บทที่ 33 ล่อเหยื่อ

“เอ่อ…คุณโอเคหรือเปล่า?”

เมื่ออยู่กับอวี้ฮ่าวหรานแบบสองต่อสอง สวีรุ่ยรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่เหมือนกัน เธอไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง

“อืม ผมโอเค”

ทางด้านของอวี้ฮ่าวหรานก็รู้สึกกระอักกระอ่วนไม่แพ้กัน เพราะว่าเขาไม่ค่อยได้มีโอกาสอยู่กับผู้หญิงแบบสองต่อสองแบบนี้สักเท่าไหร่นัก

ถึงแม้ว่าเขาจะใช้ชีวิตอยู่ที่ดินแดนแห่งเทพมากกว่า 3 หมื่นปี แต่ด้วยความรักหนักแน่นที่เขามีต่อภรรยาเพียงแค่คนเดียว เขาจึงแทบไม่สุงสิงกับผู้หญิงคนไหนเลยถึงแม้ว่าจะมีบรรดาเทพธิดาหรือเจ้าหญิงมากมายพยายามเข้าหาเขานับครั้งไม่ถ้วนก็ตาม

“เอาล่ะ ผมดื่มชาเสร็จแล้วผมขอตัวกลับก่อนก็แล้วกัน” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นเมื่อเขาดื่มชาหมด

“เอ๊? คุณจะกลับแล้วงั้นเหรอ?”

สวีรุ่ยรู้สึกมึนงงเล็กน้อย เพราะจู่ ๆ อวี้ฮ่าวหรานก็ขอกลับเลยทั้ง ๆ ที่พวกเขาแทบไม่ได้คุยอะไรกันเลย

“ใช่ เอาเป็นว่าถ้าคุณมีปัญหาอะไรคุณโทรหาผมได้ตลอด ผมจะมาช่วยคุณเอง” หลังจากพูดจบอวี้ฮ่าวหรานก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากบ้านทันทีโดยไม่รีรออะไรเลย

สวีรุ่ยมองแผ่นหลังของอวี้ฮ่าวหรานที่หายลับไปเมื่อประตูปิดลงด้วยสีหน้างุนงง เธอไม่เข้าใจเลยว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนยังไงกันแน่!

ในเวลาเดียวกันที่บ่อนลับแห่งหนึ่ง

“แม่งเอ๊ย! แค่ทำงานง่าย ๆ แค่นี้แกพลาดได้ยังไงกันวะ?”

“พี่เสี่ย ผมทำตามที่พี่บอกทุกอย่างแล้ว แต่…”

หัวหน้ากลุ่มนักเลงที่เมื่อครู่เพิ่งโดนอวี้ฮ่าวหรานอัดไปยืนก้มหน้าด้วยท่าทางขมขื่น เขาเพิ่งเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กับลูกพี่ของเขาฟัง

ชายวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่าพี่เสี่ยเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมดสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด ซึ่งมันยิ่งทำให้รอยแผลเป็นบนใบหน้าของเขามันยิ่งดูน่ากลัวมากขึ้นไปอีก

“ฮึ่ม! ไอ้เวรเอ๊ย คิดว่าต่อยตีเก่งหน่อยจะกำแหงกับฉันได้งั้นเหรอ ได้! ในเมื่อแกขัดผลประโยชน์ฉันแบบนี้งั้นฉันจะฝังแกเอง!”

เมื่อพูดจบชายที่ถูกเรียกว่าพี่เสี่ยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกทันที

“อู่ปิง แกไปสืบมาว่าคนที่ชื่ออวี้ฮ่าวหรานมันเป็นใคร ไอ้เวรนี่มันกล้าอัดลูกน้องของฉัน ฉันต้องการให้มันตาย!”

เมื่อประกาศโทษตายจบเขาก็วางสายไปด้วยสีหน้าอาฆาต

หัวหน้ากลุ่มนักเลงที่เพิ่งโดนอัดมาเมื่อเห็นว่าลูกพี่ตัวเองจะแก้แค้นให้แบบนี้ก็มีสีหน้าที่ดีขึ้น เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่อวี้ฮ่าวหรานกำลังจะโดนจัดการ

ฮึ่ม! ไอ้สวะเอ๊ย แกกล้ามาแหยมกับแก๊งแมงป่องของพวกเรางั้นเหรอ แกไม่ได้ตายดีแน่!

“พี่เขย!”

“หืม?”

อวี้ฮ่าวหรานที่เพิ่งกลับถึงบ้านถูกหยุดโดยหลี่หรง ซึ่งกำลังอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น

“พี่เขยฉันขอบคุณพี่จริง ๆ ที่วันนี้พี่ช่วยบริษัทของพ่อฉันให้พ้นจากวิกฤต หากวันนี้ไม่ได้พี่ฉันเองก็คงไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง หรือไม่บางทีฉันคงอาจจะต้องยอม…”

เมื่อพูดถึงจุดนี้หลี่หรงก็หยุดพูดด้วยสีหน้าหดหู่ แต่แล้วเมื่อเธอนึกถึงคำพูดที่อวี้ฮ่าวหรานพูดเมื่อตอนกลางวันว่าเขาจะดูแลเธอนับจากนี้ หน้าของเธอก็กลายเป็นสีอมชมพู

“เอ่อ…พี่เขย คำพูดที่พี่พูดเมื่อกลางวันนี้…พี่พูดจริงหรือเปล่า?”

ในทันทีที่พูดจบ หลี่หรงก้มหน้าหลบสายตาของอวี้ฮ่าวหรานด้วยความเขินอาย

ถึงแม้ว่าในใจของเธอจะรู้อยู่เต็มอกว่ามันไม่ควรที่เธอจะแสดงท่าทีแบบนี้ต่อคนที่เป็นพี่เขยของเธอเอง แต่พอเธอคิดถึงความรู้สึกตอนที่อวี้ฮ่าวหรานปกป้องเธอในวันนี้ และก่อนหน้านี้จากอู๋เส้าฮัวเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นไหวมากขึ้นเรื่อย ๆ

“เมื่อตอนกลางวัน?” อวี้ฮ่าวหรานถามกลับด้วยสีหน้างุนงง “พี่พูดไปอยู่หลายประโยคเกี่ยวกับบริษัทชงซาน…อะ อ่อ…”

เมื่อพูดไปได้ครึ่งประโยค อวี้ฮ่าวหรานก็พอจะเข้าใจแล้วว่าหลี่หรงหมายถึงคำพูดประโยคไหน ซึ่งมันทำให้เขามองเธอด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน

แต่แล้วเมื่อเขามองหลี่หรงในตอนนี้ที่กำลังแสดงอาการเขินอาย เขาก็รู้ได้ทันทีว่าหลี่หรงกำลังรอคำตอบอย่างคาดหวังจากเขา และเมื่อเขายิ่งมองไปที่ใบหน้าที่สมบูรณ์แบบผิวที่เรียบเนียนในหัวของเขามันก็เริ่มเบลอไปเหมือนกัน

หากบอกกับเธอไปว่าเราพูดจริงมันก็คงจะ…บ..บ้าเอ๊ย ไม่ได้!

นี่เราคิดบ้าอะไรอยู่กันวะเนี่ย เธอเป็นน้องภรรยา!

เมื่อได้สติอวี้ฮ่าวหรานก็ก่นด่าตัวเองอยู่สักพัก จากนั้นเขาพูดว่า “อะแฮ่ม คือแบบนี้…เอ่อ…วันนี้ตอนพี่ไปรับถวนถวน คุณครูที่โรงเรียนเหมือนจะมอบหมายงานบางอย่างให้ถวนถวนทำ พี่ว่าตอนนี้พี่ไปช่วยดูให้ถวนถวนหน่อยจะดีกว่า พี่ไปก่อนล่ะ!”

เมื่อพูดจบอวี้ฮ่าวหรานก็ลุกขึ้น และสับเท้าอย่างรวดเร็วเข้าไปในห้องของถวนถวนทันที

“พ่อจ๋าทำไมพ่อถึงหน้าแดงแบบนี้?”

“พ…พ่อ ไม่มีอะไรถวนถวน พ่อแค่ร้อนน่ะลูก!”

อวี้ฮ่าวหรานควบคุมอารมณ์ให้สงบอย่างรวดเร็ว เขาไม่คิดเหมือนกันว่าหลังจากกลับมาอยู่โลกมนุษย์ได้ไม่นาน สภาวะความมั่นคงของจิตใจของเขามันจะอ่อนแอลงแบบนี้ หากเป็นเมื่อก่อนตอนอยู่ที่ดินแดนแห่งเทพ เขาไม่เคยมีอาการแบบนี้เลยสักครั้ง

วันต่อมา

เช้าวันต่อมาอวี้ฮ่าวหรานได้รับสายจากเฉิงกัวอัน ซึ่งน้ำเสียงของปลายสายนั้นไม่ดีเอาซะเลย เฉิงกัวอันต้องการให้อวี้ฮ่าวหรานไปหาที่บริษัทด่วนที่สุด

แน่นอนว่าอวี้ฮ่าวหรานไม่ปฏิเสธเนื่องจากฝั่งตรงข้ามเพิ่งช่วยเหลือเขาไป ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะต้องตอบแทน

1 ชั่วโมงต่อมาอวี้ฮ่าวหรานก็นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเฉิงกัวอันที่ชั้นบนสุดของบริษัทซานฮ่วยอัน

เมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของเฉิงกัวอัน อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “คุณเป็นอะไรทำไมต้องทำหน้ากังวลแบบนี้?”

“มันเป็นเพราะข้อความที่คุณส่งมาให้ผมล่าสุดที่เกี่ยวกับบริษัทเว่ยไห่ ผมส่งคนไปตรวจสอบมันเรียบร้อยแล้ว…” เฉิงกัวอันตอบกลับด้วยรอยยิ้มขมขื่น

“แล้วมันเป็นยังไง?” อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าและถามกลับทันที

“ที่ผมเรียกคุณมาเพราะผมไม่ได้ข้อมูลอะไรเลย ทีมที่ผมส่งไปสืบข้อมูลทั้งหมดหายตัวไปอย่างลึกลับไม่มีใครกลับมาสักคน” เฉิงกัวอันตอบกลับพลางนวดขมับตัวเอง

เมื่อได้ยินคำตอบนี้อวี้ฮ่าวหรานเองก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

เห็นได้ชัดว่าฝั่งตรงข้ามไม่น่าจะธรรมดา…

หลังจากครุ่นคิดไปพักใหญ่ อวี้ฮ่าวหรานก็เอ่ยขึ้นว่า “เอาเป็นว่าเดี๋ยวเรื่องนี้ผมจัดการให้ เดี๋ยวผมจะปลอมตัวเป็นคุณและล่อฝั่งตรงข้ามไปที่ลับตาคนเพื่อจับพวกมันมาสักคนสองคนแล้วเอามาเค้นข้อมูลดูก็แล้วกัน”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของอวี้ฮ่าวหราน สีหน้าของเฉิงกันอันเปลี่ยนเป็นโล่งใจทันที เขาคิดว่าวิธีการนี้ค่อนข้างเข้าท่า

แต่เฉิงกัวอันก็ยังเป็นกังวลอยู่เล็กน้อย

“แต่ถ้าทำแบบนั้นความปลอดภัยของคุณ…คุณแน่ใจเหรอว่าจะสามารถรับมือกับฝั่งตรงข้ามได้ทั้งหมด พวกเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฝั่งตรงข้ามเป็นใคร มีความสามารถอะไร หรือมีจำนวนเท่าไหร่? ทีมที่ผมส่งไปทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่เป็นพวกหน่วยรบพิเศษเก่าทั้งหมด แต่พวกเขาก็ยังไม่รอดกลับมาสักคน…”

“ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก!” อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับด้วยรอยยิ้มมั่นใจ

ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่มีพลังเหมือนเมื่อตอนอยู่ดินแดนแห่งเทพ แต่เขาก็ยังมีร่างเทวะที่แม้แต่กระสุนปืนก็เจาะทะลุผิวหนังไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวมนุษย์ธรรมดาคนไหนเลย

หลังจากคุยกันไปได้อีกสักพัก พอเริ่มสายอวี้ฮ่าวหรานก็แต่งตัวแต่งหน้าพร้อมทั้งใส่แว่นดำให้คล้ายกับเฉิงกัวอัน และขับรถของเฉิงกัวอันออกไปจากตึกมุ่งไปยังเขตชานเมืองไร้ผู้คนของเมืองฮ่วยอัน

ในระหว่างทางที่เขาขับรถอยู่นั้น อวี้ฮ่าวหรานพยายามสอดส่องรอบ ๆ อยู่ตลอดเวลาซึ่งเขาก็สังเกตเห็นว่าตอนนี้มีใครบางคนขับรถตามเขามาอยู่จริง ๆ

“เหอะ ไอ้พวกมดแมลง!”

หลังจากเย้ยหยันสั้น ๆ อวี้ฮ่าวหรานเร่งเครื่องให้เร็วขึ้นอีก แสร้งทำเป็นว่าตอนนี้เขารู้ตัวแล้วว่ากำลังโดนตาม และพยายามจะสลัดฝั่งตรงข้ามให้หลุด

แน่นอนว่าเมื่อเห็นเช่นนี้ ฝั่งตรงข้ามที่ตามมาก็กินเบ็ดทันที มันขับรถไล่จี้มาติด ๆ

หลังจากขับไล่กันไปได้ระยะหนึ่ง ในที่สุดอวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถไปจอดที่ตึกร้างซึ่งไม่มีใครอาศัยอยู่ในบริเวณโดยรอบ

หลังจากลงจากรถ อวี้ฮ่าวหรานวิ่งเหยาะ ๆ ไปด้านหลังตึกร้างเพื่อให้ฝั่งตรงข้ามมองตามทัน และตามเขามาได้ถูก

ฝั่งตรงข้ามเมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานวิ่งไปหลบหลังตึกเขารีบลงจากรถและวิ่งตามไปในทันที แต่แล้วเมื่อพ้นมุมตึกไปสิ่งที่เขาพบกลับมีแต่ความว่างเปล่า!

“เอ๊?”

ชายปริศนารู้สึกงุนงงเป็นอย่างมาก

“เหอะ ๆ มดแมลงอย่างแกคิดว่าจะจัดการกับเทพอย่างข้าได้งั้นเหรอ?”

เสียงที่ฟังแล้วหนาวไปถึงกระดูกสันหลังจู่ ๆ ก็ดังขึ้นที่ด้านหลัง!

ในวินาทีเดียวกันนั้น ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมานานของชายปริศนา เมื่อเขาได้ยินเสียงของอวี้ฮ่าวหรานดังขึ้นทางด้านหลัง เขาม้วนตัวกระโดดถีบไปยังทิศทางเดียวกับที่เกิดเสียงทันที

อวี้ฮ่าวหรานส่ายหัวเล็กน้อยกับความพยายามของฝั่งตรงข้าม เขาเอี้ยวตัวหลบแบบสบาย ๆ จากนั้นเขาก้าวเท้าสองก้าวเข้าประชิดตัวฝั่งตรงข้ามพร้อมกับเหยียดมือซ้ายไปกุมที่คอของชายปริศนาอย่างแน่นหนาและรวดเร็ว

“ใครส่งแกมา?”

“เหอะ! นึกอยู่แล้วเชียวว่าแกจะต้องไม่ใช่เฉิงกัวอัน ไม่งั้นฉันคงไม่มีทาง…อ้าก!!”

“กร๊อบ!”

อวี้ฮ่าวหรานไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระอะไรทั้งนั้น เขาหักแขนข้างหนึ่งของฝั่งตรงข้ามด้วยมือขวาของเขาทันที!