่นทักษะพลังวิญญาณยุทธ์ออกมาได้ถึงสองครั้ง นับว่าหาได้ยากจริงๆ ! องค์หญิงซี ลองใช้จิ้งจอกอัคคีของท่านทดสอบการป้องกันของกระดองเต่าทมิฬของหลินมู่อวี่ดูหน่อยเป็นไงพ่ะย่ะค่ะ”
“ได้ไหม มู่มู่” ถังเสี่ยวซีเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง หลังจากที่นางเข้าสู่ขอบเขตปฐพีชั้นที่หนึ่งแล้ว ฝีมือของนางก็สูงกว่าอีกฝ่ายหนึ่งขั้น อีกอย่างจิ้งจอกอัคคีก็เป็นวิญญาณยุทธ์ระดับสอง ชนะน้ำเต้าเขียวหลายขุม เกิดพลาดพลั้งทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บคงไม่ดีแน่
หลินมู่อวี่กำลังอยากทดสอบพลังป้องกันของกระดองเต่าทมิฬอยู่พอดี เขาพยักหน้ารับด้วยความปิติ “เชิญขอรับองค์หญิง!”
ถังเสี่ยวซีเองก็ตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย นางกำหมัด “พรึ่บ” เปลวไฟพันรอบตัว วิญญาณยุทธ์จิ้งจอกอัคคีปรากฏกายขึ้น เสียงหวีดร้องดังขึ้นพุ่งเข้าใส่กำแพงน้ำเต้าที่ออกมาจากฝ่ามือของหลินมู่อวี่
“ปัง!”
แสงเพลิงพุ่งออกไป จิ้งจอกอัคคีเป็นสัตว์ธาตุไฟ แต่กระดองเต่าทมิฬก็เป็นธาตุไฟเช่นเดียวกัน หลินมู่อวี่ถูกแรงโจมตีถอยร่นไปหลายก้าว เลือดลมในอกก็กลับตาลปัตร ทำได้ดี ถังเสี่ยวซีถึงแม้จะดูเป็นสาวน้อยรูปงามที่ดูอ่อนโยน แต่แท้จริงแล้วนางแข็งแกร่งดังคาด ด้วยการโจมตีนี้แทบจะทำให้แขนของตัวเองชาไปทั้งแถบ อีกอย่างดูแล้วนางไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด มิเช่นนั้นตนเองคงจะรับมือไม่ไหวเป็นแน่
ถังเสี่ยวซีเองก็ตกตะลึง การโจมตีของจิ้งจอกอัคคีครั้งนี้ใช้พลังอย่างน้อยแปดส่วน เดิมทีคิดว่าจะสามารถเอาชนะกระดองเต่าทมิฬได้ แบบนั้นนางก็จะสามารถดึงพลังกลับมาได้อย่างรวดเร็วและไม่ทำร้ายถูกหลินมู่อวี่ แต่ที่ทำให้ถังเสี่ยวซีคิดไม่ถึงก็คือ หลังจากที่ถูกโจมตีด้วยเสียงคำรามของจิ้งจอกอัคคีแล้ว กระดองเต่าทมิฬกลับไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ถึงแม้หลินมู่อวี่จะถูกโจมตีจนต้องถอยร่นไป แต่นั่นก็เป็นเพราะข้อได้เปรียบของพลังเปลวไฟของตนเอง ไม่ได้หมายความว่าจิ้งจอกอัคคีโจมตีชนะน้ำเต้าเขียว
ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ทำให้นางรู้สึกเศร้าใจ นางเกิดในตระกูลถังซึ่งเป็นตระกูลดังแห่งเมืองชีไห่ อายุยังน้อยแต่ก็ปลุกวิญญาณยุทธ์จิ้งจอกอัคคีได้แล้ว พี่ชายคนอื่นในตระกูลไม่มีใครที่สืบทอดวิญญาณยุทธ์จิ้งจอกอัคคีนี้ ยกเว้นตนเองผู้เดียว นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้นางเป็นหลานคนโปรดของท่านปู่ จิ้งจอกอัคคีเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลและเป็นสัญลักษณ์ของพลังด้วย แต่ตอนนี้ วิญญาณยุทธ์ระดับสองของตนทำได้แค่โจมตีเสมอกับวิญญาณยุทธ์ระดับสิบของหลินมู่อวี่เท่านั้น สำหรับถังเสี่ยวซีที่ชอบเอาชนะแล้วเรื่องนี้จึงสะเทือนใจนางเป็นอย่างยิ่ง
แต่ว่า เมื่อเห็นหลินมู่อวี่ขมวดคิ้วใช้ความคิด ถังเสี่ยวซีก็โกรธไม่ลง กลับรู้สึกว่าตนเองอาจจะทำให้เขาบาดเจ็บ และรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย จึงเรียกจิ้งจอกอัคคีกลับคืนแล้วถามเขา “มู่มู่ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
การที่นางถามแบบนี้ทำให้หลินมู่อวี่รู้สึกเขินอาย เขาส่ายหน้า “ไม่เป็นไรๆ การโจมตีของจิ้งจอกอัคคีรุนแรงเกินไปสำหรับน้ำเต้าเขียวน่ะ แขนเลยชานิดหน่อย…”
ถังเสี่ยวซียิ้มดีใจ “งั้นก็ดี ข้านึกว่าทำให้เจ้าบาดเจ็บแล้วเสียอีก!”
ชวีฉู่ที่อยู่ด้านข้างเอ่ยว่า “พลังของเจ้าหนูนี่ไม่กระจอกอีกแล้ว แถมน้ำเต้าก็ยังได้ทักษะของกระดองเต่าทมิฬอีกด้วย เดินเข้าสู่เส้นทางวิญญาณยุทธ์สายสนับสนุนเต็มตัว ถ้าท่านคิดจะทำร้ายเขา เห็นทีคงจะไม่ง่ายอีกต่อไป”
ถังเสี่ยวซีแลบลิ้นออกมา “ข้าไม่ได้คิดจะทำร้ายเขานะ!”
หลินมู่อวี่แอบยิ้มโดยไม่พูดอะไร
ฟ้ามืดแล้ว ชวีฉู่มองท้องฟ้าแล้วเอ่ยขึ้น “คืนนี้ดูท่าคงเดินทางต่อไม่ได้แล้วล่ะ ในเมื่อพลังขององค์หญิงซีเข้าสู่ขอบเขตปฐพีชั้นที่หนึ่งแล้ว เช่นนั้นภารกิจของข้าก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์ คืนนี้พวกเราก็พักแรมที่นี่กันอีกสักคืน พรุ่งนี้เช้าตรู่ค่อยรีบเดินทางกลับเมืองหยินซาน”
“ตกลง”
พวกเขาก่อกองไฟ เดิมทีตั้งใจที่จะย่างซาลาเปากินกัน แต่ถังเสี่ยวซีกินซาลาเปาจนเอียนแล้ว ดังนั้นจึงไปหยิบหม้อจากย่ามบนหลังม้ามา ตัดสินใจว่าจะต้มน้ำแกงเนื้อกิน ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว จะไปจับกระต่ายมากินคงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นจึงได้แต่เฉือนเนื้อบนตัวเต่าทมิฬและมังกรไฟออกมา เนื้อของสัตว์สองประเภทที่ต่างกันสุดขั้วถูกต้มลงหม้อเดียวกัน ให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ทีเดียว อีกอย่างชวีฉู่ก็มักจะพักค้างแรมข้างนอกบ่อยๆ จึงมีเกลือและเครื่องปรุงรสติดมาด้วย หลินมู่อวี่เก็บผักป่ากลับมาแล้วโยนลงไปต้มรวมกัน จากนั้นไม่นานกลิ่นหอมก็ตลบอบอวลไปทั่ว
หลังจากที่เข้าสู่ป่าสัตตะดารา ถังเสี่ยวซีก็ไม่ได้กินของอร่อยอีกเลย ในที่สุดตอนนี้ก็จะได้กินอย่างสุขใจเสียที หลินมู่อวี่ก็กินเข้าไปมิใช่น้อย ดูดซับพลังมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องเสริมพลังเพิ่มเข้าไปมากขึ้นเท่านั้น
หลังจากเข้าสู่เวลากลางคืนแล้ว ถังเสี่ยวซีก็นอนหลับ นางนอนตะแคงหันหลัง ให้หลินมู่อวี่ องค์หญิงรูปงามองค์นี้นอนเยอะกว่าหลินมู่อวี่กับชวีฉู่เสียอีก มิน่าเล่าถึงได้ดูสะโอดสะองขนาดนั้น หากทำตัวอดนอนเหมือนชวีฉู่ หน้าตาคงได้เหมือนเขา ผิวหน้าหยาบกร้านอย่างกับเปลือกไม้เป็นแน่
หลินมู่อวี่นั้นไม่ได้นอนหลับ แต่กลับฝึกท่าพิฆาตอสนีบาตกับมีดบินต่ออีกหลายชั่วโมง จากนั้นเขาก็ดำลงไปยังที่ก้นทะเลสาบ
“เจ้าเด็กนี่…”
ชวีฉู่หรี่ตา แล้วเปิดอาณาเขตการรับรู้ หลังจากรู้สึกได้ว่าบริเวณโดยรอบไม่มีภยันอันตรายใดๆ เขาก็เดินตามไป และพบว่าหลินมู่อวี่ดำลงไปที่ก้นของทะเลสาบ สองสามนาทีต่อมาเขาก็โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ พร้อมกอดดอกบัวที่ส่งกลิ่นหอมไว้กอหนึ่ง ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่อง ดอกบัวเหล่านี้เต็มไปด้วยสีสันและเสน่ห์ที่เย้ายวน