บทที่ 34 รนหาที่ตาย

“ฉันจะไม่ถามอีกเป็นครั้งที่สอง บอกมา!” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาพร้อมกับบีบคอฝั่งตรงข้ามแรงขึ้นอีก

“ก็ได้ ๆ! บริษัทเว่ยไห่ส่งฉันมา หลังจากคุณถงรู้แล้วว่าเฉิงกัวอันรู้ตัว และฆ่าคนที่เฉิงกัวอันส่งมาทั้งหมด เขาส่งพวกฉันให้ตามสะกดรอยเฉิงกัวอัน และสังหารเมื่อมีโอกาส”

อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะในลำคอเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนี้ ตามที่เขาคาด คนแซ่ถงอะไรนั่นเลือดเย็นพอสมควรเลย

“ฟิ้ว…ฟิ้ว..”

ในเวลาเดียวกัน จู่ ๆ ลูกดอกหน้าไม้สมัยใหม่หลายดอกก็พุ่งมาที่ร่างของอวี้ฮ่าวหรานอย่างรวดเร็วในมุมที่ต่างกัน

หากเป็นคนธรรมดาการโดนลอบยิงแบบนี้มันย่อมหมายถึงความตายแน่นอน

แต่อวี้ฮ่าวหรานเป็นคนธรรมดาซะเมื่อไหร่?

เมื่อสัมผัสได้ถึงลูกดอกที่พุ่งเข้ามา อวี้ฮ่าวหรานโคจรพลังวิญญาณไปที่มือขวา และโบกมือส่งคลื่นพลังวิญญาณปัดลูกดอกทั้งหมดให้เปลี่ยนทิศทางไปจนหมด!

ในทันทีที่ลูกดอกพลาดเป้า คนอีก 6 คนในชุดดำก็เดินออกมาจากที่ซ่อนในตำแหน่งแตกต่างกัน

“แกไม่ใช่เฉิงกัวอันจริง ๆ ด้วย! ฉันก็แปลกใจอยู่ว่าทำไมไอ้แก่นั่นถึงได้พาพวกเรามาในที่แบบนี้”

เมื่อเห็นหน้าของอวี้ฮ่าวหรานชัด ๆ คนที่น่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย

หัวหน้ากลุ่มผู้นี้เป็นชายอายุราว 30 กว่า ๆ การย่างก้าวอันมั่นคงของเขา มันทำให้อวี้ฮ่าวหรานพอจะเดาได้ว่าคนผู้นี้น่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญของโลกนี้

“ไอ้หนุ่ม ฝีมือของแกไม่เบาเลย มิน่าล่ะแกถึงได้สามารถทำลายแผนของคุณถงได้ง่ายดายนัก”

ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าลูกดอกทั้งหมดที่เขา และลูกน้องยิงออกไปเมื่อครู่มันกลับไปปักกระจุกอยู่ที่พื้นดินในตำแหน่งเดียวกันทั้งหมด

เขารู้ได้ทันทีว่าอวี้ฮ่าวหรานไม่ธรรมดา!

“น่าเสียดายที่ต่อให้แกจะเก่งกาจสักแค่ไหน แต่วันนี้มันเป็นวันตายของแกแน่นอน!”

“หึ พวกมดแมลงนี่พูดมากจริง” อวี้ฮ่าวหรานส่ายหัวและพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา

คิดจะฆ่าเขางั้นเหรอ?

ในตอนที่เขาปกครองสวรรค์ชั้น 33 แค่เขาพ่นลมหายใจเพียงครั้งเดียว ไม่ว่าจะเป็นเทพหรือมารยังต้องกลัวจนหัวหด แต่ตอนนี้มนุษย์ธรรมดากลับบอกว่าจะฆ่าเขาเนี่ยนะ?

น่าขำสิ้นดี!

“มดแมลง? ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้นี่มันตลกว่ะ!”

“โอย ไอ้นี่มันไม่เหมือนใครจริง ๆ พวกเราเป็นมดแมลงงั้นเหรอ? อยากจะรู้จริง ๆ ว่าตอนที่ฉันตัดขามันทั้งสองข้างมันจะยังบอกว่าเราเป็นมดแมลงอยู่หรือเปล่า?”

เมื่อพูดจบ บรรดาคนชุดดำทั้งหลายต่างโยนหน้าไม้ในมือตัวเองทิ้งและควักมีดหลากหลายแบบขึ้นมาในมือ ยกเว้นหัวหน้ากลุ่มที่ยังคงยืนกอดอกมองสถานการณ์ด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าอวี้ฮ่าวหรานไม่ธรรมดา แต่เขาก็มั่นใจว่าการประสานการโจมตีของลูกน้องเขานั้นไร้เทียมทาน เพราะลูกน้องของเขาไม่เคยพลาดมาก่อนแม้จะเจอกับเป้าหมายที่แข็งแกร่งมาก ๆ ก็ตาม

อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเล็กน้อยก่อนที่จะหักคอคนที่เขาจับอยู่ และพุ่งตัวสวนออกไปหากลุ่มชายชุดดำที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว โดยที่สายตาคนธรรมดาไม่มีทางจะมองทัน

“ปัง ปัง ปัง!”

“กร๊อบ กร๊อบ กร๊อบ!”

เสียงหมัดและแข้งปะทะร่างมนุษย์ ตามมาด้วยเสียงแตกละเอียดของกะโหลกดังประสานกันต่อเนื่อง

แค่เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น คนชุดดำ 5 คนที่พุ่งเข้ามาหาอวี้ฮ่าวหรานนอนตายอยู่ที่พื้น โดยที่ไม่ทันร้องออกมาสักแอะ กะโหลกของพวกเขาต่างถูกต่อยจนแหลกละเอียดไปพร้อมกับสมอง!

หัวหน้ากลุ่มคนชุดดำตกตะลึงทันทีเมื่อเห็นผลลัพธ์แบบนี้ แต่ด้วยประสบการณ์ผ่านความเป็นตายมามากมาย เขาจึงยังคงรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ได้

“ดูเหมือนว่าฉันคงจะต้องฆ่าแกด้วยมือของฉันเอง!”

หลังจากพูดจบ ผู้นำกลุ่มนักฆ่าควักมีดออกมา และพุ่งไปหาอวี้ฮ่าวหรานทันทีด้วยความเร็วที่มนุษย์ธรรมดาไม่มีทางทำได้

“เคร้ง!”

แต่แล้วภาพที่น่าเหลือเชื่อก็บังเกิดขึ้นในสายตาของผู้นำกลุ่มนักฆ่า

ในวินาทีที่มีดสั้นในมือของเขาจะไปถึงทรวงอกของอวี้ฮ่าวหราน จู่ ๆ อวี้ฮ่าวหรานกลับใช้มือเปล่าคว้าใบมีดของเขาได้อย่างเหมาะเจาะและบีบใบมีดจนแหลกละเอียด!

นี่มันคือมีดที่สั่งทำพิเศษจากแบบดามัสกัส ซึ่งถือได้ว่าเป็นมีดที่คมและยืดหยุ่นอันดับต้น ๆ ของโลก และมันมีราคาแพงเป็นอย่างมาก แต่คนคนนี้กลับบดมันละเอียดได้ด้วยมือเปล่า!

นี่มันไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถทำได้!

เมื่อเห็นเช่นนี้ผู้นำกลุ่มนักฆ่ารีบปล่อยมีดและดีดตัวถอยหลังทันทีอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาไม่มีความคิดที่จะสู้ต่ออีกแล้ว

การสู้กับคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้มันเป็นการรนหาที่ตายชัด ๆ!

แต่น่าเสียดายที่ความเร็วของเขานั้นเทียบกับอวี้ฮ่าวหรานที่มีร่างเทวะไม่ได้เลย แค่เพียงพริบตาเดียวร่างของอวี้ฮ่าวหรานก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขาและออกหมัดอย่างรวดเร็ว

หมัดนี้ไม่ใช่หมัดธรรมดา แต่เป็นหมัดที่อวี้ฮ่าวหรานโคจรพลังวิญญาณผสมเข้าไปด้วย!

“ปัง!!! กร๊อบบบ!!!”

ผู้นำกลุ่มนักฆ่ายกแขนขึ้นป้องกันหน้าอกของตัวเองโดยสัญชาตญาณ ส่งผลให้กระดูกแขนของเขาทั้งสองข้างแตกละเอียดไม่มีชิ้นดี ส่วนร่างของเขานั้นกระเด็นไปไกลถึง 8 เมตรจากแรงปะทะอันหนักหน่วง

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมฝั่งตรงข้ามถึงไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย

มันกลับกลายเป็นว่าฝั่งตรงข้ามคือปรมาจารย์ระดับสูงที่มองพวกเขาไม่ต่างอะไรกับมดแมลงที่จะบดขยี้ตอนไหนก็ได้ดั่งใจนึก!

ไม่เพียงแต่กระดูกแขนของเขาที่แตกละเอียด แต่ด้วยความรุนแรงของหมัดอวี้ฮ่าวหราน กระดูกบางส่วนที่แตกในแขนของเขานั้นกลับพุ่งทะลุออกจากผิวหนังเสียบเข้าไปที่อกของเขาหลายจุดทะลุไปถึงหัวใจ จนมันทำให้อาการบาดเจ็บของเขาสาหัสเกินจะเยียวยา

หลังจากนี้อีกไม่กี่วินาทีเขาจะต้องตายแน่นอน

หลังจากการปะทะเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ บริเวณตึกร้างก็เงียบสงบลงเหมือนเดิมราวกับป่าช้า

“กริ๊งงง….กริ๊งงงงง…”

ในขณะที่ทุกอย่างกำลังเงียบสงบ จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของหัวหน้ากลุ่มนักฆ่าก็ดังขึ้นทำลายบรรยากาศความเงียบ

อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วเดินเข้าไปหาหัวหน้ากลุ่มนักฆ่าที่นอนช่วยเหลือตัวไม่ได้ และล้วงเข้าไปหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงของหัวหน้ากลุ่มนักฆ่า

“ฮัลโหล หยางเหยียน? ไอ้เฉิงกัวอันมันตายแล้วใช่ไหม?” เสียงที่ดูมีอายุดังขึ้นจากปลายสาย

แน่นอนว่าคนที่โทรเข้ามาน่าจะไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคนแซ่ถงจากบริษัทเว่ยไห่

หลังจากที่ได้รับการแจ้งว่าเฉิงกัวอันเดินทางคนเดียวเขาก็อดไม่ได้ที่จะโทรมายืนยันผลงานของนักฆ่าที่ตัวเองจ้างด้วยความเบิกบาน

“หยางเหยียนตายไปแล้ว ส่วนแกคือรายถัดไป!”

อวี้ฮ่าวหรานพูดตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา

น้ำเสียงอันเย็นชาของอวี้ฮ่าวหรานทำให้ประธานของบริษัทเว่ยไห่รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว เขารีบวางสายทันทีด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

หยางเหยียนตายแล้ว!?

นี่มันเป็นไปไม่ได้!

มันจะเป็นไปได้ยังไงที่ผู้เชี่ยวชาญจะตายกันง่าย ๆ แบบนี้!

“เร็วเข้า รีบไปตามเฟิงเหลียนจ้างมาเดี๋ยวนี้! บอกไปว่ามีเรื่องด่วนที่สุด ฉันต้องการให้เขาช่วย!”

ประธานถงตะโกนดังลั่นด้วยสีหน้าตื่นตระหนกให้เลขานอกห้องได้ยิน ในตอนนี้เขาต้องการให้คนที่เขาเชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดมาอยู่ข้างกายของเขาเท่านั้น มันถึงจะทำให้เขารู้สึกปลอดภัย

ส่วนทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน เมื่อจัดการกับกลุ่มนักฆ่าเสร็จเขาก็เดินกลับไปขึ้นรถและขับกลับไปหาเฉิงกัวอัน และเล่าเรื่องทุกอย่างให้เฉิงกัวอันฟังด้วยสีหน้าสงบนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

จากนั้นเมื่อเสร็จธุระ อวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถกลับบ้านทันที วันนี้เป็นหยุดของถวนถวนดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องไปรอรับลูกสาว

เมื่อกลับถึงบ้าน เขาก็เห็นว่าในขณะนี้ถวนถวนกำลังนอนกลางวันเพราะพี่เลี้ยงหนิงเพิ่งกล่อมเด็กน้อยให้นอนหลับ ดังนั้นอวี้ฮ่าวหรานจึงใช้โอกาสนี้กลับเข้าไปในห้องเพื่อทำการบ่มเพาะต่อ

หลังจากผ่านไปอีกราว 1 ชั่วโมง จู่ ๆ ประตูห้องของอวี้ฮ่าวหรานก็มีเสียงเคาะดังขึ้น

อวี้ฮ่าวหรานลืมตาขึ้นทันที และเมื่อเขาเดินไปเปิดประตูก็เห็นว่าคนที่เคาะประตูก็คือหลี่หรง ซึ่งเพิ่งกลับมาจากบริษัท

“พี่เขย คืนนี้พ่อของฉันจะจัดงานเลี้ยงมื้อค่ำที่บ้านหลักของตระกูล พ่อของฉันต้องการเชิญพี่ไป เพราะงานเลี้ยงครั้งนี้เขาจัดเพื่อพี่โดยเฉพาะ”

“พ่อของฉันบอกว่าล่าสุดพี่รีบไปรับถวนถวนเกินไป จนเขาไม่มีเวลาพอที่จะขอบคุณเลย ดังนั้นครั้งนี้เขาต้องการขอบคุณพี่ในฐานะที่เป็นผู้มีพระคุณของตระกูลหลี่!”

หลี่หรงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเบิกบานสุดขีด 3 ปีที่แล้วพ่อของเธอเกลียดขี้หน้าพี่เขยของเธอเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้พ่อของเธอกลับยอมรับในตัวของพี่เขยเธอแล้ว ดังนั้นเธอจึงรู้สึกยินดีเป็นที่สุด

อวี้ฮ่าวหรานเมื่อได้ยินเช่นนี้เขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าพ่อตาของเขาจะสำนึกในการกระทำของเขามากขนาดนี้

“ก็ได้ งั้นพี่จะไปกับเธอ ส่วนถวนถวนก็ให้พี่เลี้ยงหนิงอยู่ดูไปก่อนจนกว่าเราจะกลับมาก็แล้วกัน”

ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะได้รับการปฏิบัติจากตระกูลหลี่แย่มาก ๆ แต่หลี่ชงซานก็ยังเป็นพ่อตาของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่อาจปฏิเสธความสัมพันธ์ที่มีต่อตระกูลหลี่ได้ โดยเฉพาะเวลานี้ที่ตระกูลหลี่พยายามทำดีกับเขา

เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า อวี้ฮ่าวหรานและหลี่หรงก็เดินทางไปถึงบ้านหลักตระกูลหลี่พอดี

แต่เมื่อไปถึงที่ห้องโถงหลักของคฤหาสน์กลับมีเพียงแค่โต๊ะจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ 3 โต๊ะจัดอยู่เท่านั้น นอกเหนือจากหลี่ชงซานและหลี่จิงเทียนตอนนี้มีคนของตระกูลหลี่อีกแค่สิบกว่าคนเท่านั้นที่นั่งอยู่ในห้องโถง

บรรยากาศในห้องโถงตอนนี้มันดูกระอักกระอ่วนเป็นอย่างมาก ต้องรู้ว่าก่อนหน้านี้คนเหล่านี้ทั้งหมดคือคนที่เคยดูถูกอวี้ฮ่าวหรานมาก่อน ดังนั้นการที่พวกเขามานั่งปั้นหน้ายิ้มแย้มให้กับอวี้ฮ่าวหรานตอนนี้มันจึงดูเป็นอะไรที่ไม่เป็นธรรมชาติอย่างมาก